10

1853 คำ
นิกษาค่อยๆ ยกมือขึ้นจับศีรษะของตัวเองเพราะรู้สึกปวดตุบๆ จนแทบจะระเบิด ตอนนี้ร่างกายเธอร้อนผ่าวและเมื่อยล้าอย่างผิดปกติ หญิงสาวถอนหายใจเข้าออกหนักๆ ราวกับคนหายใจไม่ออก พยายามปรือตาขึ้นสู้กับความง่วงงุนและในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ ทว่า… โอ…เธออยากจะหลับตาลงไปอีกครั้ง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลย! นิกษายกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงกรีดร้องของเธอเล็ดลอดออกมา เมื่อสติคืนมาครบและรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองชัดเจน ซึ่งไม่มีอะไรยืนยันได้ดีเท่ากับ ‘ร่างเปลือยเปล่า’ ของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนอนเคียงข้างเธอ หญิงสาวยังคงมองใบหน้าที่หลับสนิทของผู้ชายคนนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก และไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี “นี่มัน...อะไรกัน!” “…” “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แล้วทำไม...เกิดอะไรขึ้น? พี่แนทล่ะ?” หลังจากที่วนเวียนถามตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก็มีเพียงรอยยิ้มและดวงตาเหยียดหยันของนาตาชาผู้เป็นพี่สาว น้ำตาของนิกษารินไหล โลกของเธอเหมือนถล่มทลายกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดออกมาเป็นชิ้นๆ เมื่อคำตอบที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั้นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของนาตาชาอย่างแน่นอน! นาตาชาวางยาเธอ! และไม่รู้หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นแต่เธอกับผู้ชายข้างๆ นี้… เธอพลาดพลั้งไปกับเขาอย่างแน่นอน! ไม่ต้องปลุกเขาขึ้นมาถาม ถึงจะไม่เคยแต่ก็ไม่ได้ไม่ประสีประสาจนไม่รู้หรอกว่าร่างกายตัวเองโดนล่วงล้ำแล้วหรือไม่ หญิงสาวสะอื้น อัดอั้นจนหัวอกแทบจะระเบิด อัดอั้นจนนึกอยาก จะตายไปให้พ้นๆ กับสภาพนี้ไปด้วยซ้ำ! เป็นครั้งแรกที่นึกอยากทำร้ายร่างกายใครสักคนหรือแม้กระทั่งตนเอง! เธอกระโดดตึกหนีตายไปเลยดีไหม! ชีวิตของเธอสูญสิ้นแล้ว! ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว! เธอเจ็บปวดเกินกว่าอยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำไมโลกโหดร้ายกับเธอแบบนี้ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยทำร้ายใคร คิดร้ายต่อใคร ทำไมเธอถึงได้ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอย่างการถูกล่วงละเมิดทางเพศแบบนี้ด้วย เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนเธอเป็นยังไงเพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่เธอรู้ก็คือเธอโดนวางยาด้วยฝีมือของคนที่เธอคิดมาตลอดว่าเป็นครอบครัวเดียวที่มี! ถ้าเกลียดเธอมากขนาดนี้...เธอตายไปเลยดีไหมนาตาชาถึงจะพอใจ! “ทำไมฉันต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย!” หญิงสาวได้แต่พึมพำอย่างเจ็บปวดหัวใจ วินาทีนี้นึกอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าในเสี้ยววินาทีเดียวกันกลับนึกถึงบิดาที่นอนป่วยอยู่ที่บ้าน เธอก็ได้แต่ปล่อยโฮอย่างไม่อาจสะกดกลั้นได้ไหวเพราะรู้ดีว่าตัวเองจะตายตอนนี้ไม่ได้ ถ้าเธอตายก็จะไม่มีใครดูแลท่าน จะหวังพึ่ง นาตาชาก็คงไม่มีทางอย่างแน่นอน เธอจึงได้แต่ซุกหน้าลงกับเข่าทั้งสองข้างกลั้นเสียงร้องจนเห็นผู้ชายข้างๆ ขยับตัวเธอจึงรีบปิดปากแน่น แต่น้ำตายังไหลไม่หยุดพร้อมกับค่อยๆ ขยับตัวลงจากเตียง กวาดตามองก็เห็นเสื้อผ้าของเธอเกลื่อนกลาดเต็มพื้นในสภาพที่ยับยู่ยี่ นิกษาสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วรีบหนีออกไปจากนรกคืนเดียวของเธอก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะฟื้นขึ้นมาเจอเธอ! ------------ เป็นครั้งแรกในรอบปีที่นิกษาตัดสินใจขึ้นแท็กซี่เพราะไม่อยากพาร่างบอบช้ำและร้อนผ่าวด้วยพิษไข้ของตนเองฝ่าฝูงชนไปใช้บริการรถไฟใต้ดินให้ถูกมองด้วยสายตาสงสัย และที่สำคัญตอนนี้ไม่รู้รองเท้าของเธอหายไปไหน เพราะแค่ออกมาจากที่นั่นโดยไม่มีรองเท้าเธอก็ถูกพนักงานในโรงแรมเพ่งเล็งมากพอแล้ว ตอนอยู่ในห้องนั้นเธอไม่ได้สังเกตรอบกายสักนิด กระทั่งออกมาข้างนอกจึงได้รู้ว่าโรงแรมที่เธอถูกพาตัวมาเมื่อคืนนี้หรูหรามากเพียงใด และเมื่อวิ่งออกมาด้านนอกจึงเห็นแวบๆ ว่ามันคือหนึ่งในโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงดังไปก้องโลก ดูท่าคนที่นอนอยู่ในห้องนั้นจะร่ำรวยเอาการ นึกถึงใบหน้าคมคายหล่อเหลาที่หลับสนิทเธอก็นึกแค้นใจ หน้าตาดีถึงเพียงนี้ไม่มีปัญญาหาผู้หญิงที่เต็มใจหรือยังไง ถึงได้ทำร้ายเธอถึงขนาดนี้ เขาน่าจะดูออกว่าเธอโดนวางยา แต่กลับเลือกที่จะไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้วทำร้ายเธอแบบนี้! คนใจดำ! นิกษากลับมาถึงบ้านในที่สุด และเมื่อก้าวเท้าเข้าไปข้างในบ้านหญิงสาวถึงกับทรุดลงกับพื้นด้วยอาการแข้งขาอ่อน น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วไหลรินอีกครั้ง หญิงสาวนั่งคู้ตัว สองมือกอดเข่าแน่น ขณะที่กำลังจะปล่อยโฮสุดเสียง โทรศัพท์บ้านที่นานๆ ทีจะมีใครสักคนโทร.เข้ามาของเธอกลับดังขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวฝืนร่างกายที่ร้าวระบมไปทั่วกายลุกขึ้นยืน พยายามกลั้นสะอื้น ใช้มือปาดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆ หายใจปรับอารมณ์ให้สงบก่อนจะรับสาย “ฮัลโหล! ขอบคุณสวรรค์ในที่สุดฉันก็ติดต่อแกได้เสียที!” น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสายทำให้ดวงตาของนิกษาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาอีกครั้ง “คริส…” เธอเรียกชื่อปลายสายเสียงสั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็พอมีสติไม่ปล่อยโฮให้อีกฝ่ายตกใจ และไม่อยากให้คริสต้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธออีกด้วย เพราะไม่อย่างนั้นนอกจากคริสต้าจะแล่นไปฆ่านาตาชาแล้ว เพื่อนสนิทของเธออาจจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ชักชวนเธอไปยังสถานที่นั้นจนทำให้เธอมีชะตากรรมที่เลวร้ายแบบนี้ คริสต้าจะต้องคิดอย่างนี้แน่ๆ และเธอก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจและรู้สึกผิด ฉะนั้นเธอจะต้องไม่ทำอะไรให้คริสต้าเป็นกังวลเด็ดขาด! “แกหายหัวไปไหนมา!” ปลายสายคาดคั้นเสียงเข้ม ฟังแล้วรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะรู้สึกทั้งโกรธทั้งโมโห ทว่าก็มีกระแสของความโล่งใจที่ติดต่อเธอได้เสียที “รู้ไหมฉันร้อนใจมากแค่ไหนที่แกหายตัวไป แถมติดต่อไม่ได้ทั้งคืนแบบนี้!” นิกษาขบริมฝีปากแน่น พยายามเรียบเรียงคำโกหกเพื่อตอบอีกฝ่าย “พอดี…เจอกับ...กับเพื่อนน่ะ” เธอกลั้นใจตอบออกไปในที่สุด แต่น้ำเสียงก็ยังคงสั่นเครือและเต็มไปด้วยอาการตะกุกตะกัก ส่วนหนึ่งเพราะพยายามกลั้นสะอื้นและไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกไปอย่างเด็ดขาด! “เพื่อนบ้าอะไร!” ปลายสายตวาดลั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ จนนิกษาสะดุ้งโหยง สุดตัวด้วยความตกใจ เธอรู้ดีว่าคริสต้าอาจจะไม่เชื่อนัก แต่ก็หาข้อโต้แย้งอะไรไม่ได้หรอก “เพื่อนที่ทำงาน” หญิงสาวเลือกกลุ่มที่พอจะมั่นใจได้ว่าคริสต้าจะต้องไม่รู้จัก “แล้วคุยกันเพลิน จะบอกแกว่าจะกลับก่อนก็ลืมน่ะ” “เพื่อนที่ทำงาน?” “อื้อ!” หญิงสาวส่งเสียงตอบรับเมื่อโดนคาดคั้น พยายามจะสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ตนเองมากที่สุด “แล้วทำไมถึงต้องปิดโทรศัพท์” “ไม่ได้ปิดนะ แต่แบตมันหมด” อันที่จริงมันไม่ได้หมด แต่…ข้าวของของเธอนั้นไม่รู้ไปอยู่ไหน เพราะขนาดรองเท้าของเธอ นิกษาก็ไม่รู้แล้วว่ามันหลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไร ไม่ต้องถามถึงโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าเครื่องนั้นเลย คำตอบของเธอทำให้คริสต้าเงียบด้วยความจนมุม จนเธอเกือบ จะเชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายคงเชื่อในสิ่งที่เธอพูด ถ้าไม่เพราะคนที่จู่ๆ ก็เงียบไปเกือบนาทีนั้นเอ่ยขึ้นมาว่า “รู้ไหม...” “…” “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่ แต่เราเป็นเพื่อนกันมานานนะนิกกี้” “…” “แกคิดว่าฉันจะไม่รู้หรือไงว่าแกกำลังโกหกน่ะ” “ฉันไม่ได้...” หญิงสาวสะท้านเยือกไปทั้งกาย น้ำตาที่พยายามสะกดเอาไว้ไหลรินลงมาอีกครั้งอย่างเงียบงัน เธอพูดไม่ออก ได้แต่กัดริมฝีปากเพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองสารภาพความจริงออกไป ต่อให้อ่อนแอมากแค่ไหน เธอก็ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จะให้ใครรู้เรื่องไม่ได้โดยเด็ดขาด! โดยเฉพาะ...คริสต้า! “ในเมื่อจับไม่ได้ฉันก็จะพยายามเชื่อแกแล้วกัน” “ฉันไม่ได้โกหกจริงๆ นะ” หญิงสาวยืนยันเสียงสั่นพร่า ซึ่งกลับกลายเป็นตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังโกหก และคริสต้าก็คงจะรู้ว่าเธอจะไม่มีวันบอกความจริงใดๆ ออกมาโดยเด็ดขาด “เลิกพูดเถอะน่า ฉันก็แค่กังวลมากเกินไปเท่านั้นแหละ” “อื้อ” หญิงสาวพยักหน้ารับทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น ก่อนจะใช้มือปาดเช็ดน้ำตาลวกๆ ออกจากพวงแก้ม เธอได้ยินปลายสายถอนหายใจยาวออกมาคล้ายกับพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ “ช่างเถอะๆ ฉันเลิกจับผิดแกแล้ว ไล่ไม่จนมุมสักที” อีกฝ่ายบอกอย่างตัดใจในที่สุด ซึ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกโล่งใจ เพราะไม่อยากจะโกหกไปมากกว่านี้แล้ว “ก็มันไม่มีอะไร” “แก…เออ ช่างเถอะ” คริสต้าเอ่ยตัดบทอีกครั้ง “ฉันไม่กวนแกแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะไปหาแล้วกัน” ประโยคท้ายของคริสต้าทำให้นิกษาต้องรีบห้ามเป็นพัลวัน “ไม่ต้องมาหรอก! ฉันไม่เป็นอะไร” จะให้คริสต้ามาเห็นสภาพเธอตอนนี้ไม่ได้ และคงอีกพักใหญ่เลยที่เธอจะโผล่หน้าไปให้เพื่อนสนิทเห็นไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องรู้แน่ว่าเธอโกหก และเธอเจอกับอะไรมา! อีกครั้งที่นิกษาได้ยินเสียงอีกฝ่ายแสดงออกชัดถึงความขัดใจและไม่พอใจ จนเธอต้องย้ำอีกครั้งว่าไม่ให้คริสต้ามาหา นั่นแหละเพื่อนสนิทจึงยอมสงบลงแล้วตอบรับคำขอร้องของเธอในที่สุด “เออๆ” หลังจากนั้นนิกษาก็เอ่ยขอตัววางสาย แล้วเรี่ยวแรงที่มีน้อยนิดก็หมดลงอีกครั้ง เธอทรุดลงกับพื้นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ น้ำตาที่คิดว่าหยุดไหลแล้วก็ไหลรินลงมาอย่างเงียบงันอีกครั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม