ลัลล์นลินนั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาคู่กลมที่เคยสุกสว่างขาดชีวิตชีวา ดูหม่นหมองจนทำให้คนรู้สึกเศร้าตามไปด้วย
เธอถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เดิมทีตั้งใจจะกลับหอพักเพื่อหลบหน้าเจษณะสักพัก รอให้กำหนดการหมั้นหมายผ่านพ้นไปก่อน เขาก็คงจะละทิ้งไม่สนใจ แล้วก็เลิกยุ่งกับเธอไปเองนั่นแหละ
แต่ใครจะคิด เขาโทร. แจ้งลาหยุดให้เธอกับทางมหาวิทยาลัยด้วยตัวเองเป็นเวลาสองอาทิตย์ แถมยังจำกัดสิทธิเสรีภาพของเธอให้อยู่เพียงรอบรั้วอาณาเขตภายในคฤหาสน์หลังนี้ นอกจากห้องนอน ห้องคุณปู่ ห้องอาหาร และเดินเล่นในสวนในระยะไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร เธอไม่สามารถออกไปไหนได้อีกเลย
โทรศัพท์มือถือก็ถูกยึด โน้ตบุ๊กก็ถูกตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต เรียกว่าเขาตัดเธอออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ตัดทางหนีทีไล่ของเธอจนหมดไม่เหลือ
เจษณะทำราวกับกลัวว่าเธอจะหนีไป เพื่อให้มั่นใจเขาจึงขังเธอไว้ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาด
ก็อย่างว่า... ตอนนี้เธอเป็นคุณหนูลัลล์นลิน เป็นทายาทของสิรพลากรตัวจริง เธอเปรียบเหมือนสะพานให้เขาก้าวข้ามไปสู่ SPK อินดัสตรี
เรื่องอะไรเขาจะยอมปล่อยให้เธอหนีไปง่ายๆ ล่ะ?
คิดๆ แล้วก็น่าขำ เธอยกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยตัวเอง เปล่งเสียงหัวเราะเสียดสีออกมาเบาๆ หยดน้ำตาเม็ดโตดุจไข่มุกค่อยๆ ร่วงเผาะไม่ขาดสาย
หัวเราะทั้งน้ำตา...
มีใครน่าสมเพชแบบเธออีกไหม?
แม้แต่สาวใช้ในบ้านยังมีชีวิตที่ดีมากกว่าเธอเลย อมลฉวีที่เสียขาไปก็ดูจะมีความสุขมากกว่าเธอหลายเท่า หล่อนได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจษณะอย่างดี รอยยิ้มที่นุ่มนวลจะเผยเฉพาะต่อหน้าหล่อนเท่านั้น ท่าทางอบอุ่นรักใคร่ที่ไม่เคยมีให้ใคร มีแต่อมลฉวีคนเดียวที่ได้รับ
ทุกคนรู้ว่าเจษณะชอบอมลฉวี ไม่ใช่เธอที่เป็นว่าที่คู่หมั้น
เธอนับเป็นตัวอะไรของเขา?
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรสำหรับเขาเลย เธอไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด ไม่ต้องพูดถึงความรักความชอบ เธอไม่เคยอยู่ในซอกหลืบหรือเศษเสี้ยวหัวใจของเขาด้วยซ้ำ
ไม่มีทาง... และไม่มีวันนั้น!
ลัลล์นลินละสายตาจากการเหม่อมองท้องฟ้าตรงหน้า สายตาเธอปะทะเข้ากับร่างสองร่างที่อยู่ในสวน ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเข็นรถให้หญิงสาว บนใบหน้าอ่อนโยนน่าทะนุถนอมมีรอยยิ้มอ่อนหวานระบายอยู่ไม่จาง ท่าทางของทั้งคู่กระหนุงกระหนิงเหมือนคู่รักที่รักกันปานจะกลืนกิน
ชายหนุ่มหยุดเข็นรถ แล้วคลี่ผ้าห่มผืนบางคลุมขาให้หญิงสาว กิริยาเต็มไปด้วยความระมัดระวังและละเอียดอ่อนยากที่จะได้เห็น ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย ยื่นมือไปทัดปรอยผมที่ปลิวไสวตามสายลมเหน็บข้างหูหล่อน พร้อมด้วยรอยยิ้มละไม
การกระทำอันนุ่มนวลของเจษณะที่มีต่ออมลฉวีช่างบาดตาเธอเหลือเกิน บาดลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ปวดร้าวจนเธอไม่อาจทนมองภาพนั้นต่อไปได้ ลัลล์ลุกพรวดเอื้อมมือปิดบานหน้าต่างเสียงดัง ‘ปัง’ ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งที่เดิมด้วยความหงุดหงิด
อีกไม่กี่วันเขาจะเข้าพิธีหมั้นกับเธอแล้วแท้ๆ แต่เจษณะยังมีแก่ใจมาดูแลคนรักไม่ขาดตกบกพร่อง เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับอมลฉวีมาก มากกว่าเธอที่เป็น ‘คู่หมั้น’ ของเขาเสียอีก
งั้นจะหมั้นกันไปทำไม ทั้งๆ ที่ไม่รักกัน?
ตลก! ช่างเป็นเรื่องที่ตลกจนเธออดหัวเราะอีกครั้งไม่ได้...
‘หัวเราะ’ ทั้งๆ ที่ภายในปากของเธอรับรู้ได้เพียงรสที่ฝาดขม ขมมาก ขม...จนลิ้นชาไม่รู้รสอะไรอีกเลย ก็เหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความ ‘ขมขื่น’