ร่างสูงของพอร์ชขยับมือพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจนถึงข้อศอก ทว่าในระหว่างนั้นก็ยังจ้องคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่วางตา ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าลูกแมวน้อยพยายามหลบเลี่ยงสายตาคมที่จ้องกัน ก่อนจะทำเป็นมองนู่นมองนี่ แต่ก็ไม่วายแอบเหลือบสายตามามองร่างสูงที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเผลอตัว
ตฤณภพรู้ว่าโทนี่เคยคิดที่จะจีบยัยเจ้าหญิงน้อยของตน เขาเคลียร์กับไอ้หนุ่มรุ่นน้องคนนี้เรียบร้อยแล้ว จนไว้ใจให้มันคอยดูแลนับตะวันในระหว่างที่อยู่ในมหาลัย ใช่ ตฤณภพรู้ถึงความสัมพันธ์นี้แล้ว
แต่คนอื่นไม่รู้หนิ...
หากจะถามว่าในกลุ่มของตฤณภพใครดุสุด ตอบได้เลยว่าพอร์ช
พอร์ชเป็นคนนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้เย็นชา ดวงตาสีรัตติกาลคมกริบจนตฤณภพแทบร้องไห้เวลาถูกมันล้วงความลับ ดูเป็นคนที่เข้าหายาก เน้นการกระทำมากกว่าคำพูด ใบหน้านิ่งเฉยกับคนที่ไม่สนิท แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่ร้าย พอร์ชน่ะร้ายที่สุดแล้ว กินเรียบมาตลอด แต่ไม่ผูกมัดกับใครสักคน เป็นความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ วินวินกันทั้งสองฝ่าย เสร็จแล้วจบไม่มีสานต่อ จนกระทั่งมาช่วงเรียน
ปี 2 จนถึงตอนนี้นี่แหละที่มันจำศีล ตฤณภพคิดว่าเพื่อนตัวเองจะไปบวชซะแล้ว เพราะมันเลิกจุ๊บจิ๊บกับคนอื่นจนตัวเขาเองยังตกใจ
ความคิดทั้งหมดของตฤณภพถูกดึงกลับมาเมื่อไอ้เพื่อนหน้าหล่อกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างแรงจนน้ำกระฉอกออกมาอีกครั้ง
“ไอ้พอร์ชมึงเป็นอะไรเนี่ยย”
“อากาศร้อนเหรอวะ ใจเย็นพ่อจ๋า”
“กูอิ่มแล้ว วันนี้มีเรียนแค่ตอนเช้าใช่ไหมงั้นกูกลับแล้วนะ”
มือหนาเสยผมที่ปรกหน้าอย่างลวกๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโต๊ะไปท่ามกลางความงุนงงของทุกคนบนโต๊ะ ดวงตากลมโตของนับตะวันวูบไหวเล็กน้อย ในใจพลันคิดไปเองว่าเพราะเขามานั่งร่วมโต๊ะด้วยหรือเปล่าพี่พอร์ชถึงไม่พอใจ เพราะก่อนหน้านี้ร่างสูงจับจ้องเพียงแค่เขา งั้นเขาก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่พอร์ชอารมณ์ไม่ดีสินะ
เมื่อคิดได้ดังนั้นพลันใบหน้าที่สดใสก็เริ่มหงอยลงช้าๆ จนตฤณภพสังเกตได้
“นับตะวันน้องเป็นอะไร” ตฤณภพเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ปะ...เปล่าครับ” เอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ฮึบไว้นะนับตะวัน ห้ามร้องไห้เด็ดขาด...
สองวันผ่านไป
ลูกแมวตัวน้อยยังคงมีท่าทีหูลู่หางตกอีกทั้งยังดูหงอยเหงา ซึ่งนับตะวันมีอาการแบบนี้มา 2 วันแล้วนับตั้งแต่ที่ไปทานข้าวโรงอาหารกลางในวันนั้น ภายในหัวยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของพี่พอร์ช...ใบหน้านิ่งเฉยทว่าดวงตากลับดูขุ่นมัว
ยิ่งคิด...หูหางทิพย์ก็ยิ่งลู่ลงอย่างน่าสงสาร ริมฝีปากบางเบะออกน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัวประกอบกับดวงตากลมโตที่เคยสดใส แต่ทว่าตอนนี้กลับเคลือบไปด้วยหยาดน้ำตา แม้ว่าจะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ลึกแค่ไหน
นับตะวันก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่เก่งอยู่ดี
“โอ๋ๆ นะ อย่าคิดมากสิ”
เหมยดึงเพื่อนตัวน้อยเข้ามากอดโอ๋พร้อมกับโยกไปมาเบาๆ เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเพราะนับตะวันโทรมาเล่าให้ฟัง ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือยัยเหมียวเล็กนี่โทรมางอแงกับเธอตั้งแต่เย็นวันนั้นแล้ว
เรื่องที่นับตะวันชอบพี่พอร์ชเธอเองก็รับรู้ รู้มาตั้งนานแล้ว รู้ด้วยว่าเพื่อนตัวเล็กของเธออาจหาญทำการใหญ่มาตั้งแต่ตัวเท่าลูกแมวเพิ่งคลอด!
“พี่พอร์ชไม่ชอบเราหรือเปล่าเหมย”
“ขอร้องเลยนะ ใครบ้างจะไม่ชอบตะวัน”
“พี่พอร์ชไง...”
ว่าจบก็เรียกน้ำตามาคลอเบ้าจนเพื่อนสาวรีบดึงเข้ามากอดปานลูกน้อย ยังดีหน่อยที่นั่งกันอยู่ร้านนมปั่นอีกทั้งยังเป็นมุมที่ลับตาคนเลยไม่ค่อยมีใครสนใจเหมยที่กำลังโอ๋ลูกแมวอยู่
“พี่พอร์ชเคยบอกเหรอว่าไม่ชอบตะวัน?”
“ไม่เคย”
“…”
“แต่ก็ไม่เคยบอกหนิว่าชอบเรา”
“ตะวันลองไปถามพี่พอร์ชอีกรอบหรือยัง”
“ไม่เอา เราไม่กล้า...”
นับตะวันไม่ได้เตรียมใจไว้ที่จะอกหักเป็นครั้งที่สองหรอกนะ
‘ตอนนี้พี่คิดกับตะวันแค่น้องครับ’
ประโยคบาดใจนั้นตะวันจำได้ขึ้นใจ
ภาพเหตุการณ์เก่าๆ ในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่ขาดสายราวกับนับตะวันได้เผลอไปปลดล็อกแม่กุญแจแห่งความทรงจำ เขาในตอนนั้นเพิ่งจะเคยมีรักแรก
การชอบใครสักคนทำให้หัวใจของนับตะวันพองโต เพียงแค่ได้เห็นหน้าก็ใจฟูราวกับมีผีเสื้อนับล้านบินอยู่ในนั้น คอยเฝ้ามองหาเขาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถลำลึกเข้าไปในหลุมนั้นมากเท่าไหร่ นับตะวันก็ยิ่งไม่เห็นหนทางที่จะปีนออกจากหลุมนั้นได้เลย
ตกหลุมรักเข้าแล้วสิ
“ฮื่อ พี่พอร์ชเกลียดเราไปแล้วแน่ๆ เลยเหมย”
“โอ๊ยย ใครจะใจร้ายเกลียดตะวันได้ลงคอ น่ารักเหมือนลูกแมวขนาดนี้ ขี้อ้อนขนาดนี้ เขาไม่จับใส่กระเป๋าหิ้วกลับไปเลี้ยงที่บ้านก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“แล้วทำไมพี่พอร์ชไม่จับเราไปเลี้ยงเล่า! เราสัญญาว่าจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ารอเลย พี่พอร์ชไม่ต้องมารับด้วยเดี๋ยวเราวานให้พี่ตฤณไปส่งเอง”
“เอ็นดูว่ะ แต่ถ้าพี่ตฤณรู้ได้เป็นลมล้มพับแน่ๆ”
“เรากินง่ายอยู่ง่าย สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซนกับพี่พอร์ช”
“ใจเย็นๆ นะ”
“อยากเป็นของพี่พอร์ชใจจะขาดแล้วเหมย!”
“ฮื่ออ น่ารักฉิบหายเลยยย”
“พี่พอร์ชชอบแมวไหม เราเมี๊ยวๆ ได้”
“โอ้โหหห มีโปรโมชั่นเสริมด้วย คนหรือแมวเนี่ย”
“เป็นเหมียวๆ ของพี่พอร์ชคนเดียว”
ฮือออ เหมยอยากจับนับตะวันม้วนเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้องมันซะตอนนี้เลย ก็บอกแล้วว่านับตะวันน่ารัก น่ารักแบบตะโกน น่ารักแบบโคตรของโคตรน่ารัก เกิดมายังไม่เคยเจอใครน่ารักเท่าเพื่อนคนนี้ของเธอเลย แล้วดูคำพูดคำจานะ มันเป็นเอ็นดูๆ อะ ถ้าโทนี่มาได้ยินประโยคเมื่อกี้รับรองมีหัวใจวาย แต่ไม่รู้เพราะความน่ารักของนับตะวันหรือที่รู้ว่าคนที่นับตะวันชอบคือใครนะ
ช่วงเปิดเทอมแรกๆ ไม่ค่อยมีการเรียนการสอนแน่นตารางสักเท่าไหร่ มีบางวันที่ต้องไปพบปะกับรุ่นพี่ในช่วงเย็นหรืออาจจะเรียกว่ารับน้องก็ได้ แต่ก็เป็นเพียงการทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ให้รุ่นน้องกับรุ่นพี่ได้สนิทสนมกันจะได้ดูแลกันและคอยให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน
ซึ่งแน่นอนว่าน้องคนโปรดของพวกรุ่นพี่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
ยัยเหมียวเล็กที่นั่งดูดนมปั่นแก้มป่องข้างๆ เธอเนี่ยแหละ
“เหมยอันนี้อร่อยนะ คราวหน้าชวนโทนี่กับแจงมาด้วยดีไหม”
เครียดเรื่องพี่พอร์ชก็ส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ของกินอร่อย นับตะวันขอโฟกัสที่ของกินก่อน ว่าแล้วก็ดูดนมปั่นอึกใหญ่จนแก้มฟู
[เลิกแล้วใช่ไหมคะ]
“อื้อ ตะวันเลิกแล้ว พี่ๆ เลี้ยงขนมตะวันด้วย”
[พุงฟูเลยไหม]
“ที่สุดดด”
[งั้นรอพี่แป๊บนึงนะ กำลังไปรับค่ะเจ้าหญิงน้อย]
“พี่ตฤณอย่าขับรถเร็วนะ”
[ช้ากว่าเครื่องบินแน่นอน]
“ตะวันจะฟ้องปะป๊า”
[อย่าาา]
คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักใส่ปลายสายจนดวงตาเหลือแค่เสี้ยว แองเจิลคิสปรากฏให้เห็นชัดเจนยามที่ริมฝีปากสวยแย้มรอยยิ้มออกมา นับตะวันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากที่คุยสายกับพี่ชายจบ
มือคู่น้อยแกว่งไปมาเบาๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองวานิลลาสกายที่ทอประกายสีส้มหน่อยๆ เส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวระต้นคอพลิ้วไปตามแรงลมที่พัดผ่านจนคนตัวเล็กต้องจับมาทัดลงที่ใบหูเพราะรู้สึกจั๊กจี้บริเวณกรอบหน้าที่ถูกเส้นผมคลอเคลีย
“โทนี่กลับก่อนก็ได้นะ”
“เดี๋ยวเรารอพี่ตฤณเป็นเพื่อนตะวัน”
“แต่นี่เย็นมากแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยตอบเพื่อนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน ดวงตาคมทอดมองใบหน้าสวยที่ยังคงเงยหน้ามองท้องฟ้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านับตะวันทั้งสวยทั้งน่ารัก แม้จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้เกินเพื่อนไม่ได้ แต่โทนี่ก็ยังคงเอ็นดูเพื่อนคนนี้มากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ
แสงสีส้มค่อยๆ เลือนหายไปจากท้องฟ้าอย่างเชื่องช้า ในช่วงเย็นพวกรุ่นพี่นัดเลี้ยงขนมน้องปี 1 ทำให้พวกเราต้องกลับบ้านช้ากว่าเวลาปกติ เหมยกินเยอะจนปวดท้องทำให้เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนนับตะวันเพื่อรอพี่ชายมารับ
“คอนโดโทนี่อยู่ไกลไหม ให้พี่ตฤณไปส่งก็ได้นะ” คนน่ารักหันมาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ไกลครับ อีกอย่างเราขับรถมาเอง”
“เก่งจัง ตะวันยังขับรถไม่เป็นเลย ขับเป็นแค่จักรยาน”
“ตะวันไม่ต้องขับเป็นก็ได้ครับ มีคนพร้อมขับให้ตะวันนั่งนะ”
“จริงเหรอ”
“ครับ”
นับตะวันตัวน้อยลองคิดตามคำพูดของเพื่อนตัวสูง...ในหัวปรากฏภาพของรถสปอร์ตคันสีดำที่ดูดุดันเหมือนกับเจ้าของ ใบหน้าหล่อเหลาที่ติดดุหน่อยๆ คือสารถีที่คอยขับรถให้นับตะวันนั่ง...
ยิ่งจินตนาการภาพในหัว แก้มขาวก็ยิ่งขึ้นสีระเรื่อน่าเอ็นดู ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะถูกดึงกระชากหายไปเมื่อนับตะวันสะบัดหัวไล่ภาพเหล่านั้นออกไป แล้วแทนที่ด้วยใบหน้าขุ่นมัวไม่สบอารมณ์ที่ตามหลอกหลอนนับตะวันมา 2 วันแล้ว
แง๊ เจ้าลูกแมวน้อยเซื่องซึมขึ้นมาทันที
จมอยู่กับความคิดตัวเองได้ไม่นานแสงไฟจากหน้ารถคันคุ้นตาก็แล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ จนนับตะวันต้องหรี่ตามอง
“เจ้าปุกปุยขึ้นรถได้แล้ว”
เขาจะต้องมีอีกกี่คำเรียกเหรอ ทำไมคนรอบตัวถึงชอบสรรหาคำมาเรียกเขาเยอะแยะมากมายด้วยนะ โดยเฉพาะพี่ตฤณเนี่ย ฮึ่ยย
“ขอบใจที่อยู่เป็นเพื่อนตะวันนะ”
“ไม่เป็นไรครับพี่”
“เออๆ กลับดีๆ ล่ะ น้องอย่าลืมคาดเข็มขัดนะคะ”
ประโยคแรกบอกกับโทนี่ ส่วนประโยคหลังบอกยัยแมวสองเดือนที่ยังไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วตฤณภพจึงค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากมหาลัยเพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่ไม่ใช่บ้านอย่างที่นับตะวันคิด
“หืม ไปไหนอ่า”
ดวงตากลมโตราวกับลูกกวางเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทิวทัศน์สองข้างทางแปลกตาไปจากที่คุ้นเคย มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่นา แล้วพี่ตฤณจะพาเขาไปไหน?
“ไปไหนเนี่ย”
“หาไปหาคุณกุ๊กกู๋...” ตฤณภพทำเสียงแหบแห้งยานคางเพื่อแกล้งคนน้อง
“ตะวันจะโป้งพี่ตฤณแล้วนะ!”
ยัยลูกแมวขู่ฟ่อเมื่อพี่ชายพูดถึงสิ่งที่นับตะวันไม่ชอบ...เออ เขากลัวผี
“ไรอ่า พี่แค่หยอก”
ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาโยกหัวน้องชายไปมาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่ตฤณภพอยากดึงน้องมาฟัดแก้มด้วยซ้ำ แล้วดูเหมือนว่านับตะวันจะโมโหจริงๆ เพราะเจ้าแมวเด็กจับมือพี่ชายที่โยกหัวตัวเองมางับซะจนขึ้นรอยเขี้ยวจางๆ
“หนูพี่เจ็บนะคะ”
“ตะวันงับเบาๆ”
“โทรบอกป๊าให้โอนค่าทำแผลมาให้พี่เลยนะ”
“ขอเงินอีกล่ะ เอาไปทำไมเยอะแยะ”
“เลี้ยงแมว”
“หมายถึงตะวันเหรอ”
“แมวขนสีชมพูค่ะ”
“เขาตกลงเป็นแฟนกับพี่ตฤณแล้วเหรอ?”
“โอ๊ยยย อย่าพูดงี้ดิ พี่ตฤณเจ็บปวดด”
ไอ้ท่าทางกุมอกเหมือนถูกมีดแทงอกที่พี่ตฤณทำอยู่ทำเอานับตะวันรู้สึกหมั่นไส้จนเผลอเบะปากใส่ เบื่อการละครพี่ตฤณแล้ว นี่เขายังไม่รู้เลยว่าพี่ชายจะพาไปไหน
“สรุปไปไหน”
“คอนโดไอ้พอร์ชค่ะ”
“…”
“พวกไอ้เพลิงก็อยู่นั่น วันนี้มีบอลค่ะ”
“…”
พี่ตฤณวนรถกลับบ้านก่อนได้ไหม ตะวันจะไปเก็บกระเป๋ามาเป็นแมวของพี่พอร์ช
จะได้ไปคอนโดผู้ชายที่ชอบแล้ว เย้!