จีบครั้งที่ 4

2204 คำ
ร่างสูงของพอร์ชขยับมือพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจนถึงข้อศอก ทว่าในระหว่างนั้นก็ยังจ้องคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่วางตา ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าลูกแมวน้อยพยายามหลบเลี่ยงสายตาคมที่จ้องกัน ก่อนจะทำเป็นมองนู่นมองนี่ แต่ก็ไม่วายแอบเหลือบสายตามามองร่างสูงที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเผลอตัว ตฤณภพรู้ว่าโทนี่เคยคิดที่จะจีบยัยเจ้าหญิงน้อยของตน เขาเคลียร์กับไอ้หนุ่มรุ่นน้องคนนี้เรียบร้อยแล้ว จนไว้ใจให้มันคอยดูแลนับตะวันในระหว่างที่อยู่ในมหาลัย ใช่ ตฤณภพรู้ถึงความสัมพันธ์นี้แล้ว แต่คนอื่นไม่รู้หนิ... หากจะถามว่าในกลุ่มของตฤณภพใครดุสุด ตอบได้เลยว่าพอร์ช พอร์ชเป็นคนนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้เย็นชา ดวงตาสีรัตติกาลคมกริบจนตฤณภพแทบร้องไห้เวลาถูกมันล้วงความลับ ดูเป็นคนที่เข้าหายาก เน้นการกระทำมากกว่าคำพูด ใบหน้านิ่งเฉยกับคนที่ไม่สนิท แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่ร้าย พอร์ชน่ะร้ายที่สุดแล้ว กินเรียบมาตลอด แต่ไม่ผูกมัดกับใครสักคน เป็นความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ วินวินกันทั้งสองฝ่าย เสร็จแล้วจบไม่มีสานต่อ จนกระทั่งมาช่วงเรียน ปี 2 จนถึงตอนนี้นี่แหละที่มันจำศีล ตฤณภพคิดว่าเพื่อนตัวเองจะไปบวชซะแล้ว เพราะมันเลิกจุ๊บจิ๊บกับคนอื่นจนตัวเขาเองยังตกใจ ความคิดทั้งหมดของตฤณภพถูกดึงกลับมาเมื่อไอ้เพื่อนหน้าหล่อกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างแรงจนน้ำกระฉอกออกมาอีกครั้ง “ไอ้พอร์ชมึงเป็นอะไรเนี่ยย” “อากาศร้อนเหรอวะ ใจเย็นพ่อจ๋า” “กูอิ่มแล้ว วันนี้มีเรียนแค่ตอนเช้าใช่ไหมงั้นกูกลับแล้วนะ” มือหนาเสยผมที่ปรกหน้าอย่างลวกๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโต๊ะไปท่ามกลางความงุนงงของทุกคนบนโต๊ะ ดวงตากลมโตของนับตะวันวูบไหวเล็กน้อย ในใจพลันคิดไปเองว่าเพราะเขามานั่งร่วมโต๊ะด้วยหรือเปล่าพี่พอร์ชถึงไม่พอใจ เพราะก่อนหน้านี้ร่างสูงจับจ้องเพียงแค่เขา งั้นเขาก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่พอร์ชอารมณ์ไม่ดีสินะ เมื่อคิดได้ดังนั้นพลันใบหน้าที่สดใสก็เริ่มหงอยลงช้าๆ จนตฤณภพสังเกตได้ “นับตะวันน้องเป็นอะไร” ตฤณภพเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ปะ...เปล่าครับ” เอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฮึบไว้นะนับตะวัน ห้ามร้องไห้เด็ดขาด... สองวันผ่านไป ลูกแมวตัวน้อยยังคงมีท่าทีหูลู่หางตกอีกทั้งยังดูหงอยเหงา ซึ่งนับตะวันมีอาการแบบนี้มา 2 วันแล้วนับตั้งแต่ที่ไปทานข้าวโรงอาหารกลางในวันนั้น ภายในหัวยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของพี่พอร์ช...ใบหน้านิ่งเฉยทว่าดวงตากลับดูขุ่นมัว ยิ่งคิด...หูหางทิพย์ก็ยิ่งลู่ลงอย่างน่าสงสาร ริมฝีปากบางเบะออกน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัวประกอบกับดวงตากลมโตที่เคยสดใส แต่ทว่าตอนนี้กลับเคลือบไปด้วยหยาดน้ำตา แม้ว่าจะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ลึกแค่ไหน นับตะวันก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่เก่งอยู่ดี “โอ๋ๆ นะ อย่าคิดมากสิ” เหมยดึงเพื่อนตัวน้อยเข้ามากอดโอ๋พร้อมกับโยกไปมาเบาๆ เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเพราะนับตะวันโทรมาเล่าให้ฟัง ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือยัยเหมียวเล็กนี่โทรมางอแงกับเธอตั้งแต่เย็นวันนั้นแล้ว เรื่องที่นับตะวันชอบพี่พอร์ชเธอเองก็รับรู้ รู้มาตั้งนานแล้ว รู้ด้วยว่าเพื่อนตัวเล็กของเธออาจหาญทำการใหญ่มาตั้งแต่ตัวเท่าลูกแมวเพิ่งคลอด! “พี่พอร์ชไม่ชอบเราหรือเปล่าเหมย” “ขอร้องเลยนะ ใครบ้างจะไม่ชอบตะวัน” “พี่พอร์ชไง...” ว่าจบก็เรียกน้ำตามาคลอเบ้าจนเพื่อนสาวรีบดึงเข้ามากอดปานลูกน้อย ยังดีหน่อยที่นั่งกันอยู่ร้านนมปั่นอีกทั้งยังเป็นมุมที่ลับตาคนเลยไม่ค่อยมีใครสนใจเหมยที่กำลังโอ๋ลูกแมวอยู่ “พี่พอร์ชเคยบอกเหรอว่าไม่ชอบตะวัน?” “ไม่เคย” “…” “แต่ก็ไม่เคยบอกหนิว่าชอบเรา” “ตะวันลองไปถามพี่พอร์ชอีกรอบหรือยัง” “ไม่เอา เราไม่กล้า...” นับตะวันไม่ได้เตรียมใจไว้ที่จะอกหักเป็นครั้งที่สองหรอกนะ ‘ตอนนี้พี่คิดกับตะวันแค่น้องครับ’ ประโยคบาดใจนั้นตะวันจำได้ขึ้นใจ ภาพเหตุการณ์เก่าๆ ในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่ขาดสายราวกับนับตะวันได้เผลอไปปลดล็อกแม่กุญแจแห่งความทรงจำ เขาในตอนนั้นเพิ่งจะเคยมีรักแรก การชอบใครสักคนทำให้หัวใจของนับตะวันพองโต เพียงแค่ได้เห็นหน้าก็ใจฟูราวกับมีผีเสื้อนับล้านบินอยู่ในนั้น คอยเฝ้ามองหาเขาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถลำลึกเข้าไปในหลุมนั้นมากเท่าไหร่ นับตะวันก็ยิ่งไม่เห็นหนทางที่จะปีนออกจากหลุมนั้นได้เลย ตกหลุมรักเข้าแล้วสิ “ฮื่อ พี่พอร์ชเกลียดเราไปแล้วแน่ๆ เลยเหมย” “โอ๊ยย ใครจะใจร้ายเกลียดตะวันได้ลงคอ น่ารักเหมือนลูกแมวขนาดนี้ ขี้อ้อนขนาดนี้ เขาไม่จับใส่กระเป๋าหิ้วกลับไปเลี้ยงที่บ้านก็ดีแค่ไหนแล้ว” “แล้วทำไมพี่พอร์ชไม่จับเราไปเลี้ยงเล่า! เราสัญญาว่าจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ารอเลย พี่พอร์ชไม่ต้องมารับด้วยเดี๋ยวเราวานให้พี่ตฤณไปส่งเอง” “เอ็นดูว่ะ แต่ถ้าพี่ตฤณรู้ได้เป็นลมล้มพับแน่ๆ” “เรากินง่ายอยู่ง่าย สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซนกับพี่พอร์ช” “ใจเย็นๆ นะ” “อยากเป็นของพี่พอร์ชใจจะขาดแล้วเหมย!” “ฮื่ออ น่ารักฉิบหายเลยยย” “พี่พอร์ชชอบแมวไหม เราเมี๊ยวๆ ได้” “โอ้โหหห มีโปรโมชั่นเสริมด้วย คนหรือแมวเนี่ย” “เป็นเหมียวๆ ของพี่พอร์ชคนเดียว” ฮือออ เหมยอยากจับนับตะวันม้วนเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้องมันซะตอนนี้เลย ก็บอกแล้วว่านับตะวันน่ารัก น่ารักแบบตะโกน น่ารักแบบโคตรของโคตรน่ารัก เกิดมายังไม่เคยเจอใครน่ารักเท่าเพื่อนคนนี้ของเธอเลย แล้วดูคำพูดคำจานะ มันเป็นเอ็นดูๆ อะ ถ้าโทนี่มาได้ยินประโยคเมื่อกี้รับรองมีหัวใจวาย แต่ไม่รู้เพราะความน่ารักของนับตะวันหรือที่รู้ว่าคนที่นับตะวันชอบคือใครนะ ช่วงเปิดเทอมแรกๆ ไม่ค่อยมีการเรียนการสอนแน่นตารางสักเท่าไหร่ มีบางวันที่ต้องไปพบปะกับรุ่นพี่ในช่วงเย็นหรืออาจจะเรียกว่ารับน้องก็ได้ แต่ก็เป็นเพียงการทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ให้รุ่นน้องกับรุ่นพี่ได้สนิทสนมกันจะได้ดูแลกันและคอยให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน ซึ่งแน่นอนว่าน้องคนโปรดของพวกรุ่นพี่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก... ยัยเหมียวเล็กที่นั่งดูดนมปั่นแก้มป่องข้างๆ เธอเนี่ยแหละ “เหมยอันนี้อร่อยนะ คราวหน้าชวนโทนี่กับแจงมาด้วยดีไหม” เครียดเรื่องพี่พอร์ชก็ส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ของกินอร่อย นับตะวันขอโฟกัสที่ของกินก่อน ว่าแล้วก็ดูดนมปั่นอึกใหญ่จนแก้มฟู [เลิกแล้วใช่ไหมคะ] “อื้อ ตะวันเลิกแล้ว พี่ๆ เลี้ยงขนมตะวันด้วย” [พุงฟูเลยไหม] “ที่สุดดด” [งั้นรอพี่แป๊บนึงนะ กำลังไปรับค่ะเจ้าหญิงน้อย] “พี่ตฤณอย่าขับรถเร็วนะ” [ช้ากว่าเครื่องบินแน่นอน] “ตะวันจะฟ้องปะป๊า” [อย่าาา] คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักใส่ปลายสายจนดวงตาเหลือแค่เสี้ยว แองเจิลคิสปรากฏให้เห็นชัดเจนยามที่ริมฝีปากสวยแย้มรอยยิ้มออกมา นับตะวันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากที่คุยสายกับพี่ชายจบ มือคู่น้อยแกว่งไปมาเบาๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองวานิลลาสกายที่ทอประกายสีส้มหน่อยๆ เส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวระต้นคอพลิ้วไปตามแรงลมที่พัดผ่านจนคนตัวเล็กต้องจับมาทัดลงที่ใบหูเพราะรู้สึกจั๊กจี้บริเวณกรอบหน้าที่ถูกเส้นผมคลอเคลีย “โทนี่กลับก่อนก็ได้นะ” “เดี๋ยวเรารอพี่ตฤณเป็นเพื่อนตะวัน” “แต่นี่เย็นมากแล้วนะ” “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเพื่อนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน ดวงตาคมทอดมองใบหน้าสวยที่ยังคงเงยหน้ามองท้องฟ้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านับตะวันทั้งสวยทั้งน่ารัก แม้จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้เกินเพื่อนไม่ได้ แต่โทนี่ก็ยังคงเอ็นดูเพื่อนคนนี้มากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ แสงสีส้มค่อยๆ เลือนหายไปจากท้องฟ้าอย่างเชื่องช้า ในช่วงเย็นพวกรุ่นพี่นัดเลี้ยงขนมน้องปี 1 ทำให้พวกเราต้องกลับบ้านช้ากว่าเวลาปกติ เหมยกินเยอะจนปวดท้องทำให้เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนนับตะวันเพื่อรอพี่ชายมารับ “คอนโดโทนี่อยู่ไกลไหม ให้พี่ตฤณไปส่งก็ได้นะ” คนน่ารักหันมาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “ไม่ไกลครับ อีกอย่างเราขับรถมาเอง” “เก่งจัง ตะวันยังขับรถไม่เป็นเลย ขับเป็นแค่จักรยาน” “ตะวันไม่ต้องขับเป็นก็ได้ครับ มีคนพร้อมขับให้ตะวันนั่งนะ” “จริงเหรอ” “ครับ” นับตะวันตัวน้อยลองคิดตามคำพูดของเพื่อนตัวสูง...ในหัวปรากฏภาพของรถสปอร์ตคันสีดำที่ดูดุดันเหมือนกับเจ้าของ ใบหน้าหล่อเหลาที่ติดดุหน่อยๆ คือสารถีที่คอยขับรถให้นับตะวันนั่ง... ยิ่งจินตนาการภาพในหัว แก้มขาวก็ยิ่งขึ้นสีระเรื่อน่าเอ็นดู ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะถูกดึงกระชากหายไปเมื่อนับตะวันสะบัดหัวไล่ภาพเหล่านั้นออกไป แล้วแทนที่ด้วยใบหน้าขุ่นมัวไม่สบอารมณ์ที่ตามหลอกหลอนนับตะวันมา 2 วันแล้ว แง๊ เจ้าลูกแมวน้อยเซื่องซึมขึ้นมาทันที จมอยู่กับความคิดตัวเองได้ไม่นานแสงไฟจากหน้ารถคันคุ้นตาก็แล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ จนนับตะวันต้องหรี่ตามอง “เจ้าปุกปุยขึ้นรถได้แล้ว” เขาจะต้องมีอีกกี่คำเรียกเหรอ ทำไมคนรอบตัวถึงชอบสรรหาคำมาเรียกเขาเยอะแยะมากมายด้วยนะ โดยเฉพาะพี่ตฤณเนี่ย ฮึ่ยย “ขอบใจที่อยู่เป็นเพื่อนตะวันนะ” “ไม่เป็นไรครับพี่” “เออๆ กลับดีๆ ล่ะ น้องอย่าลืมคาดเข็มขัดนะคะ” ประโยคแรกบอกกับโทนี่ ส่วนประโยคหลังบอกยัยแมวสองเดือนที่ยังไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วตฤณภพจึงค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากมหาลัยเพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่ไม่ใช่บ้านอย่างที่นับตะวันคิด “หืม ไปไหนอ่า” ดวงตากลมโตราวกับลูกกวางเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทิวทัศน์สองข้างทางแปลกตาไปจากที่คุ้นเคย มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่นา แล้วพี่ตฤณจะพาเขาไปไหน? “ไปไหนเนี่ย” “หาไปหาคุณกุ๊กกู๋...” ตฤณภพทำเสียงแหบแห้งยานคางเพื่อแกล้งคนน้อง “ตะวันจะโป้งพี่ตฤณแล้วนะ!” ยัยลูกแมวขู่ฟ่อเมื่อพี่ชายพูดถึงสิ่งที่นับตะวันไม่ชอบ...เออ เขากลัวผี “ไรอ่า พี่แค่หยอก” ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาโยกหัวน้องชายไปมาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่ตฤณภพอยากดึงน้องมาฟัดแก้มด้วยซ้ำ แล้วดูเหมือนว่านับตะวันจะโมโหจริงๆ เพราะเจ้าแมวเด็กจับมือพี่ชายที่โยกหัวตัวเองมางับซะจนขึ้นรอยเขี้ยวจางๆ “หนูพี่เจ็บนะคะ” “ตะวันงับเบาๆ” “โทรบอกป๊าให้โอนค่าทำแผลมาให้พี่เลยนะ” “ขอเงินอีกล่ะ เอาไปทำไมเยอะแยะ” “เลี้ยงแมว” “หมายถึงตะวันเหรอ” “แมวขนสีชมพูค่ะ” “เขาตกลงเป็นแฟนกับพี่ตฤณแล้วเหรอ?” “โอ๊ยยย อย่าพูดงี้ดิ พี่ตฤณเจ็บปวดด” ไอ้ท่าทางกุมอกเหมือนถูกมีดแทงอกที่พี่ตฤณทำอยู่ทำเอานับตะวันรู้สึกหมั่นไส้จนเผลอเบะปากใส่ เบื่อการละครพี่ตฤณแล้ว นี่เขายังไม่รู้เลยว่าพี่ชายจะพาไปไหน “สรุปไปไหน” “คอนโดไอ้พอร์ชค่ะ” “…” “พวกไอ้เพลิงก็อยู่นั่น วันนี้มีบอลค่ะ” “…” พี่ตฤณวนรถกลับบ้านก่อนได้ไหม ตะวันจะไปเก็บกระเป๋ามาเป็นแมวของพี่พอร์ช จะได้ไปคอนโดผู้ชายที่ชอบแล้ว เย้!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม