นับตะวันลูบแขนตัวเองน้อยๆ เมื่อมีลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านร่างกายไป อากาศเริ่มเย็นเมื่อดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแทนที่ด้วยดวงจันทร์สีเหลืองนวลอีกทั้งยังมีดวงดาวนับล้านที่ทอประกายระยิบระยับราวกับเพชรอยู่บนนั้น คนตัวเล็กห่อกายเข้าหาตัวเองอีกครั้งเมื่อมีกลุ่มลมเย็นพัดผ่าน
ยิ่งดึกบรรยากาศก็ยิ่งครึกครื้น มีเสียงเพลงจากลำโพงที่พี่ไทเลอร์เปิดเอาไว้ พี่ตฤณกับพี่นานะกำลังย่างบาร์บีคิว ส่วนพี่เพลิงหายไปคุยโทรศัพท์ในบ้าน ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขากับพี่พอร์ชที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ
ริมฝีปากสวยขบเม้มเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะหลุบตามองเท้าของตัวเองเพราะไม่รู้ว่าควรจะเอาสายตาไปวางไว้ที่ตรงไหน พยายามเลี่ยงไม่ให้ไปมองด้านขวามือที่มีคนตัวสูงนั่งอยู่
“ตะวัน”
!!
ร่างเล็กของนับตะวันสะดุ้งเฮือกอย่างกะทันหันเมื่อถูกน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆ หันไปหาคนที่จ้องตนอยู่ก่อนหน้าอย่างช้าๆ
“...พี่พอร์ชเรียกตะวันทำไม”
พยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเมื่อได้สบกับดวงตาสีรัตติกาลเช่นเดียวกันกับสีผมของอีกฝ่าย พี่พอร์ชยังหล่อเหมือนเดิมเลย...ไม่สิ หล่อขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ จมูกโด่งเป็นสัน เจาะหูด้วย เท่ชะมัดแบบนี้สาวมาจีบเยอะแน่ๆ
เพราะมัวแต่จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอีกทั้งยังคิดอะไรแปลกๆ ในหัว ทำให้คนน้องเผลอยู่ปากน้อยๆ อย่างที่เจ้าตัวไม่รู้ แววตาที่ก่อนหน้ายังดูลุกลนก็แปรเปลี่ยนเป็นตัดพ้อน้อยๆ ภาพของนับตะวันในปัจจุบันซ้อนทับกับนับตะวันในอดีตที่ยังดูตัวเล็กจ้อยและตามติดเขามากกว่าพี่ชายแท้ๆ
อาจจะเพราะความเอ็นดู ทำให้พอร์ชยื่นมือไปวางลงบนศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นไหมนุ่มสีน้ำตาล ก่อนจะลูบไปมาอย่างแผ่วเบา เหมือนกับเมื่อก่อนที่นับตะวันชอบให้อีกฝ่ายลูบหัวให้บ่อยๆ
“ทำไมชอบหลบหน้าพี่”
“…”
“พี่ทำอะไรให้ตะวันโกรธหรือเปล่า”
“…”
“บอกพี่หน่อยครับ”
“…”
สัมผัสที่ได้รับทำเอาคนน่ารักเผลอเอียงหัวเข้าหามือหนาเหมือนในตอนที่ยังเป็นเด็กน้อย มือบางยื่นไปคว้าชายเสื้อคนพี่แล้วจับไว้แน่น
เพราะส่วนสูงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดทำให้นับตะวันต้องช้อนดวงตาขึ้นสบกับคนที่ตัวสูงกว่า
“ตะวันแค่ไม่ชิน”
“…”
“ก็ไม่ได้เจอพี่พอร์ชตั้งนานนี่นา”
ใครจะไปกล้าบอกล่ะว่าเขินๆๆ เมื่อก่อนว่าหล่อแล้วนะ ตอนนี้หล่อขึ้นกว่าเดิมอีกล้านเท่า
“แล้วทำไมกับไอ้เพลิงไอ้ไทเลอร์ตะวันเล่นกับมันปกติ”
“ก็ตะวั—”
ทว่าในจังหวะที่กำลังจะตอบกลับคนตัวสูงตรงหน้า เสียงพี่เพลิงก็ดังขึ้นเสียก่อน
“น้ำแข็งหมดว่ะ”
“อ้าว หาคนออกไปซื้อที่ซูเปอร์มาเก็ตหน้าหมู่บ้านเลย”
“ไอ้ตฤณมึงแหละไป มึงเจ้าถิ่น”
“ถุ้ย ทีงี้ให้กูเป็นเจ้าถิ่นเลยนะ แต่ไม่ไปจ้า จะอยู่กับน้องนานะคนสวยย”
“รำคาญ!”
“โอ๊ยย”
แล้วเจ้าถิ่นก็ถูกทุบหลังดังอั่กไปหนึ่งที นานะจ้องเขม็งคาดโทษคนหัวสีน้ำเงินเข้มตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ตฤณภพมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ชอบเขา เป็นบ้า!
“แล้วใครจะไปถ้าไม่ใช่มึงห๊ะไอ้ตฤณ”
เพลิงปวดกบาลกับไอ้เพื่อนตรงหน้าเต็มทน ไอ้ที่พูดไปก็ไม่ได้เข้าหูมันหรอกเพราะไอ้เจ้าของบ้านมันมัวแต่ส่งสายตาหวานเยิ้มให้นานะไม่หยุด ทำตัวปกติให้ได้ก่อนนะไอ้ตฤณ ไม่งั้นนานะมันไม่เอามึงเป็นผัวหรอก
“เดี๋ยวตะวันไปเองก็ได้ครับ”
คนตัวเล็กยกมืออาสาไปซื้อน้ำแข็งในครั้งนี้เอง โดยลืมไปแล้วว่าตัวเองขับรถไม่เป็น...
“น้องง น้องขับรถไม่เป็นนะ”
“งั้นเดี๋ยวกูไปกับตะวันเอง”
นับตะวันตาโตหันขวับมามองคนที่นั่งข้างกันอย่างกะทันหัน ไม่คิดว่าพี่พอร์ชจะอาสาไปกับเขาด้วย ท่าทางเลิ่กลั่กเหมือนลูกแมวทำเอาพอร์ชจุดยิ้มเล็กน้อยอย่างเอ็นดู
“ฝากน้องกูด้วยนะไอ้พอร์ช เธอเค้าอยากกินน้ำอัดลมเธอป้อนเค้าหน่อย”
ประโยคแรกตฤณภพบอกกับเพื่อนสนิท ส่วนประโยคสุดท้ายหันไปส่งเสียงออดอ้อนออเซาะใส่นานะ ซึ่งก็ได้รับกำปั้นไปอีกหนึ่งที
ร่างสูงของพอร์ชหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง มือหนายกมือเสยผมหนึ่งครั้ง เมื่อผมหล่นมาปรกตาก่อนจะหันมาดึงข้อมือของคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นตามเมื่อน้องยังนั่งเหม่ออยู่
จังหวะการก้าวเดินไม่ช้าไม่เร็วนักทำให้คนทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปยังโรงรถบริเวณหน้าบ้าน รถสปอร์ตคันสีดำสนิทซึ่งดูน่าค้นหาไม่ต่างไปจากผู้เป็นเจ้าของ นับตะวันแอบเหลือบตามองผู้เป็นเจ้าของส่วนสูง 187 เซนติเมตรโดยที่พอร์ชไม่ได้รับรู้ ก่อนจะรีบหันใบหน้าหนีทำเป็นมองรถแทนเมื่อคนตัวสูงหันมาสบตาอย่างกะทันหัน
ถูกลูกแมวแอบมองเมื่อกี้มีหรือพอร์ชจะไม่รู้ตัว ความจริงเขารู้ตัวทุกครั้งด้วยซ้ำ…แต่ทำเป็นไม่สนใจ เพราะกลัวคนที่แอบมองจะทำท่าทางเลิ่กลั่กแบบเมื่อกี้ไง
นับตะวันเปิดประตูเข้าไปนั่งในภายในรถก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆ จำได้ว่าคันนี้เป็นคนละคันกับที่เขาเคยนั่งเมื่อสมัยก่อน ทว่ากลิ่นหอมภายในรถยังเป็นกลิ่นเดิม กลิ่นหอมๆ เย็นๆ แบบที่นับตะวันชอบ
ดูท่าว่าเด็กน่ารักคงจะสำรวจรถเพลินไปหน่อยจนลืมไปว่าที่นั่งคนขับยังคงมีร่างสูงใหญ่ของพอร์ชอยู่ ดวงตาสีรัตติกาลเช่นเดียวกับสีผมทอดมองเด็กน้อยข้างกายที่แววตาเต็มไปด้วยความซุกซน
เหมือนลูกแมวที่เจ้าของพาออกไปเที่ยวครั้งแรก
อืม...นับตะวันเป็นแบบนั้นเลย
คนที่นั่งประจำที่คนขับยังคงนิ่งเฉยอีกทั้งยังไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ บรรยากาศภายในรถเงียบสงบแต่ทว่าไม่ได้สร้างความอึดอัดใจให้กับคนทั้งคู่ นับตะวันหยุดสำรวจรถคันสวยเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองกันอยู่
“ทำไมไม่คาดเข็มขัด”
“คะ...คือ อ้ะ!”
เพราะมัวแต่อ้ำอึ้งคิดหาคำตอบให้กับคำถามที่ได้รับ ดวงตากลมโตถึงได้เบิกกว้างในจังหวะที่คนพี่โน้มตัวขยับเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมที่แสนคุ้นเคย ท่อนแขนที่ประดับไปด้วยเส้นเลือดสวยเอื้อมไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้กับเจ้าลูกแมวน้อยที่ชะงักนิ่งงัน
คนหนึ่งหวังดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ส่วนอีกคนก็ยังใจเต้นแรงกับคนคนเดิม
ความใกล้ชิดที่นับตะวันได้รับอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เด็กน้อยเผลอไล่สายตามองสำรวจใบหน้าของคนพี่ในระยะประชิด ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันยามที่พอร์ชขยับตัวเล็กน้อย และนั่นก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของคนทั้งคู่ขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น มีเพียงแค่นับตะวันที่มองใบหน้าของอีกคนอยู่แบบนั้น ระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ได้ใกล้ชิดกัน แต่สำหรับนับตะวันเหมือนเวลานั้นมีค่านานนับชั่วโมง
พี่พอร์ชหล่อจัง...
“ต่อไปอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยนะครับ”น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอก
“อื้ม”
พวงแก้มเนียนรู้สึกร้อนฉ่าเหมือนเอาแก้มไปแนบกับของร้อน ความร้อนนั้นลามจากแก้มไปทั่วทั้งใบหน้าจนนับตะวันต้องเบือนใบหน้าออกไปมองนอกกระจก หวังว่าพี่พอร์ชจะไม่เห็นแก้มแดงๆ ของเขานะ
ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ห่างจากหน้าหมู่บ้านไม่มากนัก พี่ตฤณพานับตะวันมาซื้อขนมบ่อยๆ แต่ทว่าไม่เคยให้เขามาคนเดียวเลยสักครั้ง อันที่จริงนับตะวันสามารถเดินมาเองได้อย่างสบายๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พี่ตฤณไม่ยอม บอกว่าถ้าอยากมาให้บอก เดี๋ยวจะขับรถพามาเอง
ฮึ่ย เขาไม่ได้ 3 ขวบนะ!
อย่างที่เคยบอกว่าทุกความรู้สึกของนับตะวันจะแสดงออกมาผ่านใบหน้าและแววตา ดังนั้นการที่เจ้าลูกแมวน้อยขนปุกปุยข้างกายยู่ปากเบะปากเมื่อกี้ พอร์ชได้เห็นการกระทำนั้นทั้งหมดแล้ว
ใบหน้านิ่งเรียบค่อยๆ แสดงสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อยอีกทั้งยังจุดยิ้มที่มุมปากน้อยๆ อย่างที่นับตะวันไม่ทันได้เห็น เพราะมัวแต่ตีกับความคิดในหัวอยู่
“สบายดีไหม”
ประโยคคำถามจากคนตัวสูงดังขึ้นมาพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นมาวางบนศีรษะแล้วโยกไปมาเบาๆ
“สบายดีครับ”
“ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“...”
“เปลี่ยนเบอร์เหรอ”
“อื้อ ตะวันโดนคนนิสัยไม่ดีโทรมาแกล้งบ่อยๆ ปะป๊าเลยให้เปลี่ยนเบอร์”
ความอ่อนโยนบนใบหน้าของพอร์ชเลือนหายไปเมื่อได้ฟังคนข้างกายพูดจบ เรียวคิ้วขมวดน้อยๆ อย่างไม่พอใจ รถสปอร์ตสีดำคันหรูเลี้ยวเข้าจอดบริเวณข้างทาง ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะหันมาเผชิญหน้ากับลูกแมวน้อยที่แสดงสีหน้างุนงงเพราะไม่รู้ว่าทำไมพี่พอร์ชถึงจอดรถ
“มันคือใคร” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับดวงตาที่เข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ตะ...ตะวันไม่รู้ เขาชอบโทรมาแกล้งบอกว่าอยากสัมผัสตะวัน อยากหอมตะวันทั้งตัว”
“แม่ง!”
เส้นผมสีดำถูกเสยขึ้นไปอย่างลวกๆ พร้อมกับกำปั้นที่ทุบพวงมาลัยอย่างแรงจนนับตะวันสะดุ้งด้วยความตกใจ อาการของพี่พอร์ชเหมือนตอนที่เขาไปบอกปะป๊าเลย ปะป๊าก็โมโหแบบนี้แล้วเดินไปหยิบปืนจนหม่าม้าต้องเดินเข้ามาบอกว่าให้ใจเย็นๆ หลังจากนั้นปะป๊าเลยให้เขาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แล้วก็บอกว่าจะจัดการคนนิสัยไม่ดีคนนั้นให้ อันที่จริงต้องบอกว่าเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่เลยดีกว่า เบอร์ทุกคนในนั้นหายหมดรวมถึงเบอร์พี่พอร์ชด้วย
มือบางที่ปลายนิ้วโผล่พ้นเสื้อแขนยาวออกมาเล็กน้อยเอื้อมไปดึงชายเสื้อคนพี่ไว้เมื่อเห็นว่าคิ้วเรียวยังขมวดมุ่นจนนับตะวันนึกอยากเอื้อมมือไปนวดๆ ให้
“ปะป๊าจัดการให้ตะวันแล้วครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
“…”
“ตะวันโอเคแล้ว”
“ที่มหาลัยใครแกล้งตะวันบอกไอ้ตฤณได้นะ”
“ครับ”
“บอกพี่ก็ได้..เมื่อก่อนดูแลยังไง ตอนนี้พี่ก็ยังอยากดูแลแบบนั้น”
“…”
“…”
“เข้าใจแล้วครับ”
ดวงหน้าหวานประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างจนเห็นแองเจิลคิสที่แก้มทั้งสองข้าง นับตะวันยิ้มจนดวงตาเหลือแค่เสี้ยว ภายในอกอุ่นวาบ...แล้วแบบนี้จะให้ตะวันเลิกชอบพี่พอร์ชได้ยังไง
นับตะวันมีคำถาม...
ทำไมเราต้องเลือกขนมแค่อย่างใดอย่างหนึ่งในเมื่อเราสามารถซื้อได้ทั้งสองอย่าง
“น้องคุกกี้หมีอยากกลับไปกับพี่ตะวันใช่ไหมครับ”
ดวงตาคู่สวยหลุบตามองถุงขนมคุกกี้หมีในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคุกกี้แมวที่อยู่บนชั้นวางของที่สูงกว่า นับตะวันคงไม่ต้องตบตีกับตัวเองแบบนี้ถ้าเขาหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาด้วย อยากตีตัวเองแรงๆ ที่ลืมของสำคัญแบบนี้ได้ ก็เพราะว่าลืมหยิบกระเป๋าตังค์มานี่แหละทำให้คนตัวเล็กต้องเลือกขนมโปรดเพียงอย่างเดียว จะซื้อทั้งสองอย่างก็เกรงใจคนจ่ายเงินที่เดินซื้อของอยู่อีกมุม
ริมฝีปากสวยเบะออกน้อยๆ ราวกับเด็กตัวเล็กที่กำลังจะร้องไห้ หากใครได้มาเห็นนับตะวันตอนนี้คงอดไม่ได้ที่จะต้องเข้ามาโอ๋และยอมตามใจ
คุกกี้หมีกินบ่อยแล้วงั้นครั้งนี้กินคุกกี้แมวแล้วกัน...เมื่อคิดได้ดังนั้นมือบางจึงเลือกที่จะวางถุงขนมในมือลงไว้ที่เดิม ก่อนจะค่อยๆ เขย่งปลายเท้าเพื่อที่จะได้หยิบขนมที่อยู่สูงกว่าตน
“ฮึบบ อีกนิด”
เอ่ยให้กำลังใจตัวเองก่อนจะยืดมือขึ้นไปหยิบถุงขนมคุกกี้แมวอย่างที่ตั้งใจ ปลายนิ้วแตะโดนล่ะ อีกนิดเดียวเท่านั้น! ดวงตาของนับตะวันมุ่งมั่นราวกับมีไฟลุก!!
“อ๊ะ!”
เจ้าลูกแมวน้อยสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจเมื่อแผ่นหลังบางสัมผัสเข้ากับความอบอุ่นของแผ่นอกกว้าง พร้อมกับท่อนแขนที่ประดับไปด้วยเส้นเลือดเอื้อมมาหยิบถุงขนมให้ด้วยความหวังดี
ทว่าการกระทำนั้นกลับทำให้คนขี้ตกใจรีบหันขวับมาเผชิญหน้ากับผู้หวังดีอย่างกะทันหัน ปลายเท้าที่เขย่งขึ้นเพื่อหยิบขนมเสียหลักจนร่างกายซวนเซ ซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ท่อนแขนแกร่งรวบเอวคอดบางเข้าหาตัวตามสัญชาตญาณ
ดวงหน้าสวยปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ นับตะวันเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะค่อยๆ ไล่สายตาขึ้นสบกับผู้หวังดีที่ตัวสูงกว่า
ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาแสนคุ้นเคยที่นับตะวันรู้จักเป็นอย่างดี ราวกับเวลาได้หยุดหมุน...แพขนตางอนขยับไหวไปตามจังหวะการกะพริบตา ใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงแค่คืบจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนอย่างชัดเจน ตอนนี้ช่างดูเหมือนว่านับตะวันกำลังถูกกักขังอยู่ในอ้อมกอดของพอร์ชอย่างสมบูรณ์
คนตัวสูงหลุบตามองคนอายุน้อยกว่าที่เบิกตากว้างจ้องเขาตาไม่กะพริบอย่างเอ็นดู แต่อีกใจก็อยากดุน้องสักทีที่ซุ่มซ่ามเป็นลูกแมวจนเกือบล้ม แม้ว่าต้นเหตุจะมาจากเขาก็เถอะ...
ท่อนแขนแกร่งที่โอบประคองเอวบางคอดกิ่วค่อยๆ คลายสัมผัสออกอย่างช้าๆ แต่ทว่ายังโอบเอวคนน้องไว้หลวมๆ มืออีกข้างที่เอื้อมไปหยิบขนมยื่นมาตรงหน้าเด็กน้อยที่ยังคงมองเขาตาแป๋ว
ดวงตาคมของพอร์ชทอดมองใบหน้าจิ้มลิ้มของคนตรงหน้า จุดเล็กๆ ใต้ตาขวายิ่งขับให้นับตะวันดูน่ารักขึ้น
“ขะ...ขอบคุณครับ” เด็กน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พยายามควบคุมให้เสียงหัวใจไม่ดังจนอีกฝ่ายได้ยิน
“หยิบไม่ถึงทำไมไม่เรียกพี่”
“ถึง ตะวันสูง”
“ตัวเท่าลูกแมว”
“ไม่แมววววว”
คนน่ารักย่นจมูกใส่ผู้หวังดีที่เอื้อมมือมาหยิบถุงขนมให้ ท่อนแขนเรียวกอดถุงขนมแนบอกไว้แน่น ก่อนจะเหลือบมองคุกกี้หมีที่เจ้าตัวอาลัยอาวรณ์ ซึ่งการกระทำนั้นไม่อาจรอดพ้นสายตาของพอร์ชไปได้
“ไม่เอาคุกกี้หมีไปด้วยเหรอ”
“หึ”
พอร์ชจำได้ว่าคนน้องชอบคุกกี้หมียี่ห้อนี้มากๆ ที่คฤหาสน์หัสวอนันต์ซื้อไว้จนเต็มตู้เย็นเพราะคุณหนูคนเล็กชื่นชอบคุกกี้ยี่ห้อนี้เป็นพิเศษ
“ตะวันเกรงใจ”
ลมหายใจถูกพ่นออกมา ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคุกกี้หมีอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเดินหนีออกจากบริเวณนั้น ขืนอยู่นานกว่านี้เขาต้องอยากพาน้องคุกกี้หมีกลับบ้านด้วยแน่ๆ
ครั้นในจังหวะที่ปลายเท้ากำลังขยับเดินออกไป ข้อมือเล็กกลับถูกคว้าจับเอาไว้เสียก่อน นับตะวันหยุดชะงักนิ่งงันอีกทั้งยังค่อยๆ ช้อนดวงตาขึ้นสบอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงคอน้อยๆ เพราะสงสัยกับการกระทำของคนพี่
“หืม?”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
“…”
“อยากได้อะไรก็แค่บอก”
“…”
“แล้วพี่จะหามาให้ตะวันเอง”