ชายหนุ่มผู้งามสง่าและแข็งแกร่งยากที่ใครจะต้านทานเดินสุขุมมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอ เขายิ้มอย่างอ่อนโยน มองเธอด้วยแววรักใคร่ ทำให้ลัลล์นลินรู้สึกสับสนเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน
ใช่... เป็นแค่ฝัน!
เพราะความเป็นจริง รอยยิ้มและความรักนี้จอมปลอม เป็นเพียงน้ำผึ้งที่เคลือบยาพิษสำหรับเธอ
ลัลล์นลินเตือนตัวเอง แล้วถอนสายตาเบือนหน้าหนีเขา
“เช้านี้คุณปู่รู้สึกยังไงบ้างครับ” เจษณะเอ่ยถามชายชรา แสดงท่าทีอ่อนน้อมเหมือนเช่นเคย
นี่แหละคือสิ่งที่เขาอยากให้คนภายนอกรับรู้ถึงความสุภาพ ฉลาด อบอุ่นและเอาใจใส่ทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ใครไม่รู้ตัวจริงที่ตรงกันข้ามของเขา ก็คงจะถูกเขาลวงตาได้อย่างง่ายดาย
หรือไม่... บางทีเจษณะอาจจะไม่ได้หลอก แต่เขาแค่แสดงท่าทีอ่อนโยนกับคนที่เขารัก และแสดงท่าทีดุร้ายกับคนที่เขาเกลียด
แล้วบังเอิญเธอก็อยู่ในกลุ่มหลังซะด้วยสิ
ลัลล์นลินยิ้มเยาะตัวเองในใจ ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยดีก็กระจายออกช้าๆ ปกคลุมทั่วทั้งหัวใจให้ปวดร้าวจนแทบหายใจไม่ออก รู้สึกได้ถึงมือของเขาที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดหัวใจของเธอแน่น เหมือนจะบดขยี้ให้มันแตกสลายจนไม่อาจจะเต้นได้อีก
เธอเกลียดความรู้สึกแบบนี้!
เธอทนกับมันมานานสี่ปีแล้ว ทรมานมามากเกินพอแล้ว ตอนนี้เธอไม่อยากจะทนอีก ไม่อยากเจ็บปวดเพราะเขาอีกต่อไป...
“คุณปู่ค่ะ...”
หญิงสาวเอ่ยปากอยากจะบอกถึงความตั้งใจของเธออีกครั้ง เธอต้องยกเลิกการหมั้นหมายที่ปราศจากความรัก แต่ถูกชายคนข้างหลังวางมือลงบนหัวไหล่ เขากดน้ำหนักลงบนปลายนิ้วจนไหล่ของเธอเกร็ง ความเจ็บปวดค่อยๆ แผ่ซ่านทำให้เธอนิ่วหน้า
มันเป็นสัญญาณเตือน เขากำลังข่มขู่เธอด้วยท่าทีของคนรักที่นุ่มนวลที่สุด ไม่ว่าเธอคิดจะพูดหรือทำสิ่งใด...
ขอให้หยุดมันเสีย!
ลัลล์นลินชะงัก หัวใจหวาดหวั่นสั่นไหว หลังของเธอตั้งตรงและมีเหงื่อไหลย้อยลงมา อยากจะสะบัดตัวออก แต่ไม่มีแรงมากพอที่จะขัดขืน สองมือหนาของเจษณะเหมือนคีมเหล็กที่กักขังเธอไว้อย่างแน่นหนา และมันกำลังโอบกอดเธอไว้อย่างแนบแน่นในอ้อมแขนที่ชวนให้ตัวเธอสั่นสะท้าน
“เสี่ยวหลินบอกคุณปู่เรื่องงานหมั้นของเรารึยังครับ”
ลัลล์นลินขมวดคิ้วขณะที่เขาเอ่ยถาม อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอคุยกับเขาถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร ตั้งแต่รู้ข่าวจนถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้พบหน้าเขาเลยสักครั้ง
แล้วที่เขาพูดหมายความว่ายังไง?
“พวกหลานตกลงกันแล้วหรือ?”
“ครับ” เจษณะพยักหน้าพร้อมกระชับอ้อมกอดบนหัวไหล่มน “เราตกลงกันว่าอยากขอเลื่อนงานหมั้นเข้ามาเร็วกว่าเดิม เพราะคู่หมั้นของผมใจร้อน”
ในน้ำเสียงทุ่มต่ำมีแววหยอกล้อ ดวงตาคมดุจนกอินทรีเปล่งประกายความสุขให้เจ้าสัวนพได้เห็น ทำให้ท่านยิ้มอย่างพึงใจ
“อ้อ...งั้นก็ดี พวกหลานจะได้หมั้นและแต่งงานกันก่อนที่เสี่ยวหลินจะไปฝรั่งเศส”
“ฝรั่งเศส?”
เจษณะเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะหันมามองเธอ ในดวงตามืดมิดที่จ้องเธอเหมือนจะมีมีดนับพันเล่มทิ่มทะลุร่างเธอจนพรุน
“คุณอยากไปฮันนีมูนที่นั่นเหรอ?”
เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ลัลล์นลินได้ยินอย่างชัดเจนถึงเสียงที่ขบกรามอยู่แผ่วเบา
เธอกลัว... กลัวเขามาก!
ถ้าสายตาของเขาสามารถฆ่าคนได้ในชั่วพริบตา เธอคงตายไปไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้วละมั้ง...
ลัลล์นลินอยากหลีกหนี อยากวิ่งหนีไปจากเขาให้ไกลแสนไกล อยากซ่อนตัวในซอกหลืบที่เล็กและลึกที่สุด ไม่ให้เขามองเห็นเธอได้
ถ้าทำได้... เธอคงไม่ต้องเจ็บปวดอีก
น่าเสียดายที่เธอเลือกไม่ได้ หากเธออยากหลุดพ้นจากวังวนยุ่งเหยิงนี้ เธอต้องลุกขึ้นมาสู้แล้วปลดแอกตัวเองจากเขาเท่านั้น!
ลัลล์นลินเงยหน้าสบตาเขา เชิดหน้าขึ้นนิดๆ ตัดสินใจทำในสิ่งที่กล้าหาญที่สุดในชีวิต
“ฉันอยากเป็นเชฟ ฉันจะไปตามหาความฝันของฉันที่ฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นฉันไม่ต้องการหมั้...”
“เราจะหมั้นกันอาทิตย์หน้า”
เป็นอีกครั้งที่เขาเจตนาพูดแทรกเธอขึ้นมา ทำให้เธอถูกปล้นโอกาสที่จะปฏิเสธ ดวงตาเหยี่ยวที่แหลมคมจ้องหน้าเธออย่างดุดัน มือเขาที่บีบแน่นอยู่บนหัวไหล่เหมือนอุ้งเล็บที่ฉีกกระชากตัวเธอ
“คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณปู่ต้องการ ผมเองก็อยากแต่งงานกับเสี่ยวหลินเร็วๆ เหมือนกัน ผมอยากดูแลเธอให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวังแน่นอนครับ”
บนใบหน้าสุขุมยังฉาบไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ยิ้มไปถึงดวงตา แต่ความเจ็บปวดบนหัวไหล่ที่ถูกเขาบีบขยี้ทำให้เธอรู้ว่าเจษณะโกรธแล้วจริงๆ ยิ่งได้ยินคำพูดที่เขาเน้นบอกกับท่านอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ ลัลล์นลินก็ได้แต่นิ่งเงียบ ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีกเลยสักคำ
เธอได้กระต่อมจุดเดือดของเขาแล้ว!
ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง?
“ดีๆ ดีแล้ว แค่เห็นพวกหลานรักใคร่กลมเกลียวกัน ปู่ก็วางใจแล้ว ปู่ฝากเสี่ยวหลินไว้ในมือเจษด้วยนะ”
เจ้าสัวนพจับมือหลานชายหลานสาวคนละข้าง นำมันมาวางซ้อนทับไว้บนมือของท่าน ตบหลังมือของเจษณะที่กุมมือเธออยู่เบาๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“พวกหลานรีบไปจัดการงานหมั้นของพวกหลานเถอะ ปู่เหนื่อยแล้ว อยากจะพักสักหน่อย”
เจ้าสัวนพโบกมืออย่างอ่อนแรง ใบหน้าซูบซีดมีรองร่อยของความเหนื่อยล้าอยู่ในนั้น ดวงตาพร่ามัวกลายเป็นสีเหลืองปิดลงอย่างเชื่องช้า ผ่อนลมหายใจอย่างแผ่วเบา
ลัลล์นลินยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างลังเล ยังมีเรื่องอยากจะพูดกับท่าน เธอไม่ต้องการหมั้นหรือแต่งงานกับเจษณะ เธออยากจะขอยกเลิกทุกอย่างในตอนที่มันยังไม่สายเกินไป
แต่แรงกดบนไหล่ทำให้เธอรับรู้ถึงการข่มขู่ของเขา
เจษณะโกรธเธอจวนจะระเบิดอารมณ์อยู่รอมร่อ เธอไม่ต้องการให้คุณปู่ที่อ่อนแออยู่แล้วกระทบกระเทือนใจเพราะเรื่องของเธอ จึงได้แต่จำใจเดินตามเขาออกจากห้องอย่างไม่เต็มใจ
ลับสายตาของผู้เป็นปู่ เขาก็ปล่อยแขนผลักเธอออกด้วยความรังเกียจ จนตัวเธอเกือบจะล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
เธอเจ็บ... เจ็บที่ ‘ใจ’
แต่ลัลล์นลินจงใจเพิกเฉย แล้วเอ่ยกับเขาอย่างจริงจัง
“ถ้าคุณไม่ต้องการหมั้น ฉันสามารถขอร้องให้คุณปู่ยกเลิกได้นะ”