บทที่ 1 เดินออกจากความเจ็บปวด 3

1364 คำ
แม้เธอจะพยายามทุ่มเทพิสูจน์ใจให้เขารู้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอไม่เคยได้รับสายตาอ่อนโยนจากเขากลับมาเลยสักครั้ง ไม่ต้องพูดถึงรอยยิ้มและการกระทำที่อ่อนหวาน ผิดแผกกับอมลฉวีผู้กุมหัวใจเขาได้อยู่หมัด สามารถละลายน้ำแข็งที่เหน็บหนาวให้กลายเป็นสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำได้ในชั่วพริบตา เมื่อไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในหัวใจ แล้วเธอจะฝืนดื้อดึงต่อไปทำไมให้ใจเจ็บ? เธอไม่ใช่คนโง่ ยิ่งไม่ควรเพ้อฝันถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของเธอ เธอเดินมาจนสุดทางแล้ว เธอไม่อาจฝ่าทางตันแล้วเดินต่อไปอย่างดันทุรัง และจะไม่หลอกตัวเองเพื่อความสุขที่ไม่จีรังด้วย เพราะหลังจากเสี้ยววินาทีของความสุขผ่านพันไป เธอจะพบกับความเจ็บปวดรวดร้าวชนิดที่เกินจะรับได้แทน เธอไม่รู้ว่าจะทนได้ไหม? หากเธอต้องเจ็บไปจนวันตายล่ะ? เพียงแค่คิด... เนื้อตัวเธอก็สะท้าน รู้สึกเจ็บราวกับถูกมดคันไฟนับพันกัดยิบๆ พิษของมันแม้ไม่ร้ายแรงถึงตาย แต่ก็แทรกซึมไปทั่วทุกอณู เพื่อหลีกหนีความโหดร้ายแบบนั้น เธอจึงควรหันเหความสนใจจากเขามุ่งไปสู่ ‘ความฝัน’ ของตัวเอง... ลัลล์นลินเริ่มตระหนักถึงมันตอนที่ขึ้นชั้นปีสี่ เป็นช่วงที่ใกล้จะจบมหาวิทยาลัย เพื่อนๆ ของเธอเริ่มกระตือรือร้นให้ความสำคัญกับอนาคตหลังจากเรียนจบ หนึ่งในนั้นถามเธอว่า ‘เธออยากเป็นอะไร?’ แม้ลัลล์นลินจะเป็นลูกหลานเจ้าสัวคนดัง นอนอยู่บนกองเงินกองทองที่ชาตินี้ก็ใช้ไม่ไหมด แต่เธอเป็นคนที่มีความนับถือในตัวเอง เธอไม่ต้องการกลายเป็นคนไร้ค่าไปวันๆ เธออยากสร้างอนาคตของเธอด้วยสองมือเล็กๆ คู่นี้ ประสบความสำเร็จสูงสุด เป็นความภาคภูมิใจที่เธออยากให้คุณปู่และพ่อแม่ของเธอที่อยู่อีกภพได้เห็น เธอใช้เวลาคิดไตร่ตรองและตัดสินใจอยู่นานพอสมควร ลองสำรวจความชอบความถนัดของเธอ แล้วพบว่าเธอชอบทำอาหารและทำได้ดีเสียด้วย มันเกิดจากการที่เธออยากดูแลคุณปู่ที่เจ็บป่วยด้วยตัวเองให้ดี เธอจึงใส่ใจดูแลและเป็นคนปรุงอาหารให้ท่านด้วยตัวเอง ทุกอย่างที่เธอทำล้วนมีประโยชน์ ถูกสุขอนามัย ช่วยบำรุงร่างกายของท่าน แถมยังอร่อยจนท่านติดรสมือของเธอไปโดยปริยาย ทั้งหมดหวังเพียงให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง ยืดอายุให้คุณปู่วัยชราอยู่กับเธอไปอีกนานๆ เธอจึงสอบเข้าเรียนคณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ หลักสูตรนานาชาติ ก้าวแรกของเธอคือทำอาหารให้คุณปู่ของเธอทาน ก้าวต่อไปคือการเป็นเชฟให้ผู้คนได้ลิ้มรสอาหารที่เธอทำด้วยใจ แต่ความฝันของเธอจะสำเร็จได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการหว่านล้อมคุณปู่ให้ยินยอมเท่านั้น “หลานชอบก็ดีแล้ว” ท่านเอ่ยอย่างมีเมตตา พลางยกมือที่เหี่ยวแห้งตามวัยลูบผมเธอแผ่วเบา เธอซบหน้าอยู่อย่างนั้น แต่ยกมือกุมมือท่านด้วยความรักใคร่ เอียงคอยิ้มให้ท่านอย่างเบิกบาน “หลินมีความสุขที่สุดเลยค่ะ” “ปู่ดีใจที่เสี่ยวหลินของปู่มีความสุข” “ถ้าหลินอยากจะขออะไรคุณปู่อีกสักอย่าง คุณปู่จะว่าไหมคะ” “อะไรล่ะ?” “หลินมีความฝันค่ะ” เธอเอ่ยถึงสิ่งที่คาดหวังแทนที่จะตอบ “เสี่ยวหลินฝันถึงอะไร?” “หลินอยากจะทำอาหารอร่อยๆ ให้คุณปู่ทานทุกมื้อ และหลินก็อยากจะให้คนอื่นได้ทานบ้าง” พูดเพียงเท่านี้เจ้าสัวนพก็เข้าใจ บนรอยยิ้มมีความแปลกใจเจืออยู่บางๆ “หลานปู่อยากเป็นเชฟหรือ” “ค่ะ” เธอตอบเสียงหนักแน่น “หลินอยากไปฝรั่งเศส เพื่อสานฝันการได้เป็นเชฟมือโปร จะได้กลับมาทำอาหารให้คุณปู่ทานเยอะๆ ไงคะ” ท้ายเสียงออดอ้อนผู้เป็นปู่อย่างเอาใจ “ก็เอาสิ ถ้าเสี่ยวหลินชอบ ปู่จะไม่ห้าม รอให้งานหมั้นของหลานกับเจษณะผ่านพ้นไปก่อน ปู่จะให้เขาพาหลานบินไปที่ฝรั่งเศสดีไหม” นั่นแหละปัญหา! ลัลล์นลินไม่ต้องการให้มีงานหมั้นหมายระหว่างพวกเธอเกิดขึ้น ซึ่งตามกำหนดที่คุณปู่วางไว้คือเดือนหน้า เธอเองเพิ่งทราบเรื่องนี้จากปากท่านเมื่อสามวันก่อน ขณะที่เจษณะดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้าอยู่นานแล้ว ซ้ำยังเป็นธุระจัดเตรียมงานที่ไม่มีความหมายสำหรับเขาเลยสักนิดด้วยตัวเองด้วย หญิงสาวแคลงใจ นี่ไม่ใช่การหมั้นหมายระหว่างเธอสองคนครั้งแรก มันคือครั้งที่สอง ก่อนหน้านั้นในงานวันเกิดอายุครบ 18 ปีของเธอ เดิมทีคุณปู่ตั้งใจจะประกาศงานหมั้นของเธอกับเจษณะในวันนั้นให้ผู้คนรับรู้ น่าเสียดายที่เกิดเหตุไม่ฝันขึ้นเสียก่อน หลังคุณหมอวินิจฉัยอาการบาดเจ็บของอมลฉวีว่ากระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท อาจจะเสี่ยงทำให้เดินไม่ได้ เจษณะก็ประกาศกร้าวให้เลื่อนการหมั้นหมายออกไปก่อน ถึงจะพูดว่า ‘เลื่อน’ แต่ที่จริงแล้วคือการปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า... เขาจะไม่มีวันแต่งงานกับเธอเป็นอันขาด! ทว่างานหมั้นที่ถูกเลื่อนอย่างไม่กำหนด และชัดเจนว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จู่ๆ ก็เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างไม่อาจคาดเดาได้ ราวกับเป็นเรื่องตลกเสียดสี หลังจากสี่ปีที่เธอตายใจแล้ว ไม่คาดหวังอะไรจากเขาอีกแล้วทั้งนั้น ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้เธอก็อดแปลกไม่ได้ว่า... ทำไมเขาถึงยอมหมั้น? ทั้งที่เกลียดเธอเข้าไส้ รังเกียจเธอยิ่งกว่าสิ่งอาจม แต่เขากลับยอมทำตามคำขอของคุณปู่โดยไม่ปริปากคัดค้าน เป็นไปได้อย่างไร? เขามีแผนอะไรซ่อนไว้กันแน่? เธอไม่กล้าเพ้อฝันว่าเขากลับใจมารักเธอ เป็นไปได้มากว่าคือเกมแก้แค้นให้กับคนรักที่สูญเสียขาทั้งสองข้างไปของเขา แต่เธอเหนื่อยแล้ว... ลัลล์นลินหมดแรงอ่อนล้าเกินกว่าจะเล่นเกมปั่นประสาทกับเขาได้อีก เธอไม่สนและไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าเขาซุกซ่อนแผนร้ายอะไรไว้ อยากจะทำร้ายเธอด้วยความโหดร้ายมากแค่ไหน เธอจะไม่มีวันอดทนก้มหน้ายอมรับความผิดที่เธอไม่ได้ก่ออีกแล้ว อุบัติเหตุที่ตราหน้าเธอด้วยคำว่า ‘เลว’ ในวันนั้น มีแค่เธอและอมลฉวีที่รู้ดีกว่าใครว่าความจริงเป็นเช่นไร? ถึงหล่อนจะใช้เล่ห์เหลี่ยมทำให้เจษณะและผู้คนหลงเชื่อ แต่เธอจะยังคงยืนหยัดในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ต่อให้ไม่มีใครเชื่อเธอ แม้แต่ตัวเขา แต่เธอเชื่อว่ายังมีคุณปู่ที่เชื่อเธอและพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอคนหนึ่งละ “คุณปู่คะ” ลัลล์นลินเอ่ยกับท่านด้วยน้ำเสียงจริงจัง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจพูดว่า “หลินต้องการยกเลิกงานหมั้น...” พูดยังไม่ทันจบ จู่ๆ น้ำเสียงก็ขาดห้วงติดขัดเหมือนมีก้อนแข็งๆ ขนาดใหญ่จุกอยู่ที่คอหอย ตัวเธอแข็งทื่อ กระดูกสันหลังตั้งตรง เสียววาบเมื่อสัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่เดินเร้นกายเข้ามาจากมุมมืดสลัวภายในห้อง เสียงส้นรองเท้าหนังผู้ชายดังกระทบพื้น เหมือนเสียงฝีเท้าของยมทูตเขย่าหัวใจลัลล์นลินอย่างรุนแรง เธอรู้ว่าเขาจงใจทำ... จงใจคุกคามเธออย่างเงียบเชียบ แต่อำมหิต ผ่านทุกย่างก้าวที่ทรงพลังน่าหวาดหวั่น เช่นเดียวกับรอยยิ้มที่ดูสงบนิ่งและแข็งแกร่ง ชวนให้ใบหน้าคมสันฉายแววของความหล่อเหลาดูอันตราย ทันทีที่สบดวงตามืดมิดคู่นั้น ลัลล์นลินก็ถูกดูดเข้าไปในความเวิ้งว้างไม่มีอันสิ้นสุด เธอมึนงงไม่รู้ตัวไปชั่วขณะ ภายในหัวมีเพียงชื่อเดียวคือ… เจษณะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม