นิกษาค่อยๆ ยกมือขึ้นจับศีรษะของตัวเองเพราะรู้สึกปวดตุบๆ จนแทบจะระเบิด ตอนนี้ร่างกายเธอร้อนผ่าวและเมื่อยล้าอย่างผิดปกติ หญิงสาวถอนหายใจเข้าออกหนักๆ ราวกับคนหายใจไม่ออก พยายามปรือตาขึ้นสู้กับความง่วงงุนและในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ
ทว่า…
โอ…เธออยากจะหลับตาลงไปอีกครั้ง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลย! นิกษายกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงกรีดร้องของเธอเล็ดลอดออกมา เมื่อสติคืนมาครบและรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองชัดเจน ซึ่งไม่มีอะไรยืนยันได้ดีเท่ากับ ‘ร่างเปลือยเปล่า’ ของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนอนเคียงข้างเธอ หญิงสาวยังคงมองใบหน้าที่หลับสนิทของผู้ชายคนนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก และไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
“นี่มัน...อะไรกัน!”
“…”
“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แล้วทำไม...เกิดอะไรขึ้น? พี่แนทล่ะ?”
หลังจากที่วนเวียนถามตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก็มีเพียงรอยยิ้มและดวงตาเหยียดหยันของนาตาชาผู้เป็นพี่สาว น้ำตาของนิกษารินไหล โลกของเธอเหมือนถล่มทลายกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดออกมาเป็นชิ้นๆ เมื่อคำตอบที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั้นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของนาตาชาอย่างแน่นอน!
นาตาชาวางยาเธอ! และไม่รู้หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นแต่เธอกับผู้ชายข้างๆ นี้…
เธอพลาดพลั้งไปกับเขาอย่างแน่นอน! ไม่ต้องปลุกเขาขึ้นมาถาม ถึงจะไม่เคยแต่ก็ไม่ได้ไม่ประสีประสาจนไม่รู้หรอกว่าร่างกายตัวเองโดนล่วงล้ำแล้วหรือไม่
หญิงสาวสะอื้น อัดอั้นจนหัวอกแทบจะระเบิด อัดอั้นจนนึกอยาก
จะตายไปให้พ้นๆ กับสภาพนี้ไปด้วยซ้ำ! เป็นครั้งแรกที่นึกอยากทำร้ายร่างกายใครสักคนหรือแม้กระทั่งตนเอง!
เธอกระโดดตึกหนีตายไปเลยดีไหม! ชีวิตของเธอสูญสิ้นแล้ว! ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว! เธอเจ็บปวดเกินกว่าอยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำไมโลกโหดร้ายกับเธอแบบนี้ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยทำร้ายใคร คิดร้ายต่อใคร ทำไมเธอถึงได้ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอย่างการถูกล่วงละเมิดทางเพศแบบนี้ด้วย เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนเธอเป็นยังไงเพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่เธอรู้ก็คือเธอโดนวางยาด้วยฝีมือของคนที่เธอคิดมาตลอดว่าเป็นครอบครัวเดียวที่มี!
ถ้าเกลียดเธอมากขนาดนี้...เธอตายไปเลยดีไหมนาตาชาถึงจะพอใจ!
“ทำไมฉันต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย!”
หญิงสาวได้แต่พึมพำอย่างเจ็บปวดหัวใจ วินาทีนี้นึกอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าในเสี้ยววินาทีเดียวกันกลับนึกถึงบิดาที่นอนป่วยอยู่ที่บ้าน เธอก็ได้แต่ปล่อยโฮอย่างไม่อาจสะกดกลั้นได้ไหวเพราะรู้ดีว่าตัวเองจะตายตอนนี้ไม่ได้ ถ้าเธอตายก็จะไม่มีใครดูแลท่าน จะหวังพึ่ง
นาตาชาก็คงไม่มีทางอย่างแน่นอน เธอจึงได้แต่ซุกหน้าลงกับเข่าทั้งสองข้างกลั้นเสียงร้องจนเห็นผู้ชายข้างๆ ขยับตัวเธอจึงรีบปิดปากแน่น แต่น้ำตายังไหลไม่หยุดพร้อมกับค่อยๆ ขยับตัวลงจากเตียง กวาดตามองก็เห็นเสื้อผ้าของเธอเกลื่อนกลาดเต็มพื้นในสภาพที่ยับยู่ยี่
นิกษาสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วรีบหนีออกไปจากนรกคืนเดียวของเธอก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะฟื้นขึ้นมาเจอเธอ!
------------
เป็นครั้งแรกในรอบปีที่นิกษาตัดสินใจขึ้นแท็กซี่เพราะไม่อยากพาร่างบอบช้ำและร้อนผ่าวด้วยพิษไข้ของตนเองฝ่าฝูงชนไปใช้บริการรถไฟใต้ดินให้ถูกมองด้วยสายตาสงสัย และที่สำคัญตอนนี้ไม่รู้รองเท้าของเธอหายไปไหน เพราะแค่ออกมาจากที่นั่นโดยไม่มีรองเท้าเธอก็ถูกพนักงานในโรงแรมเพ่งเล็งมากพอแล้ว
ตอนอยู่ในห้องนั้นเธอไม่ได้สังเกตรอบกายสักนิด กระทั่งออกมาข้างนอกจึงได้รู้ว่าโรงแรมที่เธอถูกพาตัวมาเมื่อคืนนี้หรูหรามากเพียงใด และเมื่อวิ่งออกมาด้านนอกจึงเห็นแวบๆ ว่ามันคือหนึ่งในโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงดังไปก้องโลก
ดูท่าคนที่นอนอยู่ในห้องนั้นจะร่ำรวยเอาการ นึกถึงใบหน้าคมคายหล่อเหลาที่หลับสนิทเธอก็นึกแค้นใจ หน้าตาดีถึงเพียงนี้ไม่มีปัญญาหาผู้หญิงที่เต็มใจหรือยังไง ถึงได้ทำร้ายเธอถึงขนาดนี้ เขาน่าจะดูออกว่าเธอโดนวางยา แต่กลับเลือกที่จะไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้วทำร้ายเธอแบบนี้!
คนใจดำ!
นิกษากลับมาถึงบ้านในที่สุด และเมื่อก้าวเท้าเข้าไปข้างในบ้านหญิงสาวถึงกับทรุดลงกับพื้นด้วยอาการแข้งขาอ่อน น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วไหลรินอีกครั้ง หญิงสาวนั่งคู้ตัว สองมือกอดเข่าแน่น ขณะที่กำลังจะปล่อยโฮสุดเสียง โทรศัพท์บ้านที่นานๆ ทีจะมีใครสักคนโทร.เข้ามาของเธอกลับดังขึ้นมาเสียก่อน
หญิงสาวฝืนร่างกายที่ร้าวระบมไปทั่วกายลุกขึ้นยืน พยายามกลั้นสะอื้น ใช้มือปาดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆ หายใจปรับอารมณ์ให้สงบก่อนจะรับสาย
“ฮัลโหล! ขอบคุณสวรรค์ในที่สุดฉันก็ติดต่อแกได้เสียที!”
น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสายทำให้ดวงตาของนิกษาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาอีกครั้ง
“คริส…”
เธอเรียกชื่อปลายสายเสียงสั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็พอมีสติไม่ปล่อยโฮให้อีกฝ่ายตกใจ และไม่อยากให้คริสต้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธออีกด้วย เพราะไม่อย่างนั้นนอกจากคริสต้าจะแล่นไปฆ่านาตาชาแล้ว เพื่อนสนิทของเธออาจจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ชักชวนเธอไปยังสถานที่นั้นจนทำให้เธอมีชะตากรรมที่เลวร้ายแบบนี้
คริสต้าจะต้องคิดอย่างนี้แน่ๆ และเธอก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจและรู้สึกผิด ฉะนั้นเธอจะต้องไม่ทำอะไรให้คริสต้าเป็นกังวลเด็ดขาด!
“แกหายหัวไปไหนมา!” ปลายสายคาดคั้นเสียงเข้ม ฟังแล้วรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะรู้สึกทั้งโกรธทั้งโมโห ทว่าก็มีกระแสของความโล่งใจที่ติดต่อเธอได้เสียที “รู้ไหมฉันร้อนใจมากแค่ไหนที่แกหายตัวไป แถมติดต่อไม่ได้ทั้งคืนแบบนี้!”
นิกษาขบริมฝีปากแน่น พยายามเรียบเรียงคำโกหกเพื่อตอบอีกฝ่าย
“พอดี…เจอกับ...กับเพื่อนน่ะ”
เธอกลั้นใจตอบออกไปในที่สุด แต่น้ำเสียงก็ยังคงสั่นเครือและเต็มไปด้วยอาการตะกุกตะกัก ส่วนหนึ่งเพราะพยายามกลั้นสะอื้นและไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกไปอย่างเด็ดขาด!
“เพื่อนบ้าอะไร!”
ปลายสายตวาดลั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ จนนิกษาสะดุ้งโหยง
สุดตัวด้วยความตกใจ เธอรู้ดีว่าคริสต้าอาจจะไม่เชื่อนัก แต่ก็หาข้อโต้แย้งอะไรไม่ได้หรอก
“เพื่อนที่ทำงาน” หญิงสาวเลือกกลุ่มที่พอจะมั่นใจได้ว่าคริสต้าจะต้องไม่รู้จัก “แล้วคุยกันเพลิน จะบอกแกว่าจะกลับก่อนก็ลืมน่ะ”
“เพื่อนที่ทำงาน?”
“อื้อ!”
หญิงสาวส่งเสียงตอบรับเมื่อโดนคาดคั้น พยายามจะสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ตนเองมากที่สุด
“แล้วทำไมถึงต้องปิดโทรศัพท์”
“ไม่ได้ปิดนะ แต่แบตมันหมด”
อันที่จริงมันไม่ได้หมด แต่…ข้าวของของเธอนั้นไม่รู้ไปอยู่ไหน เพราะขนาดรองเท้าของเธอ นิกษาก็ไม่รู้แล้วว่ามันหลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไร ไม่ต้องถามถึงโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าเครื่องนั้นเลย
คำตอบของเธอทำให้คริสต้าเงียบด้วยความจนมุม จนเธอเกือบ
จะเชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายคงเชื่อในสิ่งที่เธอพูด ถ้าไม่เพราะคนที่จู่ๆ ก็เงียบไปเกือบนาทีนั้นเอ่ยขึ้นมาว่า
“รู้ไหม...”
“…”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่ แต่เราเป็นเพื่อนกันมานานนะนิกกี้”
“…”
“แกคิดว่าฉันจะไม่รู้หรือไงว่าแกกำลังโกหกน่ะ”
“ฉันไม่ได้...”
หญิงสาวสะท้านเยือกไปทั้งกาย น้ำตาที่พยายามสะกดเอาไว้ไหลรินลงมาอีกครั้งอย่างเงียบงัน เธอพูดไม่ออก ได้แต่กัดริมฝีปากเพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองสารภาพความจริงออกไป
ต่อให้อ่อนแอมากแค่ไหน เธอก็ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จะให้ใครรู้เรื่องไม่ได้โดยเด็ดขาด!
โดยเฉพาะ...คริสต้า!
“ในเมื่อจับไม่ได้ฉันก็จะพยายามเชื่อแกแล้วกัน”
“ฉันไม่ได้โกหกจริงๆ นะ”
หญิงสาวยืนยันเสียงสั่นพร่า ซึ่งกลับกลายเป็นตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังโกหก และคริสต้าก็คงจะรู้ว่าเธอจะไม่มีวันบอกความจริงใดๆ ออกมาโดยเด็ดขาด
“เลิกพูดเถอะน่า ฉันก็แค่กังวลมากเกินไปเท่านั้นแหละ”
“อื้อ”
หญิงสาวพยักหน้ารับทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น ก่อนจะใช้มือปาดเช็ดน้ำตาลวกๆ ออกจากพวงแก้ม เธอได้ยินปลายสายถอนหายใจยาวออกมาคล้ายกับพยายามสะกดกลั้นอารมณ์
“ช่างเถอะๆ ฉันเลิกจับผิดแกแล้ว ไล่ไม่จนมุมสักที”
อีกฝ่ายบอกอย่างตัดใจในที่สุด ซึ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกโล่งใจ เพราะไม่อยากจะโกหกไปมากกว่านี้แล้ว
“ก็มันไม่มีอะไร”
“แก…เออ ช่างเถอะ” คริสต้าเอ่ยตัดบทอีกครั้ง “ฉันไม่กวนแกแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะไปหาแล้วกัน”
ประโยคท้ายของคริสต้าทำให้นิกษาต้องรีบห้ามเป็นพัลวัน
“ไม่ต้องมาหรอก! ฉันไม่เป็นอะไร”
จะให้คริสต้ามาเห็นสภาพเธอตอนนี้ไม่ได้ และคงอีกพักใหญ่เลยที่เธอจะโผล่หน้าไปให้เพื่อนสนิทเห็นไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องรู้แน่ว่าเธอโกหก และเธอเจอกับอะไรมา!
อีกครั้งที่นิกษาได้ยินเสียงอีกฝ่ายแสดงออกชัดถึงความขัดใจและไม่พอใจ จนเธอต้องย้ำอีกครั้งว่าไม่ให้คริสต้ามาหา นั่นแหละเพื่อนสนิทจึงยอมสงบลงแล้วตอบรับคำขอร้องของเธอในที่สุด
“เออๆ”
หลังจากนั้นนิกษาก็เอ่ยขอตัววางสาย แล้วเรี่ยวแรงที่มีน้อยนิดก็หมดลงอีกครั้ง เธอทรุดลงกับพื้นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ น้ำตาที่คิดว่าหยุดไหลแล้วก็ไหลรินลงมาอย่างเงียบงันอีกครั้ง