“มิสะ! ได้แล้ว”
นาตาชาร้องบอกเพื่อนสนิทเสียงดังทันทีที่ประตูด้านหลังเธอปิดตัวลง หญิงสาวประคองร่างเล็กกว่าตัวเองด้วยอาการทุลักทุเลเพราะร่างนั้นแทบจะไม่มีสติเหลือแถมยังทิ้งน้ำหนักตัวมาที่เธอทั้งหมดจนนาตาชาแทบจะอุ้มอีกฝ่ายให้เดินอยู่แล้ว เธอไม่คิดว่าฤทธิ์ยานั่นจะเล่นงานนังกาฝากเสียรุนแรงขนาดนี้!
มิสะที่ยืนรออยู่ปราดเข้ามาช่วยเธอหิ้วปีกคนเมายาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นแกมดีใจ
“โอ้…ดีจริงๆ”
“เราจะเอามันไปส่งที่ไหนล่ะ?”
นาตาชาถาม เพราะตอนนี้ตนเองอยากจะโยนร่างที่ ‘หิ้วปีก’ อยู่ทิ้งไปเร็วๆ แล้วจะได้รีบหนีไปจากที่นี่เสียที อ้อ! แต่ก่อนจะไปเธอต้องได้เงินครบตามสัญญาด้วย!
“เอาขึ้นรถเลย เดี๋ยวฉันพาไปเอง”
มิสะสั่ง พลางชี้นิ้วไปยังรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของเธอซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล ทว่านาตาชากลับไม่ขยับเดิน จนเธอต้องหันมามองหน้า คิ้วเรียวเหนือดวงตายาวเรียวชั้นเดียวเลิกขึ้นจ้องมองนาตาชาเป็นคำถาม
“แล้วเงินล่ะ อย่างที่ตกลงกันน่ะ?”
ประโยคที่หลุดจากปากของคนที่เป็นเพื่อนกันทำให้มิสะส่ายหน้าอย่างระอา พลางแสยะยิ้มเหยียดพร้อมกับสบถเสียงดังว่า
“ขี้งกจริงๆ ”
“ไม่ได้หรอกแก” นาตาชาเหยียดยิ้มตอบ ดวงตาสีมรกตของเธอเป็นประกายวาววับ “ของอย่างนี้มันเป็นธุรกิจนะ”
เรื่องเงินๆ ทองๆ ถึงจะเป็นเพื่อนกันมันก็ไว้ใจไม่ได้หรอก ยิ่งงานง่ายเงินงามอย่างครั้งนี้ เธอเองก็รู้จักมิสะดีพอที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายก็ ‘ร้าย’ พอตัว ทวงเอาไว้ก่อน ได้เงินมาไว้ในมือก่อนก็เป็นการเรียกความอุ่นใจเอาไว้ก่อนเป็นดีที่สุด!
“แกนี่มันจริงๆ เลยแนท” อีกฝ่ายโคลงศีรษะอย่างระอา ปลดมือนิกษาที่สลึมสลือไร้สติทิ้งลงข้างตัว ก่อนล้วงหยิบเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าสะพายของเธอแล้วส่งให้อีกฝ่าย “โอเค นี่ส่วนแบ่งแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของแก”
เธอยัดเงินนั้นใส่มือนาตาชา อีกฝ่ายรับมาด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะตาโตเมื่อประเมินด้วยสายตาแล้วเห็นว่านั่นเป็นธนบัตรมูลค่าสูงสุดนับสิบใบ!
“เฮ้ย! สูงขนาดนี้เลยเหรอ!”
มิสะเห็นดวงตาวาววับและความละโมบที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของอีกฝ่ายแล้วก็เหยียดยิ้มออกมาก่อนจะตอบว่า
“ก็ไปการันตีให้เลยไงว่าของใหม่ ไม่เคยมือ อัพราคาค่าตัวได้สุดๆ ไม่ดีหรือไง?”
ตอนท้ายเธอย้อนถามเสียงสูง ขณะที่อีกฝ่ายส่ายหน้ายิกๆ มิสะเลยอดส่งเสียงหยันในลำคอไม่ได้ อันที่จริงที่ให้ยายแนทไปมันก็แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่ใช่แปดสิบอย่างที่บอกไปหรอก แต่เธอจะบอกให้โง่ ในเมื่อยายแนทมันก็ไม่ได้รู้เรทราคาอะไรพวกนี้อยู่แล้ว!
หญิงสาวปรายตามองร่างเล็กของสาวเอเชีย เจ้าของเส้นผมดำและดวงตาสีน้ำตาลใส...เป็นคนเอเชียละม้ายคล้ายกับเธอ เพียงแต่ความสาวและความสวยมีมากกว่าด้วยสายตาเห็นใจปนสมเพชหน่อยๆ ที่อีกฝ่ายโชคร้ายมีพี่สาวโลภมากอย่างนาตาชา แต่อย่างว่าแหละ...บางครั้งคนเรามันก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดและเพื่อชีวิตที่ดีกว่ากันทั้งนั้น ตราบใดที่ไม่ใช่เธอที่ต้องตกที่นั่งลำบาก ถึงจะเห็นใจแต่มิสะก็ไม่คิดจะช่วยอะไรหรอก
เธอไม่ได้เป็นแม่พระ...และโลกใบนี้้ก็สอนเธอมาทั้งชีวิตอยู่แล้วว่าไม่มีอำนาจใดๆ ในโลกมีอิทธิพลเท่ากับอำนาจเงิน! เธอก็แค่ต้องการมัน ใครจะเดือดร้อนก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะต้องสนใจเสียหน่อย
“ดีสิ...เร็ว รีบเอามันไปได้แล้วก่อนที่จะมีคนมาเห็น”
เสียงเร่งเร้าของนาตาชาทำให้มิสะหลุดจากความคิดของตนเอง หญิงสาวกะพริบตาแล้วจับแขนเรียวของ ‘เหยื่อ’ ขึ้นมาอีกครั้งพลางก้าวเดินตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว คนที่สะลึม
สะลืออยู่ตลอดและมีท่าทีกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะเมาฤทธิ์ยาก็ผงกหัวขึ้นพร้อมกับครางเสียงแผ่วอย่างคนได้สติขึ้นมาว่า
“พี่จะพาฉัน...ไปไหนคะ...”
น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นนั้นทำให้นาตาชาเลิกลั่กอย่างทำอะไรไม่ถูก มิสะขึงตาใส่อีกฝ่ายไม่ให้ตื่นเต้น นาตาชากลั้นหายใจก่อนจะแกล้งตอบเสียงห้วนสั้น จิกกัดแบบที่เธอมักจะใช้กับนิกษาว่า
“กลับห้องน่ะสิ อะไร?! แค่แก้วเดียวก็เมาเหมือนหมาเลย!”
คนที่ถูกหาว่าเมากลับหายใจกระชั้นถี่ แล้วบ่นพึมพำอย่างกระสับ
กระส่าย
“ร้อนจังเลยพี่...ทำไมร้อนแบบนี้”
คราวนี้นาตาชาเหยียดยิ้ม ยัดร่างของนิกษาไว้ที่เบาะหลังก่อนจะตอบคำถามของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวเสียงหยัน
“เดี๋ยวจะพาไปคลายร้อน ใจเย็นๆ แล้วกัน รับรอง…เหมือนขึ้นสวรรค์เจ็ดชั้นเลย!”
เอ่ยจบเธอก็ปิดประตูเสียงดัง แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้มิสะเอาตัวอีกฝ่ายไปได้เลย
นาตาชายกธนบัตรขึ้นมาจูบก่อนจะโบกมือลาให้กับท้ายรถที่กำลังแล่นหายไปจากสายตาของเธอ
ขอให้แกโชคดีนะนังกาฝาก...หวังว่าไอ้คนที่ซื้อแกไปมันจะไม่ทำแกตายเสียก่อนนะ!
ส่วนเงินค่าตัวของแก...ฉันจะใช้ให้คุ้มค่าทุกดอลล่าเลย!
ฟลินน์เดินกลับมาหาเพื่อนสนิทที่ยังนั่งดื่มอยู่เรื่อยๆ หลังจากที่เขาลุกหายไปจัดการ ‘ธุระ’ ให้อีกฝ่าย เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งจึงได้เห็นว่าดาเรนนั้นดื่มไปมากกว่าจะครึ่งขวดแล้วด้วยระยะเวลาไม่ถึงสิบนาที
ถึงจะยังไม่แสดงออกว่าเมา แต่ดวงตาสีเขียวมรกตที่เป็นประกายวับวาวมากกว่าปกติก็ทำให้รู้ว่าสติของอีกฝ่ายกว่าครึ่งได้หายไปแล้วอย่างแน่นอน
“เรียบร้อย”
ฟลินน์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเพื่อนสนิท แย่งขวดเหล้าจากอีกฝ่ายมาแล้วรินเติมให้ตัวเองพร้อมกับเหยียดยิ้มก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่นจนหมดภายในรวดเดียว รสชาติบาดคอร้อนวาบไปถึงช่องท้องทำให้ฟลินน์ถึงกับหรี่ตาลงนิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
“หืม?” คนฟังครางในลำคอ “รวดเร็วจริง”
คำพูดกึ่งชมกึ่งแดกดันนั้นไม่ทำให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ สะทกสะท้านได้ มิหนำซ้ำผู้เชี่ยวชาญยังมีหน้ามาบอกอีกว่า
“ก็บอกแล้วว่ามีหุ้น” ดูท่าไอ้หุ้นนี่ว่าอาจจะเป็นหุ้นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ “ฉันบอกให้เปิดห้องที่โรงแรมให้นายแล้วด้วย นายไปได้เลยตอนนี้ ขอให้คลายเครียดนะเพื่อน”
ไม่พูดเปล่า ฟลินน์ถึงขั้นเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาตบบ่าอีกฝ่ายหนักๆ แล้วอวยพรด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจ ขณะที่คนถูกอวยพรส่ายหน้าอย่างระอากับคำพูดของอีกฝ่าย ทว่าถึงอย่างนั้นก็ไม่ปฏิเสธ
“แล้วแกล่ะ?” ดาเรนย้อนถามกลับบ้าง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากับอีกฝ่ายทำแบบนี้
“ขอล่าเหยื่อแถวๆ นี้แล้วกัน” ฟลินน์ตอบเพื่อนสนิท “เผื่อจะมีอะไรสนุกๆ ให้หายเบื่อบ้าง”
ซึ่งเขาก็หวังว่าจะเจอในเร็วๆ นี้ และค่ำคืนนี้ของเขาจะไม่จืดชืดและน่าเบื่อไปเสียก่อนหลังจากที่เขาเพิ่งหมดเรื่องสนุกของดาเรนไป
“เออ ขอให้เจอแล้วกัน”
ดาเรนตอบพลางลุกขึ้นยืน และนั่นทำให้ฟลินน์อดกระทุ้งแกล้งอีกฝ่ายไม่ได้
“ให้ไปส่งไหม?”
คำถามนั้นส่งผลให้ดาเรนหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสนิทท่ามกลางความมืดสลัว
“ไม่ได้จะไปโรงเรียน ไม่ต้องให้ผู้ปกครองไปส่งหรอกวะ แล้วถ้าแกคิดอะไรดีๆ ที่จะช่วยฉันได้ก็บอกด้วยแล้วกัน” ตอนท้ายเขาวกมาถึงปัญหาใหญ่ของตัวเองที่เรียกให้เพื่อนสนิทมาหาในวันนี้ ฟลินน์ไม่ตอบแต่กลับหัวเราะจนตัวสั่น ก่อนจะโบกมือลากึ่งโบกมือไล่ให้ดาเรนออกไปจากที่นี่ได้แล้ว
“ขอให้สนุกนะเพื่อนรัก”
“เออ”
ดาเรนตอบรับเสียงหนัก แล้วเดินออกนอกผับเพื่อไปยังโรงแรมซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการของฟลินน์ เบรดฟอร์ด เพื่อนสนิทของเขานั่นเอง