บทที่ 2 เกลียดฉัน แล้วหมั้นกับฉันทำไม? 3

1613 คำ
ลัลล์นลินได้ยินเสียงตะโกนก้องกู้ร้องดังไม่หยุด เธอไม่รู้ว่ามันมาจากไหน เธอไม่สนใจ รู้แต่ว่าร่างกายที่ปลกเปลี้ยนี้ขยับลุกอย่างยากลำบาก เธอเค้นแรงทั้งหมดที่มี่ตะเกียกตะกายไปยังประตู กำลังจะเปิดออกแล้ววิ่งไปข้างหน้า แต่ได้ยินเสียงขุ่นเคืองหวีดแหลมดังขึ้นจากหน้าห้องเสียก่อน “เจษ! ทำไมแกถึงออกมาจากห้องของนังเด็กนั่นอีกแล้ว” หญิงสาวชะงักกึก มือที่กำลูกบิดชื้นเหงื่อด้วยความตระหนกและอับอาย ในที่สุดก็มีคนจับได้แล้ว เรื่องงามหน้าระหว่างเธอกับเจษณะมีคนเห็นเข้าแล้ว ซ้ำร้ายยังเป็น... “คุณแม่มาทำอะไรตรงนี้ครับ” เจษณะมองแม่ตัวเองอย่างเฉยเมย ไม่มีความอึดอัดลำบากใจเลยสักนิด กลายเป็นแวววรรณเองที่มีสีหน้าแดงก่ำสลับเขียวอย่างไม่พอใจ “เมื่อไหร่แกจะเลิกยุ่งกับมันสักที อย่าบอกนะว่าคิดจะแต่งงานกับนังลูกเมียน้อยนั่นจริงๆ น่ะ” หล่อนบริภาษลัลล์นลินอย่างไม่เห็นแก่หน้าลูกชาย ไม่สนด้วยว่ากำลังยืนอยู่หน้าห้องของเธอที่เป็นทายาทของตระกูลสิรพลากรตัวจริง ทำไมจะต้องกลัว? ในเมื่อตอนนี้ลูกชายหล่อนเป็นประธานบริษัท SPK อินดัสตรีที่ตาเจ้าสัวแก่นั่นแต่งตั้งเองกับมือ และอีกไม่เขาก็ได้ครอบครองอย่างเต็มตัว ต่อให้จะแต่งหรือไม่แต่งงานกับลัลล์นลินก็ตาม แน่นอนว่า... แวววรรณไม่มีทางยกลูกชายคนเดียวให้ลูกสาวนังจิ้งจอกลลิตาเด็ดขาด สู้ให้หล่อนกลั้นใจตายเสียยังดีกว่าจะให้นับญาติกับคนชั้นต่ำอย่างพวกมัน “คุณแม่อย่ายุ่งเรื่องที่ไม่จำเป็นเลยครับ เป็นคุณผู้หญิงสิรพลากรไปดีๆ ก็พอแล้ว” เจษณะตัดบทอย่างเย็นชา เตือนเป็นนัยๆ ว่าไม่ต้องการให้ท่านระรานหญิงสาวที่อยู่ในห้องโดยเปล่าประโยชน์ ก่อนจะเดินลงบันไดวน สาวเท้ามุ่งไปยังรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน เพื่อเดินทางไปทำงานตามปกติ แวววรรณมองลูกชายแล้วกระทืบเท้าอย่างฮึดฮัด ก่อนจะตวัดสายตาแหลมคมจ้องเขม็งไปยังหน้าประตูห้องของลัลล์นลิน หล่อนกัดฟันกรอดแล้วพุ่งตัวไปที่นั่น ยกมือทุบบานประตูโครมๆ พร้อมกับแผดเสียงลั่น “นังหลิน! เปิดประตูเดี๋ยวนี้” ลัลล์นลินที่กำลูกบิดแน่นสะดุ้งสุดตัว ตกใจจนหน้าซีดเผือด เธอหวังว่าแวววรรณจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เธอช่างฝันหวานจริงๆ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามคิดอย่างปลงตกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รอจนกระทั่งหัวใจที่ยุ่งเหยิงของเธอสงบลงแล้วจึงเปิดประตูออกไป “แม่ใหญ่มีอะไรกับหลินเหรอคะ” เธอถามอีกฝ่ายอย่างสุภาพและเจียมเนื้อเจียมตัว แต่กลับได้รับความรุนแรงตอบกลับมา เพี้ยะ! แวววรรณเงื้อมือตบหน้าเธอเสียงดังสนั่น ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของลัลล์นลินและสาวใช้ที่เดินผ่านละแวกนั้น ก่อนที่หล่อนจะชี้นิ้วจิ้มหน้าเธออย่างเหยียดหยาม “ใครเป็นแม่แก อยากจะนับญาติกับฉันงั้นเหรอ ชาติหน้าเถอะย่ะ! แกนี่มันแรดตั้งแต่เด็กจริงๆ ร่านเหมือนแม่ที่ตายไปแล้วของแกไม่มีผิด คิดจะให้ท่าลูกชายฉันเหรอ อย่าหวังว่าตาเจษจะชายตาแลผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแกเลย” ถอยคำด่าประณามที่ดังกรอกหูเธอจนร้าวสะเทือน ทำให้ขีดจำกัดความอดทนของเธอหมดสิ้นในพริบตา เธอยอมให้แวววรรณด่าทอตัวเองสาดเสียเทเสียอย่างไรก็ได้ แต่ไม่มีวันยอมให้หล่อนแตะต้องแม่ของเธอเด็ดขาด “หนูไม่ได้ให้ท่าลูกชายคุณ” เธอตอบกลับเสียงแข็ง ดวงตากร้าวขึ้น “ถ้าแกไม่ได้ทำ แล้วตาเจษจะออกมาจากห้องนอนแกได้ยังไงหะ! สำส่อนเหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูก อย่าคิดนะว่าแกมีคุณปู่ให้ท้ายแล้วฉันจะกลัว ก็แค่เด็กใจแตกที่มีแม่เป็นเมียน้อยคลอดออกมา สันดานมันก็คงไม่ต่างจากแม่ของแกหรอก รอให้ตาเจษเป็นเจ้าของ SPK อินดัสตรีเต็มตัวซะก่อนเถอะ ฉันจะเฉดหัวแกออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที” แวววรรณเข่นเขี้ยว ยิ่งพูดยิ่งโมโห ยิ่งเกลียดทั้งลัลล์นลินและแม่ของมันเข้าไส้ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิกเนื้อขาวๆ ที่ต้นแขนกลมกลึงเต็มแรง แต่มันไม่ร้องสักแอะ ซ้ำยังถลึงตาจ้องหน้าหล่อนอย่างเอาเรื่อง “แม่หนูไม่ใช่เมียน้อย คุณต่างหากที่มาทีหลัง พ่อหนูไม่เคยรักคุณ!” “นี่แกกล้าเถียงฉันเหรอนังเด็กสารเลว” แวววรรณคำรามอย่างเดือดดาล พลางยกมือหวดลงไปบนใบหน้าเล็กๆ ให้สาแก่ใจ แต่คราวนี้ไม่เป็นไปดังหวัง ลัลล์นลินรู้ทันและยกมือขึ้นจับข้อมือหล่อนแน่น แรงหล่อนหรือจะสู้แรงเด็กสาวที่โตเต็มวัยได้ หล่อนถูกมันบีบข้อมือจนแทบหัก ส่งเสียงร้องลั่นเหมือนหมูถูกเชือด “นังเด็กบ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” แวววรรณงงเป็นไก่ตาแตก ปกตินังเด็กคนนี้มันอ่อนแอปวกเปียกไม่ใช่หรือ เคยมีปากมีเสียงสู้ใครเข้าได้เสียที่ไหน หล่อนด่าอะไรมันก็เอาแต่ก้มหน้ายอมรับผิด หล่อนตีมันกี่ที มันก็ยืนนิ่งให้หล่อนตีจนหนำใจ แล้ววันนี้ผีห่าซาตานตัวไหนเข้าสิง มันถึงได้ลุกขึ้นมามาสู้หล่อนกลับแบบนี้ ลัลล์นลินผลักผู้หญิงร้ายกาจตรงหน้ากระเด็กออกไปไกลหลายก้าว เอ่ยเน้นย้ำชัดๆ ว่า “หนูไม่เคยให้ท่าลูกชายคุณ เขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายเอาเปรียบหนูมาตลอด” “เฮอะ... แกจะบอกว่าตาเจษรักแกงั้นสิ” แวววรรณเหยียดยิ้ม แววตาเยาะเย้ยและรังเกียจ มองลัลล์นลินเหมือนกองขยะไร้ค่า “จะบอกให้นะที่ลูกชายฉันยอมหมั้นกับแกก็เพื่อบริษัท SPK อินดัสตรีเท่านั้น แกคิดเหรอว่าเขาจะชอบแก เพ้อเจ้อ! คนที่เขาชอบจริงๆ น่ะคือยัยออมต่างหาก แกเป็นคนที่ทำให้ยัยออมพิการ ตาเจษไม่มีวันชอบผู้หญิงใจดำอำมหิตแบบแกเด็ดขาด” ที่จริงหล่อนเองก็ไม่ได้ชอบอมลฉวีเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับลูกนังลลิตาแล้ว หล่อนยอมให้ลูกชายรักกับลูกแม่บ้านเสียยังจะดีกว่า “หนูไม่ได้ทำ!” ลัลล์นลินตะโกนสุดเสียง ในใจอัดอั้นที่ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสที่ทุกคนเอาแต่รุมรังเกียจเธอ รังแกเธอ ยัดเยียดข้อหาว่าเธอเป็นผู้ร้ายที่พรากขาทั้งสองข้างของอมลฉวีไป พวกเขารวมทั้งเจษณะเอาแต่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น แต่มีใครเคยเฉลียวใจถึงสาเหตุเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่บ้างไหม? อุบัติเหตุวันนั้น... เป็นเธอที่ผลักอมลฉวีตกบันได้เพราะแรงริษยา หรือเป็นเพราะเธอถูกหล่อนจัดฉากใส่ร้ายกันแน่ ใครเลยจะรู้ว่าเธอต่างหากที่ตกเป็นเหยื่อ ส่วนคนที่ใครๆ เข้าใจว่าเป็นเหยื่อ แท้จริงแล้วซ่อนความโหดร้ายเอาไว้อย่างน่ากลัว สาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งกันเกิดจากอมลฉวีรู้เรื่องที่เธอจะหมั้นกับเจษณะ หล่อนจึงโวยวายด่าทอเธออย่างรุนแรง พยายามยื้อแย่งทำร้ายเธอ ในจังหวะที่ฉุดกระชากกันตกเชิงบันได จู่ๆ หล่อนก็จิกเล็บเข้าไปที่เนื้ออ่อนตรงต้นแขนเธอ ความเจ็บแปลบทำให้เธอเผลอสะบัดแขน พร้อมกับๆ อมลฉวีที่จงใจปล่อยมือจากเธอ แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าภาพที่ทุกคนเห็นคือเธอตั้งใจผลักหล่อนตกบันได จากนั้นเจษณะก็พุ่งเข้ามาอุ้มอมลฉวีออกไป พร้อมกับความโกรธแค้นเธอเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น... เธอถูกเกลียดชัง... ถูกใส่ร้าย... ถูกประณาม... แล้วเธอมีความผิดอะไร? “แกยังจะหน้าด้านไม่ยอมรับอีกเหรอ แกผลักยัยออมตกบันได ใครๆ ก็เห็นทั้งนั้น ตอนนี้แกยังจะกล้าแย่งผู้ชายของเพื่อนแกไปอีก ในตัวแกมีเลือดชั่วๆ ของแม่แกอยู่ แกมันก็เลวเหมือนแม่ของแกนั่นแหละ” ทุกคำที่แวววรรณพ่นออกมาช่างหยาบหยามเกินจะทน ประกายไฟในดวงตาของลัลล์นลินลุกโชน เมื่อก่อนเธอคอยระวังไม่กล้ามีเรื่องกับแม่ของเจษณะ แต่ตอนนี้เธอตัดใจแล้ว เธอไม่คิดจะตามตอแยเขาอีกต่อไป ไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนๆ นี้อะไรทั้งนั้น และจะไม่ยอมให้แม่ของเขามาว่าร้ายแม่เธออีกแม้แต่คำเดียว “คนที่บังคับให้แฟนเพื่อนมาแต่งงานกับตัวเองนั่นแหละคือคนที่ชั่ว คุณลองคิดดูดีๆ อีกทีว่าคุณหรือแม่หนูกันแน่ที่หน้าไม่อาย แล้วก็ขอบอกให้รู้ไว้ด้วย หนูไม่คิดจะหมั้นกับลูกชายคุณเลยสักนิด ถ้าคุณแน่จริงก็บอกให้เขายกเลิกงานหมั้นไปสิ เพราะหนูไม่แคร์!” พูดจบเธอก็ปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่คิดระรักษามารยาท ทำเอาแวววรรณถึงกับอึ้งตะลึงอยู่ตรงนั้น ก่อนที่สีหน้าของหล่อนจะบูดบึ้งจนดูไม่ได้ หล่อนทุบประตูด่าทอเธอสารพัด แต่ลัลล์นลินไม่มีทางเปิดประตูต้อนรับหล่อนอีกแน่ ในใจของเธอตอนนี้มีแต่ความเย็นชา คิดเพียงแค่ว่า... เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อล้มงานหมั้น!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม