“ไม่ลืมอะไรนะ”
“ตะวันหยิบมาครบหมดแล้ว”
“ลองเช็กดูในกระเป๋าอีกทีดีไหม”
“สามรอบแล้วพี่ตฤณ ตะวันไม่ได้เพิ่งไปมหาลัยวันแรกนะ”
“น้องอย่าดุซี่”
ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มถึงกับหูลู่หางตกเมื่อถูกเจ้าหญิงตัวน้อยทำเสียงเข้มใส่ ก็เขากลัวน้องลืมของนี่นา ตื่นเต้นเหมือนเป็นพ่อนับตะวันเสียเอง แต่มันก็จริงที่น้องไม่ได้เพิ่งไปมหาลัยวันแรก ก่อนหน้านี้ก็มีเข้ามหาลัยไปทำกิจกรรมสำหรับเฟรชชี่ ไหนจะเรียนพวกปรับพื้นฐาน แต่วันนี้มันคือวันเปิดเทอมอย่างเป็นทางการไง!
“โทรบอกน้องเหมยหรือยัง?”
ตฤณภพหมายถึงเพื่อนสนิทของนับตะวันที่สอบติดมหาลัยที่นี่ด้วย น้องเหมยเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักแต่อย่าให้พูดเด็ดขาดดด
“เหมยบอกว่าถึงมหาลัยแล้ว”
“โอเคๆ”
ใบหน้าหล่อเหลาของตฤณภพกวาดตามองเพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจว่าน้องคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงเริ่มสตาร์ทรถแล้วค่อยๆ เคลื่อนออกจากรั้วอย่างช้าๆ ประตูรั้วอัตโนมัติทำงานได้เป็นอย่างดี
มหาลัยห่างจากบ้านของเขาไม่มากขับรถครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ความจริงมีรถไฟฟ้าด้วยแต่ตฤณภพไม่อยากให้น้องไปเบียดกับคนในสถานี น้องเขาตัวเท่าลูกแมวเพิ่งเกิดเองนะ
รถสปอร์ตสีขาวที่ปะป๊าซื้อให้เป็นของขวัญตอนสอบเข้ามหาลัยได้แล่นไปบนถนนด้วยความเร็วสม่ำเสมอ สองข้างทางเต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ดอกไม้ ประเทศ C ให้ความสำคัญกับธรรมชาติเป็นอันดับ 1
ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มจางๆ ออกมาในขณะที่มองออกไปนอกกระจก ดวงตากลมโตทอประกายสดใสจนตฤณภพที่เหลือบมองต้องยิ้มตาม ฝ่ามือใหญ่ของพี่ชายวางลงบนศีรษะนับตะวันก่อนจะโยกไปมาเบาๆ อย่างเอ็นดู
นับตะวันหันกลับมามองคนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับ ก่อนจะขยับเข้าไปกอดท่อนแขนแกร่งแล้วใช้จมูกโด่งรั้นถูไถท่อนแขนของพี่ชายอย่างออดอ้อน
“อ้อนเอาอะไรคะ”
“พี่ชายตะวันหล่อจัง”
“หล่อเหมือนป๊า”
“เดี๋ยวตะวันบอกปะป๊าให้”
“ดีมากค่ะ บอกป๊าให้ค่าขนมพี่เพิ่มด้วยนะ”
“จะเอาไปเลี้ยงสาวที่ไหน”
“รักเดียวใจเดียว พี่รักนานะคนเดียวค่ะ”
พอพูดถึงใครอีกคนพี่ชายนับตะวันก็ราวกับมีหูหางทิพย์กระดิกไปมา ทำตัวน่าหมั่นไส้จริงๆ เลยนะ ทีตอนมัธยมล่ะไปห้องสาวแทบจะทุกวัน หิ้วสาวก็บ่อยจนหม่าม้าต้องเรียกมาดุ
พี่กับน้องคุยกันเจื้อยแจ้วไปตลอดทาง จนกระทั่งรถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดบริเวณหน้าคณะของน้องชาย ซึ่งด้านหน้ามีเด็กสาวใบหน้าสะสวยคุ้นตายืนรออยู่ นับตะวันยันตัวขึ้นไปหอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่ก่อนจะเปิดประตูลงไปจากรถอย่างรวดเร็ว
“ยัยเหมียวเล็กกก”
“ชู่ว อายเขาน่า”
“ยัยหนูของพี่เหมยย”
“เราอายุเท่ากัน”
“ฮื่อ นับตะวัน 3 ขวบตลอดไป”
“เฮ้อ...”
เหมยเป็นเพื่อนกับนับตะวันมาตั้งแต่อนุบาล เห็นกันมาตั้งแต่ตัวเท่าขวดนมจนตอนนี้...นับตะวันก็ยังตัวเท่าขวดนมเหมือนเดิม มีแค่เหมยที่สูงขึ้น รูปร่างเพรียวบางหุ่นนางแบบ และที่สำคัญเลยนะ สูงกว่านับตะวันอีก!!
ในระหว่างที่นับตะวันตัวน้อยกำลังทำหน้างอนใส่เพื่อนสาวอยู่นั้นกระจก
รถสปอร์ตสีขาวก็ค่อยๆ เคลื่อนลงช้าๆ ทำให้เห็นชายหนุ่มซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลายักคิ้วกวนๆ ส่งมาจากในรถ
“พี่ตฤณณณ”
“หวัดดียัยน้องเหมย” ตฤณภพเอ่ยทักทายเพื่อนน้องชายที่เขาเห็นมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตนับตะวันเลยก็ว่าได้
“พี่ฝากดูนับตะวันด้วยนะ”
“ตะวันโตแล้วนะ” เจ้าลูกแมวตัวน้อยหันขวับไปส่งสายตาคาดโทษให้พี่ชาย
“3 ขวบ!”
ทั้งตฤณภพและเหมยเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทำเอาคนในบริเวณนั้นหันมามองตามเสียงด้วยความสนใจ
“หนูจะดูแลยัยเหมียวเล็กอย่างดีเลยพี่ตฤณไม่ต้องห่วงนะ”
“ดีมาก อะค่าขนม”
“กรี๊ด ขอบคุณค่าเสี่ย”
“โอ๊ย อย่าไปเรียกแบบนี้ให้คนอื่นได้ยินนะคนแสนดีแบบพี่จะเสียหาย”
“ไปไหนก็ไปเถอะพี่”
เหมยเข้าไปรับค่าขนมที่ตฤณภพยื่นให้ก่อนจะโบกมือไล่พี่ชายของเพื่อนให้รีบไปไกลๆ แค่นี้ก็ตกเป็นเป้าสายตามากพออยู่แล้ว แล้วเหมือนว่าตฤณภพจะดูออก เพราะทันทีที่ยื่นเงินให้กับน้องเหมย ชายหนุ่มก็รีบขับรถคันโปรดออกไปทันที
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมองรถของพี่ชายจนลับสายตาก่อนจะเปลี่ยนมากวาดสายตามองรอบๆ มีบางคนที่หันมามองเขากับเหมยจากนั้นก็หันไปซุบซิบกับเพื่อน แล้วก็มีบางคนที่ส่งสายตาแปลกๆ มาให้ จะว่ายังไงดีล่ะ สายตาที่ส่งมาให้นั้นมันก็ไม่ได้แย่ แต่นับตะวันแค่แปลกใจที่ได้รับสายตาแบบนั้นเฉยๆ
คนตัวเล็กก้มลงสำรวจตัวเองว่าได้ติดกระดุมเสื้อ หรือมีสิ่งแปลกปลอมติดเสื้อผ้ามาบ้างหรือเปล่านะ แต่หลังจากที่สำรวจตัวเองแล้วไม่เจอสิ่งผิดปกติเจ้าลูกแมวน้อยนับตะวันก็เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
“เป็นอะไร” เหมยเอ่ยถามเพื่อนที่ทำหน้าตาแปลกๆ แต่นับตะวันน่ะ ไม่ว่าจะทำหน้าตาแบบไหนก็ดูน่ารักเสมอ ว่าแล้วก็ขอบี้แก้มสามทีหน่อย
“เขามองพวกเราแปลกๆ หรือเปล่าเหมย” คนตัวเล็กเอ่ยพร้อมกับขยับเข้าไปกอดแขนเพื่อนสาวไว้แน่น ท่าทางเหมือนลูกแมวตื่นคนทำให้คนที่ลอบมองต้องยิ้มขึ้นมาด้วยความเอ็นดู
“…อ้อ”
“กางเกงเราก็ไม่ได้เป้าขาดนะ หรือมีอะไรติดเสื้อเรา”
“เขามองเพราะตะวันน่ารักไง”
“เราไม่น่ารัก”
“เพจมหาลัยลงรูปเฟรชชี่แหละ”
“อือหึ...” แล้วยังไงต่อ
“ก็ยัยแมวเด็กแถวนี้มันน่ารักไง คนกดไลค์รูปเป็นแสน คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไมคนถึงมอง”
‘น้องใหม่คนนี้น่ารักมากกกก ตัวเล็ก ยิ้มสวย แก้มเลอะสีก็ยังน่ารักกกก เหมือนน้องเหมียวเลย’
ก็ตามนั้น ยอดไลค์ ยอดแชร์ คอมเมนต์ถล่มทลาย แต่เจ้าตัวไม่รู้เพราะไม่ค่อยได้เล่นโซเชียล เล่นแค่แอปพลิเคชันเดียว...เพราะเอาไว้ส่องคนคนหนึ่ง
นับตะวันตาโตเมื่อได้ยินเหมยพูดจบ แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อดูน่ารักน่าชังจนเพื่อนทนไม่ไหวต้องยื่นมือมาบู้บี้แก้มอีกครั้ง ทำตัวน่ามันเขี้ยวแบบนี้ใครจะไปทนไหวกันนะ แล้วก็เพราะน่ารักเหมือนลูกแมวแบบนี้ไงคนถึงมาขายขนมจีบให้บ่อยๆ เหมยเลยต้องรับบทเป็นไม้กันหมาที่ดี แต่ถึงยังไงยัยเหมียวเล็กนี่ก็ไม่ได้สนใจหรอก
นับตะวันมีคนในใจแล้ว...
รักแรก
นับตะวันในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดก้าวเข้ามาบริเวณใต้ตึกคณะตามที่ถูกเพื่อนสาวจับจูงให้เดินตาม ริมฝีปากสีชมพูสวยขบเม้มน้อยๆ เพราะประหม่ากับสายตาที่มองมา มันก็คงเป็นเรื่องปกติล่ะมั้ง เพราะนับตะวันเป็นน้องใหม่ นับเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกรุ่นพี่ จะคุ้นหน้ากันบ้างก็พวกปี 1 ด้วยกันเอง
“เหมยทางนี้ๆ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นโบกไปมาให้กับเหมยที่กำลังมองหาใครบางคนอยู่ บริเวณโต๊ะไม้ยาวตัวสีน้ำตาลถูกจับจองไปด้วยเด็กปี 1 ที่นับตะวันคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะได้ทำกิจกรรมร่วมกันไปก่อนที่จะเปิดเทอม โทนี่คือผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาและดูใจดี ชายหนุ่มขยับให้นับตะวันนั่งลงข้างๆ ก่อนจะดันเหมยให้ไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“ไอ้โทนี่”
“เดี๋ยวเราเลี้ยงแมวให้เหมยเอง”
“ตลอดดด”
ดวงตากลมกะพริบอย่างเชื่องช้าจนเห็นขนตางอนสวยชัดเจน นับตะวันจับเส้นผมที่ยาวจนคลอเคลียใบหน้าขึ้นทัดไว้ที่ใบหูขาว ก่อนจะหันมาเอียงคอน้อยๆ ด้วยความสงสัยให้กับเพื่อนใหม่อย่างโทนี่
“มองเราทำไมเหรอ”
น้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้งเอ่ยถาม ทำเอาโทนี่ที่แพ้อะไรน่ารักๆ ต้องยกมือขึ้นกุมอก
“ตะวันน่ารักเราเลยมอง”
“ขอร้องงง เลิกจีบเพื่อนฉันจ้า”
เหมยรีบเอ่ยขัดเพื่อนสุดหล่อขึ้นมาทันที โทนี่เข้ามาจีบนับตะวันตั้งแต่เข้าร่วมกิจกรรมคณะด้วยกัน ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก แก้มฟู ตัวเล็ก นับตะวันโคตรน่ารัก น่ารักจนโทนี่ไม่อาจละสายตาไปได้ แต่ทว่าเมื่อตัดสินใจเข้ามาจีบก็ได้กินแห้วตั้งแต่ยังไม่เริ่ม คนน่ารักขีดเส้นไว้ชัดเจนว่าให้เป็นได้แค่เพื่อน ซึ่งโทนี่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกอกหักดังเป๊าะ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ เรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ ถ้าเป็นแฟนไม่ได้ก็ขอเป็นแค่เพื่อนที่คอยดูแลแล้วกัน แม้ว่าจะตัดใจแล้วก็ยังแพ้ทางความน่ารักของนับตะวันอยู่
บรรยากาศภายในโต๊ะเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แม้ว่าจะมากันจากต่างที่แต่ก็จูนกันติดเร็วตั้งแต่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน นับตะวันยิ้มจนดวงตาเหลือแค่เสี้ยวยามที่เพื่อนๆ ปล่อยมุกออกมาให้ขำไม่หยุด แองเจิลคิสปรากฏอยู่ที่สองข้างแก้มจนคนที่ได้เห็นอดเอ็นดูไม่ได้
นับตะวันน่ะโคตรจะน้อง น้องแบบน้องงงง น้องแบบตะโกน
นุ่มฟูนุ่มนิ่มเหมือนลูกแมวสองเดือน
“ถึงเวลาเข้าเรียนล่ะ ปะไปเรียนกัน”
ใครสักคนหนึ่งยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าถึงเวลาเข้าเรียนแล้วจึงรีบเอ่ยบอกเพื่อนๆ ที่นั่งเม้าท์มอยกันไม่หยุด
นับตะวันกระชับกระเป๋าใบเล็กที่ใส่อุปกรณ์การเรียนไว้แน่น ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามเพื่อนๆ ไปโดยมีโทนี่ที่เดินปิดท้ายให้ ดวงตาคมหลุบมองคนตัวเล็กกว่าที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ในใจเผลอคิดไปว่าใครคือคนโชคดีที่นับตะวันยกหัวใจให้กันนะ
12.00 น.
หลังจากจบคลาสนับตะวันก็ถูกเหมยหิ้วมายังโรงอาหารกลางของมหาลัย นับตะวันตัวน้อยราวกับเป็นตุ๊กตาที่ยอมให้เพื่อนสาวจับจูงไปทุกที่ ซึ่งเขาชินไปเสียแล้วแหละ
โรงอาหารกลางคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินสวนกันไปมา อาจจะเพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงทำให้คนเยอะกว่าช่วงเวลาปกติ ภายในมหาลัยมีโรงอาหารที่คอยให้บริการนักศึกษาอยู่หลายจุด แต่เหมยเลือกมาทานอาหารที่นี่เพราะ
‘อยากมาส่องหนุ่ม’
นับตะวันก็เห็นว่าเพื่อนสาวส่องหนุ่มตลอดแหละ คนมาจีบก็เยอะแต่ไม่เห็นตกลงเป็นแฟนกับใครสักที
“หืม นั่นพี่ตฤณนี่”
ดวงตากลมไล่สายตามองตามนิ้วของเพื่อนที่ชี้ไปยังบริเวณหนึ่ง และนั่นทำให้เขาเจอกับแก๊งของพี่ชายที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ไม่ไกล น้ำเสียงที่กำลังเอ่ยท้วงเพื่อนสาวถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาสีรัตติกาลที่เงยขึ้นมาสบอย่างกะทันหัน คนตัวเล็กชะงักนิ่งงันอย่างคนที่ทำตัวไม่ถูก
“แกรู้จักเหรอเหมย” แจงเอ่ยถามเพราะเธอพอจะรู้มาบ้างว่ากลุ่มชายหนุ่มที่เพื่อนใหม่ชี้อยู่นั้นค่อนข้างดังในมหาลัย
“รู้สิ พี่ตฤณคือพี่ชายนับตะวันไง”
“ห๊ะ!”
“พูดจริง”
“โอ้มายก็อด!”
ราวกับทุกสิ่งรอบกายพร่าเบลอไปหมด ยกเว้นก็แต่คนคนนั้นที่ยังคงไม่ละสายตาไปจากเขา มือคู่น้อยกำชายเสื้อเอาไว้แน่นเมื่อพี่พอร์ชยังคงมองจ้องมาแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจ้องกัน นับตะวันไม่รู้ว่าเพื่อนคุยอะไรกันบ้างเพราะตอนนี้ภายในหัวอื้ออึงจนไม่สามารถจับใจความได้สักประโยค ทว่าคนตัวเล็กก็ต้องหลุดออกจากภวังค์เมื่อสัมผัสได้ถึงมือหนาที่แตะลงบริเวณหัวไหล่มนอย่างไม่ทันตั้งตัว จนต้อง
ละสายตาจากใครอีกคนเพื่อหันมามองโทนี่ที่เลิกคิ้วมองอยู่ก่อนหน้า
ทางด้านของพอร์ชดวงตาคมกริบเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบริเวณลาดไหล่ของนับตะวันถูกสัมผัสจากมือใหญ่ของชายหนุ่มข้างกาย ลมหายใจถูกพ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า แก้วน้ำในมือถูกวางลงอย่างแรงจนกระฉอกไปโดนตฤณภพที่กำลังก้มหน้ากินข้าวอย่างมีความสุข
“มึงหาเรื่องกูเหรอไอ้พอร์ช”
“…”
“ยาหยีเธอดูไอ้พอร์ชสิ”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ตอบแล้วยังส่งสายตาราวกับจะฆ่ากัน ตฤณภพเลยถือโอกาสเนียนไปซบไหล่นานะที่นั่งอยู่ข้างๆ จนคนหัวสีชมพูพาสเทลต้องใช้มือดันหัวของตฤณภพออกไปให้ไกลๆ
“ไอ้ตฤณนั่นน้องตะวันหรือเปล่าวะ”
สิ้นประโยคของเพลิง ตฤณภพรีบหันหลังไปมองยังปลายสายตาของเพื่อนทันที และภาพที่เห็นก็คือนับตะวันที่ยืนตัวเล็กตัวน้อยอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะที่เขานั่งมากนัก ข้างๆ กันมีเพื่อนใหม่อย่างโทนี่ แจง และเพื่อนสนิทที่ตามกันมาเรียนอย่างเหมย
“ไอ้นั่นใครวะที่จับไหล่ยัยเหมียวเล็กอยู่”
ไทเลอร์เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ เขาก็หวงน้องของเพื่อนไม่ต่างกัน ยัยเหมียวเล็กก็ไม่ต่างไปจากน้องชายของเขา แล้วยิ่งน่ารักแบบนี้พวกเขายิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ
ชายหนุ่มทั้ง 5 คนมองไปยังบริเวณทางเข้าโรงอาหารซึ่งมีกลุ่มของนับตะวันยืนอยู่ แจงที่เห็นกลุ่มชายหนุ่มที่ตนกรี๊ดมองมาก็ยิ่งทำตัวลนลานจนเหมยต้องจับแขนให้อยู่นิ่งๆ ผู้คนภายในโรงอาหารกลางต่างให้ความสนใจกับเด็กปีหนึ่งผู้มีใบหน้าจิ้มลิ้มที่ทางเพจมหาลัยได้โพสต์รูปไว้เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา แล้วความสนใจนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อตฤณภพรีบวิ่งเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนเป็นลูกแมวน้อยด้วยใบหน้างงงวย
โดยปกติแก๊งของตฤณภพก็ค่อนข้างเป็นที่น่าสนใจอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นคนดังของมหาลัยเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นเด็กกิจกรรมอีกทั้งยังช่วยงานมหาลัยอยู่บ่อยๆ ทำให้เป็นที่รู้จักของคนในมหาลัย
นับตะวันละสายตาจากคนที่มีใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นสบกับพี่ชายที่วิ่งมายืนอยู่ตรงหน้า ด้วยความสูงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดทำให้ตฤณภพต้องก้มหน้าคุยกับคนเป็นน้อง
“น้องกินอะไรหรือยังหืม” น้ำเสียงเจือความอ่อนโยนมาพร้อมกับมือใหญ่ที่ยื่นมาวางแหมะลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาล
“ยัง...”
“ไปนั่งโต๊ะเดียวกับพี่ไหม”
“...”
“เงียบ ถือว่าตกลง ปะไปนั่งกับพี่”
“…”
คนน่ารักถลึงตามองใส่พี่ชายก่อนจะงับลงที่ท่อนแขนแกร่งอย่างลืมตัว ลืมไปว่าที่นี่คือมหาลัยไม่ใช่ที่บ้าน...
“ยัยเหมียวเล็กเอ๊ยย”
เหมยอยากจับเพื่อนมาม้วนๆ แล้วกลืนลงท้องเพราะความน่ารักของนับตะวันมันล้นออกมาจนเกินจะรับไหว ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่เธอหรอกที่รู้สึกแบบนี้ จากสายตาของคนรอบข้างที่ส่งมาให้เพื่อนเธอนั้นก็รับรู้ได้อย่างทันทีว่าคงมีคนตกหลุมความน่ารักของ นับตะวัน หัสวอนันต์ เข้าอย่างจังซะแล้วแหละ
ในระหว่างที่กำลังเดินไปโต๊ะที่แก๊งของตฤณภพนั่งทานอาหารกันอยู่ แจงซึ่งมีคำถามมากมายในหัวก็ได้ตัดสินใจกระตุกชายเสื้อของโทนี่ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“นายรู้อยู่แล้วใช่หรือเปล่าว่าตะวันมีพี่ชาย”
“อ่อ รู้”
“พี่ตฤณมองใกล้ๆ โคตรหล่อเลย ว่าแต่นายรู้ได้ยังไง”
“จะจีบตะวันเลยเกือบโดนพี่ตฤณต่อย”
“เฮ้ย จริงเหรอ”
“อืม พี่ชายเขาหวงน้องน่ะ”
อีกอย่างนับตะวันก็ไม่ได้ชอบเขาด้วยนี่สิ