“ทำผิดแล้วคิดจะหนีเหรอ”
เขายิ้มเยาะ ทั้งน้ำเสียงและสายตาดูถูกเธอว่าเป็นผู้ร้ายที่ขี้ขลาด
ลัลล์นลินเชิดหน้าขึ้น ปฏิเสธเสียงดังฟังชัด
“ฉันไม่จำเป็นต้องหนี เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ไม่หนี แต่จะไปฝรั่งเศส ทำไม... ความฝันอันสูงสุดของเธอไม่ใช่การแต่งงานกับฉันหรอกเหรอ ถึงขนาดทำร้ายเพื่อนสนิทของตัวเอง ตอนนี้เธอจับฉันอยู่หมัดแล้ว คงจะมีความสุขมากสินะ”
เขาก้าวประชิดตัวเธอ แล้วบีบปลายคางเธอแน่นจนเป็นรอยบุ๋ม สายตาที่มองต่ำลงมามีทั้งแววเหยียดหยามและเย็นชาถึงไขกระดูก
หญิงสาวเม้มปากแน่น
ใช่... เธอมีความสุข
เธอคงจะยิ้มร่า กระโดดโลดเต้นและร้องรำทำเพลงไปรอบๆ บ้านด้วยความเบิกบาน หากว่าการหมั้นหมายครั้งนี้เกิดจากความรัก ไม่ใช่ความแค้น
“คุณไม่ได้รักฉัน แล้วต้องการหมั้นกับฉันทำไม”
“ใครบอกว่าฉันไม่ต้องการล่ะ ยิ่งหมั้นกับเธอเร็วเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งได้ SPK อินดัสตรี มาไว้ในกำมือเร็วขึ้นเท่านั้น มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวเลยทีเดียวว่าไหม”
เจษณะพูดพลางไล้ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวละเอียดอ่อนของเธออย่างหยอกล้อ เขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มชวนให้เคลิบเคลิ้ม เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาได้สัมผัสลัลล์นลิน ทั้งๆ ที่เขาสะอิดสะเอียนเธอ รังเกียจพฤติกรรมเลือดเย็นของเธอ แต่เธอน่าหลงใหลจนเขาไม่อาจถอนมือกลับได้ ยิ่งแตะต้องก็ยิ่งอยากจะบดขยี้ให้แหลกอยู่ในอุ้งมือเขา
มันเป็นอารมณ์ที่ขัดแย้ง แต่สวยงามและรัญจวนใจ
ลัลล์นลินเบิกตากว้าง ทุกครั้งที่เขาขยับปากคมมีดนับร้อยมักจะเชือดเฉือนใจเธอให้ร้าวรานเสมอ นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ลังเลที่จะทำร้ายเธอเลย ความโหดร้ายของเขาที่ถาโถมทำให้เธอไม่อาจปกปิดความเจ็บปวดทางสายตาได้ เก็บซ่อนไม่ได้เลย
มันเจ็บเกินไป... เจ็บเกินใจจะทน!
“นี่สินะเหตุผลที่แท้จริงของคุณ คุณยอมหมั้นกับฉันทั้งๆ ที่คุณเกลียดฉัน รังเกียจฉันยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ แต่เพื่อแก้แค้นฉันให้กับแฟนของคุณ คุณก็เลยยอมเก็บฉันเอาไว้ข้างๆ ตัวให้คอยทิ่มตาตำใจพวกคุณ ฉันคงดูถูกความรักอันยิ่งใหญ่ที่คุณมีให้กับอมลฉวีไม่ได้เลยจริงๆ”
เธอเหยียดยิ้มอย่างน่าเกลียด ไม่รู้ว่ายิ้มเยาะเขาหรือตัวเองกันแน่...
“เธอก็รู้ตัวดีนี่ว่าฉันรังเกียจเธอมากแค่ไหน”
ลัลล์นลินสะอึก ทั้งที่รู้และเจ็บจนชินชากับคำพูดและสายตาที่เย็นชาของเขาแล้ว แต่เธอก็รับไม่ได้อยู่ดี เขาดูหมิ่นความรักที่เธอมอบให้แก่เขา แถมยังเยาะเย้ยในความโง่เขลาของเธอ
อะไรทำให้เขาย่ามใจขนาดนี้ แค่เพราะเธอรักเขา เขาเลยคิดว่าจะสามารถเหยียบย่ำหัวใจเธออย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ...
ตลกจริงๆ น่าขำสิ้นดี! ใครให้สิทธิ์นี้กับเขากัน?
พอได้รึยัง...หลิน?
เธอจะหยุดไม่ให้เขาทำร้ายเธอได้รึยัง?
เธอควรจะตายใจกับผู้ชายคนนี้ได้รึยัง?
เธอวกถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าที่เรียวเล็กเท่าฝ่ามือค่อยๆ นิ่งงันกลายเป็นลมที่สงบ ไม่มีคลื่นอารมณ์ปรากฏอยู่บนนั้น มีเพียงความว่างเปล่าของคนที่หัวใจแตกสลาย
ตอนนี้สิ่งที่เธอเห็นบนใบหน้าคมสันงดงามมีเพียงความ ‘ตลก’ เธอกลายเป็นแค่ตัวตลกที่น่าสมเพชในสายตาเขา
อา... มันเจ็บชะมัด!
ความสิ้นหวังถาโถมเข้ามาในหัวใจทันทีราวกับโลกทั้งใบถูกย้อมด้วยสีดำ ความปวดร้าวลุกลามไปยังกระดูกและอวัยวะทุกส่วน แม้แต่แผ่นหลังก็ตึงเหมือนถูกขึงด้วยตะปู
เธอหลับตาลงช้าๆ พยายามระงับความเจ็บปวด ถึงอย่างนั้นก็ขนตาก็ยังกระพืออย่างควบคุมไม่ได้ ใช้เวลาอยู่หลายอึดใจกว่าจะกล่อมให้ตัวเองใจสงบลง
เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในแววตาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว น้ำเสียงแข็งกระด้างยืนหยัดถึงการตัดสินใจ
“มันจะไม่มีงานหมั้นระหว่างเรา”
“เธอไม่ใช่คนตัดสินใจ”
เจษณะยิ้มอย่างเป็นต่อ ปกปิดหัวใจที่กระตุกเต้นผิดจังหวะ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเธอปฏิเสธการหมั้นหมายอย่างเด็ดเดี่ยว
เธอรักเขาไม่ใช่เหรอ?
นั่นคือสิ่งที่เขาเห็นได้จากดวงตาของลัลล์นลินตลอดมา เห็นเงาตัวเขาที่สะท้อนอยู่ในนั้น เห็นแววตาหลงใหลที่ยากจะถอนตัวมองเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง...
“ฉันจะยุติเรื่องบ้าๆ พวกนี้สักที”
เธอยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่เชือดเฉือนหัวใจของเขาให้หวั่นไหว พริบตาต่อมาร่างบางก็เดินผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังห้องของเจ้าสัวนพ เขารู้ทันทีว่าเธอต้องการจะทำสิ่งใด มือหนาตวัดคว้าข้อมือเล็กๆ เอาไว้ด้วยความตระหนก
ลัลล์นลินสะบัดมือและออกแรงดิ้น เขากลัวเธอจะหลุดไปได้ จึงกระชากตัวเธอเข้ามาในอ้อมอก กอดรัดแนบแน่น ลากหญิงสาวตรงดิ่งไปยังห้องนอนของเธอ พอปิดประตูปุ๊บเขาก็จับตัวเธอพลิกดันชิดติดกำแพง มือหนึ่งตรึงสะโพกผายกดแนบกับหนังห้อง อีกมือกดขึงสองมือเล็กๆ ของเธอขึ้นเหนือศีรษะ ใช้ร่างกายที่ใหญ่โตและสองมือของเขาพันธนาการตัวเธอเหมือนโซ่ตรวนที่ล่ามเธอไว้อย่างแน่นหนา
“คิดจะหนีเหรอ ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
“แล้วคุณจะเอายังไง” เธอตะเบ็งถามสุดเสียง
ในอกสุมไปด้วยไฟโกรธและหวาดกลัว ร่างกายดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดแรง ไม่อนาทรต่อความเย็นเยียบจากพื้นปูนที่บาดลึกเข้าสู่ผิวเนื้อของเธอเลยสักนิด
“เธอต้องอยู่ชดใช้ความผิดกับฉันที่นี่ จนกว่า...เราจะตายจากกัน”
น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบของปีศาจหยอกล้ออยู่ข้างหูเธอ ชั่วพริบตาความเย็นยะเยือกที่บ่าทะลักออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเธอ แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างจนสั่นสะท้าน ก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจร้อนระอุรินรดให้กายสาวซ่านสยิว แล้วอ้าปากงับใบหูขบกัดแรงๆ จนเธอสะดุ้งโหยง นิ่วหน้าเหยเกด้วยความเจ็บผสมกับความเสียวซ่าน
ที่ท่อนล่าง เขาปลดผนึกแก่นกายผงาดใหญ่เต็มที่ออกจากเป้ากางเกง แหวกชายกระโปรงสั้นและแพนดี้สีขาวบริสุทธิ์ แล้วบุกทะลวงสาวกลีบสาวบอบบางโดยไม่มีการเล้าโลม กระทั้นใส่อย่างดุเดือดตั้งแต่แรกเริ่ม เสพสมอย่างเร่าร้อนบ้าคลั่งผ่านสะโพกสอบที่ตอกอัดอย่างไม่บันยะบันยัง จนร่างบางสะเทือนหัวสั่นหัวคลอน
ลัลล์นลินกัดริมฝีปากแน่น เกลียดตัวเอง รังเกียจร่างกายนี้ที่จดจำสัมผัสของเขาได้ขึ้นใจ ในความเจ็บปวดมีความสุขสมแทรกผ่านเจือปนมาด้วย ถึงแม้จะร่วมรักกันโดยไม่ผ่านการโอ้โลม แต่ร่างกายของเธอสอดรับกับขยับโยกของเขาอย่างคุ้นเคย เพียงแค่เขาแตะต้อง เนื้อตัวเธอก็บังเกิดความรุ่มร้อนขับสารหล่อลื่นขึ้นเองโดยธรรมชาติ ช่วยลดทอนความฝืดระคาย เปลี่ยนความเจ็บปวดให้กลายเป็นความซาบซ่านรัญจวน
เธอเกลียดที่ตัวเองมีความรู้สึกรู้สมกับเขา ไม่อาจต้านทานไฟพิศวาสที่เขาจุดได้เลย...
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ยอมเปล่งเสียงครวญครางน่าอายออกมา ไม่ยินยอมแสดงความอ่อนไหว อ่อนแอ หรือแม้แต่ความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในทุกอณูของหัวใจอันเกิดจากน้ำมือของเขา
นั่นยิ่งทำให้เจษณะไม่พอใจ เขาแสดงออกถึงความป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น กดกระแทกตัวตนที่แข็งแกร่งรุ่มร้อนสอดใส่ตัวเธอลึกสุดหยั่ง กระทบจุดที่บอบบางและอ่อนไหวที่สุดในร่างกาย สร้างความเจ็บจุกและปวดร้าวเจียนตายทุกครั้งที่เขาเบียดแทรกเข้ามาอย่างไร้ปรานี
ลัลล์นลินพยายามต่อต้านเขา ไรฟันที่กดลงบนริมฝีปากแดงๆ รับรู้ได้ถึงรสธาตุเหล็ก กลิ่นคาวเลือดลอยตลบขึ้นเตะจมูก ดวงตาคู่กลมเบิกโพลง แหงนหน้าเริด เมื่อการร่วมรักยิ่งทวีความดุเดือด ชายหนุ่มก้มหน้าขบงับซอกคอขาวผ่อง กัดแรงๆ จนเป็นรอยฟันสลับกับดูดดึงขบเม้มตีรอยรักอย่างถือสิทธิ์
“จำไว้...อย่าคิดหนีไปจากฉัน เพราะเธอไม่มีวันนั้น”
เขากระซิบเสียงเหี้ยม แล้วเคลื่อนปากประกบจูบเธออย่างแนบแน่น บดขยี้กลีบปากอิ่ม แลกลิ้นคลุกเคล้าจนรู้รสกลิ่นคาวเลือดในปากเธอที่เจือปนอยู่ในปากเขา สะโพกสอบอัดกระแทกสะโพกเธอกดติดกำแพงจนขยับไม่ได้ แรงรักเร้ารุกล้ำรุนแรงถี่ยิบจนตัวเธอแทบจะจมหายลงไปในพื้น โหมกระหน่ำเร่งร้อนกระทั่งปลดปล่อยความรุ่มร้อนในกายจนหมดสิ้นในตัวเธอ
เสียงคำรามแหบต่ำดังขึ้นพร้อมๆ กับหยดน้ำที่ร่วงลงจากหางตาของเธอ ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบไร้การเคลื่อนไหว มีเพียงคลื่นลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารดลงบนเรือนผมหนานุ่มเงางาม ลัลล์นลินรู้สึกได้ว่าเจษณะกำลังสูดดมกลิ่นแชมพูจากเส้นผมของเธอ เขาเคลื่อนปลายจมูกโด่งสันอย่างนุ่มนวลราวกับรักใคร่พวกมันมาก แต่กลับทำให้เธอแตกตื่นสับสนจนไม่กล้าลืมตามองเขา
เจษณะถอนร่างออกจากตัวเธออย่างรวดเร็ว เขาคงจะขยะแขยงเธอมากจนแทบอ้วก จึงรีบผละถอยห่างยังกับถูกน้ำเดือดสาดใส่ บนร่างกายของเขายังคงเรียบร้อยอยู่ในชุดสูทราคาแพงเนี้ยบไปทั้งตัว ไม่มีรอยยับให้เห็นแม้แต่รอยเดียวทั้งที่เพิ่งผ่านกิจกรรมหนักหน่วง เพียงแค่รูซิปก็เดินออกจากห้องเธอไปได้เลย
แตกต่างจากเนื้อตัวเธอที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย กระดุมถูกกระชากหลุดไปหลายเม็ด เผยให้เห็นเนินเนื้อผุดผ่องสีระเรื่อ
ลัลล์นลินทรุดตัวลงฮวบ น้ำตาที่เพียรสะกดกลั้นร่วงเผาะเป็นสาย ร่างกายและจิตใจอ่อนล้าไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ความปวดร้าวถาโถมรุมเร้าสร้างความทรมานแสนสาหัส เนื้อตัวของเธอสั่นเทาเหมือนคนที่ยืนท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ เต็มไปด้วยความเหน็บหนาวลึกไปถึงกระดูก บนใบหน้าสะสวยน่าหลงใหลอาบไปด้วยหยาดน้ำตา แต่กลับไร้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่สั่นระริก
มีคนว่ากันว่าการร้องไห้ที่ไร้เสียงนั้นเจ็บปวดมากกว่าการเปล่งเสียงออกมาเสียอีก
คงจะจริง...
เพราะตอนนี้ลัลล์นลินกำลังเจ็บปวดอย่างรุนแรง ในอกมีแต่ความขมขื่นทุกข์ระทมประดังเข้ามาจนอยากจะตายไปเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องทนถูกคนใจดำทำร้ายกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อไหร่... เธอจึงจะหลุดไปจากขุมนรกพวกนี้เสียที?
“พ่อขาแม่ขา... หลินคิดถึงพ่อกับแม่”
เธอรำพึงปนเสียงสะอื้น สัมผัสได้ถึงความอ้างว้างไม่มีที่สิ้นสุดภายในใจ มือที่วางอยู่บนตักกำแน่นจนสั่นไม่หยุด
หนี!
หนีไป!
หนีไปจากที่นี่ซะ!