บทที่ 3 ฉันแนะนำให้คุณเปลี่ยนตัวคู่หมั้น 2

2265 คำ
เจษณะเหลือบมองไปยังหน้าต่างห้องนอนชั้นสองที่เพิ่งปิดไป พลางนิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่เขาถือโอกาสพาอมลฉวีมาเดินเล่นในสวน เขายังไม่ละสายตาไปจากหน้าต่างบานนั้นเลย เขาปรารถนาจะได้เห็นจ้าของห้องนั่งอยู่ตรงนั้น พอลัลล์นลินเห็นเขา เธอทำราวกับอากาศตรงหน้าเกิดเป็นมลพิษขึ้นมากะทันหัน หรือไม่ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าก็คือปีศาจร้ายที่หมายจะฆ่าชีวิตเธอ เธอจึงรีบลุกขึ้นเดินมาปิดหน้าต่างทันที เขาน่าเกลียดน่ากลัวในสายตาเธอขนาดนั้นเลยหรือ? หัวใจของชายหนุ่มพลันหดหู่ ปวดแปลบขึ้นมาดื้อๆ แววตาสลดจับจ้องหน้าต่างบานนั้นอย่างอาวรณ์ อยากจะส่งกระแสจิตให้เจ้าของห้องเปิดออกให้เขาได้เห็นหน้าเธอสักนิด เผื่อจะระงับความคิดถึงที่มีอยู่ในอกลงได้บ้าง หลังจากกอดเธอเมื่อคราวก่อน เขาก็ไม่ได้เห็นหน้าเธอมาสองวันเต็มๆ เขารู้... ลัลล์นลินจงใจหลบหน้าเขา เขาไม่คิดว่าเธอจะพูดจริง เรื่องที่ไม่ต้องการหมั้นหมายกับเขา ปกติเธอเป็นคนโกรธแป๊บๆ เดี๋ยวก็ลืม แถมยังอ่อนน้อมยอมลงให้เขามาโดยตลอด เขาจึงคิดว่าถ้าหากปล่อยให้เธออยู่คนเดียวสักวันสองวัน ลัลล์นลินก็คงจะหายโกรธเขาไปเอง แต่เขาคิดผิด! ยิ่งห่างกัน ยิ่งดูเหมือนเธอตั้งใจจะหมางเมินเขา อยากอยู่ให้ห่างจากสายตาเขา อยากวิ่งหนีเขาไปไกลๆ ในที่ที่มือของเขาเอื้อมไปไม่ถึง เกิดอะไรขึ้นกับลัลล์นลิน? จู่ๆ ก็เริ่มที่จะต่อต้านเขาเป็นแล้วเหรอ? เธอไม่เคยทำตัวแข็งข้อกับเขาแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง อย่างมากเวลาที่เธอไม่พอใจ น้อยใจหรือเสียใจ เธอจะทำแค่เพียงก้มหน้า เม้มปากแล้วยืนอยู่เงียบๆ ไม่ตอบโต้อะไรเขาทั้งนั้น คงเป็นเพราะเธอกลัวว่าเขาจะโกรธ ไม่สนใจเธอ แล้วทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี แต่ตอนนี้เธอกลับมีความกล้า! หรือเธอคิดว่าจะสามารถหนีไปจากเขาได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ? เจษณะขมวดคิ้ว มุมปากหยักยกเป็นรอยยิ้มเยือกเย็นอันตราย มีแววเยาะเย้ยหญิงสาวว่ามีความคิดที่ไร้เดียงสาเกินไปหน่อยละมั้ง เขามีสิทธิ์ไม่ต้องการเธอ แต่เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขา ลัลล์นลินควรรู้ตัวว่า... เธอเป็นของเขาแค่คนเดียว! “เจษคะ...” เขาละความสนใจจากหน้าต่างหันมองหญิงสาวอ่อนแอเปราะบางที่นั่งอยู่บนรถเข็น หล่อนมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ดูเหมือนจะมองอยู่นานแล้วด้วย ดูจากคิ้วเรียวยาวที่ขมวดมุ่น “คุณมีเรื่องอะไรในใจรึเปล่าคะ” อมลฉวีถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าหล่อนดูเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเขาเสียอีก มองเจษณะที่นั่งลงบนม้าหินข้างหล่อน กุมมือหล่อน ยิ้มให้หล่อนอย่างอ่อนโยนด้วยหัวใจสั่นไหว ในแววตาของเขามีความสงสารและรู้สึกผิดปะปนมาด้วยเสมอ คล้ายกับว่าคนที่ทำให้หล่อนเป็นอย่างนี้คือเขา ไม่ใช่ลัลล์นลิน อมลฉวีรู้ดีว่าทำไม? แต่หล่อนไม่อยากยอมรับ ต่อให้เป็นเพียงแค่ความสงสารหรือรู้สึกผิด แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายคนที่สามารถดึงความสนใจจากเขาได้ คนที่ทำให้เขายิ้มอย่างอบอุ่นและเอาใจใส่ดูแลก็คือหล่อนคนนี้ แค่...หล่อนเท่านั้นที่ทำได้ ลัลล์นลินเป็นใคร? เธอก็เป็นแค่ลูกเมียน้อย แตกต่างจากหล่อนที่เป็นลูกแม่บ้านตรงไหน? อันที่จริงหล่อนต่างหากที่มาก่อน หล่อนอยู่กับเขาก่อนที่ลัลล์นลินจะก้าวเข้ามาในตระกูลสิรพลากรเสียอีก หล่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าพ่อบ้านที่เจ้าสัวนพไว้วางใจ แม่ของหล่อนเป็นแม่ครัวเอกประจำคฤหาสน์หลังนี้ หล่อนเกิดและเติบโตที่นี่ เป็นทั้งเพื่อนและน้องสาวที่เจษณะเอ็นดู หล่อนกับเขาเข้ากันได้ดีทุกด้าน หากจะวัดกันที่นิสัยใจคอ ชาติตระกูล ฐานะหน้าตาทางสังคม หรือแม้แต่ศักดิ์ศรีอมลฉวีมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดที่สู้ลัลล์นลินไม่ได้! แล้วลัลล์นลินมีสิทธ์อะไรถึงได้ใจเขาไปครอง ส่วนหล่อนกลับทำได้แค่คอยมองอยู่ข้างๆ เท่านั้น... ทำไมหล่อนจะต้องยอมให้ลัลล์นลินแย่งผู้ชายที่หล่อนรักไปด้วยล่ะ ในเมื่อหล่อนไมได้ด้อยไปกว่ามัน หล่อนพร้อมจะทำทุกอย่าง... ทุกวิถีทาง... ไม่ว่าจะด้วยเล่ห์กลหรือมารยา... เพื่อให้ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ ‘หัวใจ’ เจษณะ “ช่วงนี้มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง” เขายิ้มบางๆ พลางตบมือที่ผ่ายผอมแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกของอมลฉวี ฟังเขาพูดอมลฉวีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าก็พลันเศร้าสลด เอ่ยปากด้วยความสะเทือนใจ “อ้อ...จริงสิ อีกไม่กี่วันคุณกับหลินก็จะหมั้นกันแล้ว คงจะยุ่งมากเป็นธรรมดา ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณเลย ดีใจด้วยนะคะเจษ พวกคุณเหมาะสมกันมาก” อมลฉวีหลุบตา กล่าวอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังไม่สามารถเก็บงำความร้าวรานเอาไว้ได้ ร่างกายที่ซูบผอมค้อมลง หล่อนดูเหมือนตุ๊กตาเนื้อบางที่เปราะและแตกหักง่าย พร้อมจะสลายหายไปในพริบตา เห็นแล้วทำให้คนยิ่งรู้สึกเวทนาจับใจ เจษณะถอนใจ เมื่อก่อนอมลฉวีเป็นหญิงสาวที่อ่อนหวาน ดวงตาของหล่อนเปล่งประกายอ่อนโยนอยู่เสมอ ทำให้คนมองแล้วสบายใจ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งสงบ แต่ตอนนี้ทุกอย่างหม่นแสงไปหมดแล้ว... สีหน้าของหล่อนช่างอมทุกข์ เป็นปมด้อยกับความพิการของตัวเอง สิ่งนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับหล่อนเลย หากลัลล์นลินจะไม่ใจร้ายผลักอมลฉวีตกลงมาจากบันไดในวันนั้น ยิ่งคิดเขายิ่งปวดใจ ทำไมลัลล์นลินถึงเลือดเย็นทำร้ายเพื่อนสนิทได้ลงคอ? “รู้ไหมคะ... บางครั้งฉันก็แอบอิจฉาหลินเหมือนกันนะ เธอดูสดใส มีอิสระ อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ผิดกับฉัน... ฉันเป็นแค่คนพิการที่ไร้ประโยชน์ เดินก็ไม่ได้ แถมยังเป็นภาระของคนอื่นอีก ฉันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าถ้าหากฉันเดินได้อีกครั้งมันจะดีแค่ไหน ฉันอยากจะยืนเคียงข้างคุณค่ะเจษ นี่เป็นความฝันของฉันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นไปได้ มันคงจะทำให้ฉันมีความสุขมาก” เจษณะมองรอยยิ้มเศร้าสร้อย ก่อนที่น้ำตาของอมลฉวีจะร่วงรินเหมือนลูกปัดที่ถูกกระตุกสาย ใจเขาปวดหนึบ ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้น ขณะยกมือปาดน้ำตาให้หล่อนอย่างนุ่มนวล ยิ้มปลอบขวัญอย่างอบอุ่นน่าหลงใหล ทำไมหล่อนถึงพูดเหมือนคนผิด? อมลฉวีไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดต่อลัลล์นลินเลยสักนิด เธอต่างหากที่ผิดและติดค้างหล่อนไว้มาก “เขาทำให้คุณเป็นแบบนี้ ยังคิดจะไปใช้ชีวิตอย่างอิสระอีกเหรอ ไม่มีทาง! ผมไม่ยอมปล่อยให้คนผิดลอยนวลไปแน่ๆ ลัลล์นลินจะต้องอยู่ไถ่บาปที่นี่ เขาจะไปไหนไม่ได้เด็ดขาด” อมลฉวีจับกระแสความหึงหวงที่ซุกซ่อนอยู่ในน้ำเสียงขุ่นมัวได้ ถึงปากเขาจะปฏิเสธ แสดงท่าทีรังเกียจรังงอนลัลล์นลินอย่างไร แต่หล่อนรู้ดีว่าในหัวใจเขายังมีมันอยู่ แทบไม่เคยละความสนใจจากผู้หญิงคนนั้นเลยสักวินาที แม้เขาจะพยายามปกปิด แต่ก็ปิดหล่อนไม่มิดหรอก หล่อนรักเขา คอยเฝ้ามองเขามาโดยตลอด หล่อนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดอะไรอยู่... หล่อนรู้ใจเขามากกว่าที่เขารู้ใจตัวเองเสียอีก “คุณอย่าโทษหลินเลยค่ะ มันคงเป็นกรรมของฉันเองมากกว่า ฉันไม่อยากให้พวกคุณผิดใจกันเพราะฉัน ไหนๆ ก็จะหมั้นกันอยู่แล้ว” อมลฉวีจงใจเติมเชื้อไฟ บวกกับหน้าตาที่หม่นหมอง พอก้มหน้าลงก็ยิ่งดูน่าสงสาร ราวกับทั้งร่างถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความเศร้า ไฟโกรธของเจษณะก็ยิ่งลุกโชน มองคนตรงหน้าอย่างปวดใจ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุอมลฉวีก็มักก้มหน้าไม่ยอมสบตาใครเลย หล่อนคงอับอาย รู้สึกอัปยศที่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ ใจของหล่อนก็เลยว้าวุ่นสับสน คิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยที่ถูกผู้คนและโลกใบนี้ทอดทิ้ง เจษณะถอนหายใจหนักๆ พยายามระงับโทสะ เขาวางมือลงบนศีรษะ ลูบเรือนผมที่หยาบกระด้างเพราะขาดการบำรุงช้าๆ อมลฉวีเงยหน้ามองเขา ยิ้มให้เขาพร้อมกับยกมือหล่อนกุมมือเขาไว้ ในแววตามีความซาบซึ้งดีใจ เจษณะมักจะปลอบหล่อนอย่างนี้เสมอในเวลาที่โศกเศร้า เขาทำแค่กับหล่อนคนเดียว แม้แต่ลัลล์นลินเขาก็ไม่เคยทำ นี่แสดงให้เห็นว่าเขายังใส่ใจหล่อนอยู่ไม่ใช่หรือ? “เขาทำร้ายคุณแบบนี้ คุณยังจะแก้ตัวให้เขาอีกเหรอ” เขามองหล่อนอย่างนึกชื่นชม ทั้งที่หล่อนเจ็บปวดเจียนตาย แต่ก็ยังไม่วายออกหน้าปกป้องคนที่ทำร้ายหล่อนอีก อมลฉวีเป็นคนดีจริงๆ “คุณอยากกลับมาเดินได้อีกครั้งไหม” ยังไม่รอให้อมลฉวีตอบ เขาก็ถามอีกครั้งยิ้มๆ แต่ในแววตาไม่มีความล้อเล่น มองหน้าหล่อนแน่นิ่งเหมือนรอคอยคำตอบอยู่ ดวงตาคมกล้าที่เหมือนจะมองทะลุเข้าไปถึงหัวใจหล่อนได้ ทำให้อมลฉวีใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก มีความแตกตื่นเล็กน้อย “ฉันยังมีโอกาสอีกเหรอคะ” เจษณะพยักหน้า “ผมลองปรึกษากับคุณหมอที่เชี่ยวชาญในด้านนี้จากอเมริกาดูแล้ว เคสของคุณไม่ได้รับความเสียหายจนถึงขั้นพิการ คุณยังมีโอกาสที่จะกลับมาเดินได้อีกครั้ง ถ้าหากคุณยอมไปอเมริกาเพื่อทำการรักษาและทำกายภาพบำบัด” ความตื่นเต้นคาดหวังกลายเป็นความกังวล สีหน้าของคนฟังซีดเซียวลงทันตา “ฉันไม่อเมริกาได้ไหมคะเจษ ฉันอยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากห่างคุณไปไกล ให้ฉันรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองไทยเถอะนะคะ” หล่อนวิงวอน โผเข้าสวมกอดเขาแน่น ซบหน้าเล็กๆ กับอกกว้างด้วยความหวาดกลัว ร่างผ่ายผอมสั่นระริกอย่างไม่ยินยอม เจษณะโอบกอดหล่อน ลูบหลังไปพลางปลอบหล่อนไปพลาง “ไม่ต้องกลัวนะ ใช้เวลาไม่นานหรอก แค่ปีเดียวเท่านั้นเอง” “แต่ฉันไม่อยากจากคุณไปค่ะเจษ คุณไม่รู้หรอกว่าโลกที่ไม่มีคุณอยู่ สำหรับฉันมันน่ากลัวขนาดไหน ให้ฉันตายซะดีกว่า” หล่อนรู้ดีว่าขาของหล่อนไม่ได้พิการ ถึงจะหล่นจากที่สูง แต่ก็เป็นเพียงสันกระดูกกดทับเส้นประสาท มีโอกาสสูงที่จะรักษาให้หายได้ แต่ที่หล่อนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังมาโดยตลอดสี่ปีนั้น ก็เพราะถ้าหากหล่อนหาย เจษณะก็จะไม่สนใจหล่อนอีก สายตาเขาจะหันกลับไปมองเพียงลัลล์นลินคนเดียว กว่าหล่อนจะทำให้เขายอมหันมามองหล่อนได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หล่อนยังไม่ทันจะได้เป็นคนพิเศษที่อยู่ในหัวใจของเขาเลย แล้วจะให้หล่อนยอมรามือได้อย่างไร? เจษณะตกใจ รีบดันตัวหล่อนออกห่าง แล้วเอ็ดเสียงขรึม “ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ คุณจะต้องหายดี และมีชีวิอยู่ต่อไป” ...ไม่ใช่เพื่อผมหรือเพื่อใคร แต่เพื่อตัวคุณเอง เขาละคำที่อยากพูดไว้ในใจ ไม่อยากให้อมลฉวีหวาดกลัวจนสิ้นหวัง เข้าใจผิดว่าเขาคิดจะทิ้งหล่อนโดยไม่ไยดี ที่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้หล่อนหายเป็นปกติ ส่วนหนึ่งเพื่อตัวหล่อนเอง แต่ทั้งหมดก็เพื่อลัลล์นลิน... เขาอยากไถ่บาปแทนคนที่รัก ไม่อยากบีบบังคับให้เธอแบกรับข้อหาฉกรรจ์ ถูกผู้คนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยม หากอมลฉวียอมรับการรักษา ถ้าอย่างนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็จะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ มิตรภาพระหว่างสองสาวก็กลับมาดีดังเดิม ความรักระหว่างเขากับลัลล์นลินก็จะเป็นไปได้ เขาสามารถที่จะรักลัลล์นลินได้อย่างเต็มหัวใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดตะขิดตะขวงใจอย่างเช่นทุกวันนี้ “แต่ว่าฉัน...” “อย่าเพิ่งตอบผมตอนนี้ ลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับพ่อแม่ของคุณดูก่อน แล้วค่อยให้คำตอบผมดีไหม” เจษณะเอ่ยตัดบท รอยยิ้มยังคงฉาบอยู่บนใบหน้าเหมือนดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว อบอุ่นแต่ไม่แผดเผา อ่อนโยนจนทำให้คนมองลืมที่จะปฏิเสธ “แดดแรงแล้ว ผมพาคุณเข้าบ้านดีกว่า” เขาลุกขึ้นเดินอ้อมไปข้างหลัง เข็นรถพาหญิงสาวกลับเข้าคฤหาสน์ ในแววตาที่ซุกซ่อนอารมณ์อย่างลึกลับไม่ได้มีความเป็นห่วงกลัวว่าอมลฉวีจะไม่สบาย แต่... เขายังมีเรื่องสำคัญต้องเคลียร์กับคนสำคัญ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม