เสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มสาว ๆ ยังดังในโสตประสาทของคะนึง แต่สำหรับคะนึงในตอนนี้ โลกทั้งใบเหมือนดับวูบลงตั้งแต่ประโยคแรกที่ได้ยินในห้องน้ำแล้ว
ทุกอย่างมันเป็นแค่เดิมพัน ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เขาทำให้เธอทุกอย่างมันเป็นเพียงภาพมายาและการแสดงที่เขาใช้มัน...เล่นกับความรู้สึกของเธอ
คะนึงก้าวออกมาจากห้องน้ำอย่างไร้จุดหมาย แข้งขาอ่อนแรงจนแทบจะทรุดลงกับพื้นหน้าห้องน้ำ
มือเรียวเล็กกำสาบเสื้อแน่นอย่างพยายามพยุงตัวเองไว้ แต่สุดท้ายน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ร่วงพรูลงมาอย่างหยุดไม่อยู่
ทุกคำพูด ทุกเสียงหัวเราะเย้ยหยันก้องอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา ใบหน้าคมคายของซาน ลอยเข้ามาในห้วงความคิด น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เคยกระซิบคำหวานและออดอ้อนข้างหู...กลายเป็นสิ่งตอกย้ำความจริงที่แสนเจ็บปวดและโหดร้าย
"ที่แท้...หนูก็เป็นได้แค่หมากในเกมของพี่...ฮึก! คนหลอกลวง" เธอสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจ
และด้วยสภาพร่างกายและหัวใจที่อ่อนแอ คะนึงจึงพยายามหอบเอาสังขารอันโรยแรงของตัวเองออกมาจากมหาวิทยาลัย ขึ้นรถแท็กซี่ตรงดิ่งกลับหอพักในทันที
(หอพักนิสิตหญิง : หอพักลีลาวดี)
ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก คะนึงก็โผเข้ากอดนิชาที่เพิ่งเดินออกมาเปิดประตูให้อย่างเต็มแรง ก้อนสะอื้นที่เธอพยายามอดกลั้นก็ถูกปล่อยออกมาจนสุดกำลังฝืน
คะนึงทั้งสะอื้นทั้งร้องไห้จนตัวสั่นเทา น้ำตาที่เคยกลั้นเอาไว้ถูกปล่อยให้ไหลพรั่งพรูออกมา อ้อมกอดของนิชาถึงกับสั่นไหวไปกับร่างที่ร้องไห้อย่างหนักของเพื่อน
"เฮ้ย! คะนึงเป็นอะไร?"
นิชาตกใจ รีบประคองเพื่อนรักเข้ามานั่งที่โซฟา หัวใจของนิชาเต้นรัวด้วยความร้อนรนและเป็นห่วงเพื่อนสุดๆ
"ฮึก! นิชา...ฮึก!" คะนึงร้องไห้หนักจนพูดออกมาแทบไม่เป็นคำ น้ำตามากมายเปื้อนเต็มเสื้อของนิชาจนเปียกไปหมด
นิชาเลือกที่จะไม่ถามอะไรในทันทีเธอกอดเพื่อนเอาไว้แน่น พลางลูบหลังปลอบโยนเพื่อนเบา ๆ ปล่อยให้คะนึงได้ร้องไห้จนพอเสียก่อน นิชาถึงจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ทำให้คะนึงร้องไห้หนักเช่นนี้
เมื่อเวลาผ่านไป เสียงสะอื้นอย่างหนักในตอนแรกค่อย ๆ เบาลง นิชาจึงจับมือเล็ก ๆ ของเพื่อนแน่นและถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนถึงเหตุแห่งทุกข์ในครั้งนี้
"คะนึง...เกิดอะไรขึ้น บอกฉันได้ไหม?"
คะนึงหลับตาแน่น ก่อนจะเล่าถึงทุกประโยคที่ได้ยินในห้องน้ำ ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดจนแทบอยากหยุดหายใจ
"ฮึก! พี่ซาน...เขาเดิมพันกับเพื่อน...ว่าถ้าเขาจีบฉันได้...เขาจะได้เป็นหัวหน้าแก๊ง ฮึก..."คะนึงพยายามฝืนเล่าด้วยความเจ็บปวดในใจ
"ฮะ! เดิมพัน!" นิชาตกใจอย่างแรง เมื่อได้ฟังประโยคแรก
คะนึงพยักหน้า แล้วเล่าต่อ "แต่ถ้าเขาจีบฉันไม่ได้...เขาจะต้องคลานสี่ขาเหมือนหมารอบสนามกีฬา...นิชา...ฉันมันโง่มากใช่ไหม...ฮือๆ"
นิชาฟังแล้วเลือดขึ้นหน้า มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูด และอดที่จะก่นด่าเขาไม่ได้
"ไอ้เหี้ยพี่ซาน! เหี้ยจริง ๆ"
แต่ด่าไปก็ไม่ได้ทำให้เขาสำนึกได้หรอก...สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ คือดึงคะนึงขึ้นมาจากหลุมดำนี้ให้ได้ เพื่อนของเธอไม่ควรโชคร้ายมาเจอคนเลว ๆ แบบนี้
นิชาจับไหล่เพื่อนรักแน่น มองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้น
"ฟังฉันนะคะนึง...แกไม่ได้ผิดเลย เข้าใจไหม? คนที่ควรอายและควรสำนึกคือพี่ซาน ไม่ใช่แกเว้ย!"
คะนึงเม้มปากและสะอื้นอีกครั้ง เมื่อได้ยินชื่อเขาจากปากของเพื่อน
"เขาเห็นแกเป็นแค่เกมในเดิมพัน แต่แกต้องทำให้เขาเห็น...ว่าแกมีค่ามากกว่านั้น จนเขาไม่สามารถเอื้อมถึงได้ แกต้องทำให้ไอ้พี่ซานคลานหมอบเป็นหมาอย่างที่เขาพูดนักหนาว่าจะไม่ยอมทำ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่ามันจะดูตลกมากแค่ไหน"
"แต่ฉันไม่ได้อยากเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ใครมารัก"
"แกไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครเลยเว้ย...แต่แกต้องทำเพื่อตัวเอง ทำให้คนอื่นเห็นว่าแกมีคุณค่าในตัวเองมากแค่ไหน และแกต้องภาคภูมิใจในตัวเองให้มากด้วย"
คะนึงเงยหน้ามองเพื่อนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แววประกายในดวงตาที่เคยหม่นหมอง เริ่มมีแสงวาววับของความหวังแทรกขึ้นมา เหมือนนิชาจะปลุกคุณค่าในตัวของเธอได้สำเร็จ
"ไป...ไปกับฉัน" นิชายิ้มบาง ๆ พลางเช็ดน้ำตาให้เธอเบา ๆ
"เริ่มจากภายนอกก่อน...ฉันจะทำให้แกสวยจนคนทั้งมหา'ลัยต้องหันมามอง ส่วนภายในจิตใจ แกต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ให้ได้"
นิชาจับมือคะนึงที่ยังสะอื้นเบา ๆ พาไปที่หน้ากระจก ทั้งคู่มองไปที่กระจก ตอนนี้ดวงตาของคะนึงแดงก่ำจนดูไม่ได้ น้ำตาเปียกเปื้อนไปทั่วใบหน้า สภาพของเธอดูแย่มากจนเธอเองก็ไม่อยากเห็นตัวเองในสภาพเช่นนี้
"จากนี้ไป...จะไม่มีคะนึงคนเดิมอีกแล้ว เข้าใจไหม?"
(ณ ร้านเสริมสวย : จี๊ดซาลอนแอนด์บราเบอร์)
ภายในร้านทำผมเล็ก ๆ ใกล้มหาวิทยาลัย ที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำยายืดผมผสมกับกลิ่นกาแฟจากร้านข้าง ๆ ที่ลอยมาตามอากาศ ทำให้ร้านทำผมร้านนี้เป็นที่นิยมของกลุ่มนักศึกษาทั้งหนุ่มและสาว เพราะมาครั้งเดียวจะได้ทำทั้งผมและดื่มกาแฟหรือชานมไปด้วย
ร่างบางของคะนึงถูกนิชาเพื่อนรักจูงมือเข้ามาถึงข้างในร้าน ก่อนจะสั่งให้ช่างจัดการเปลี่ยนลุคใหม่ให้คะนึงราวกับจะส่งเพื่อนเข้าประกวดนางงาม
"พี่คะ หนูพาเพื่อนมาทำผมค่ะ เอาแบบน่ารัก สวยหรูดูแพงแบบว่าผู้ชายเห็นเป็นหันขวับทุกรายอ่าค่ะ"
นิชาหัวเราะก่อนจะหันมาทำตาเจ้าเล่ห์ใส่คะนึงที่นั่งเกร็ง ๆ อยู่บนเก้าอี้
"พะ...พอแล้วนิชา ฉันไม่ได้จะไปประกวดอะไรซะหน่อย ทำไมต้องทำอะไรเยอะแยะ"
"เอาน่า เปลี่ยนลุคทั้งที จัดให้เต็มที่หน่อยก็ไม่เสียหายหรอก จะได้มีผู้มาต่อคิวแย่งกันจีบเยอะ ๆ ไง"
คะนึงหลุดหัวเราะเบา ๆ ให้กับความตั้งใจของเพื่อนรัก ก่อนจะยอมให้นิชากับช่างเริ่มจัดการกับทรงผมของตัวเอง
ช่างทำผมคือสาวรุ่นพี่ชื่อ จี๊ด เป็นสาวสวยและใจดี แถมมีสไตล์การแต่งตัวที่ทันสมัย ทรงผมและสีผมของจี๊ดโดดเด่นสมกับเป็นช่างฝีมือดีที่ใคร ๆ ต่างยอมรับและแนะนำปากต่อปากว่าเธอเป็นช่างทำผมที่มีฝีมือที่สุดในย่านนี้
"หนูเนี่ย...โครงหน้าโอเคเลยนะ ดัดปลายผมให้พองนิด ๆ กับเปลี่ยนทรงแว่นหน่อย แค่นี้ก็สวยกินขาดแล้วลูก ไม่ต้องทำสีหรอก น่ารักสดใสแบบหนูแค่ลอนปลายผมเฉย ๆ ก็เลิศสุดแล้วเชื่อพี่จี๊ด"
เสียงหวานหูเอ่ยชมคะนึงอย่างจริงใจ ทั้งพูดไปจับผมเธอไป จนคะนึงรู้สึกเขินไปหมด
"เห็นมั้ย! ฉันเคยบอกแกแล้วว่าพี่จี๊ดต้องคิดแบบฉัน แกสวยอยู่แล้วคะนึงสวยแบบไม่ต้องพยายาม เพียงแค่ต้องสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ลบคำบลูลี่ที่ใคร ๆ ต่างบอกว่าแกเป็นยัยแว่นใสซื่อซะ"
นิชาเริ่มหาคำพูดเดิม ๆ ที่เคยบอกเธอมาบ่นกรอกหูเธอ
"ใส่แว่นก็สวยได้ เคยได้ยินคำว่า...ฮอตเนิร์ดปะ นั่นแหละ...ใสซื่อบริสุทธิ์ดุจดอกไม้ขาวแต่เร่าร้อนราวกับเหล้าที่ถูกจุดไฟ...ผู้ชายคนไหนไม่เมาก็ให้มันรู้ไป กลัวแต่จะคลั่งตายซะก่อน"
จี๊ดกล่าว อย่างคนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน
"ใช่เลยพี่...ว่าแต่ช่วงนี้พี่จี๊ดมีหนุ่ม ๆ แวะมาให้ส่องบ้างไหมคะ" พอพูดถึงเรื่องผู้ชาย นิชาก็เปิดบทสนทนาแบบเพื่อนสาวทันที
"โหยยยย อย่าให้พี่เริ่ม...เมื่อวานมีเด็กวิศวะเคมีแวะมาทำสีผม โอ๊ย! แม่เอ๊ย! หล่อแบบพระเอกซีรีส์เกาหลีอะ!!"
จี๊ดพูดไป ทำตาโตประกอบฉากไป สมจริงสมจัง จนคะนึงเผลอตั้งใจฟังตาไม่กะพริบ
"เหรอคะ? ปีไหนคะ? หนูรู้จักไหม?"
คะนึงเอ่ยถามเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัว เพราะการเม้าท์มอยที่ออกรสออกชาติมันสนุกจนคะนึงคล้อยตามแทบจะประโยค
"เห็นว่าอยู่ปีสามนะ สูง ๆ หน้าคม ๆ พึ่งมาทำสีผมกับพี่เมื่อกี้เลย คาดกันแค่เสี้ยวนาทีเอง เวลายิ้มทีนะ สาว ๆ ในร้านพี่แทบล้มทั้งร้านเลย"
"แสดงว่าต้องหล่อมากเลยสิ" คะนึงทำหน้าครุ่นคิด จนนิชาหัวเราะออกมาเสียงดังที่เห็นเพื่อนดูจะสนใจผู้ชายในบทสนทนาคนนี้
"ฉะ...ฉันก็แค่อยากรู้ ไม่ได้คิดอะไรนะ" คะนึงรีบแก้ตัวทันที
"ดีแล้วคะนึง จะได้มีกำลังใจอ่านหนังสือไปพร้อมกับตามล่าหนุ่มวิศวะเคมีคนนี้ไง น่าสนใจออก...ใช่ไหมคะพี่จี๊ด"
"บ้าเหรอนิชา…" คะนึงหัวเราะจนแก้มแดง เธอไม่ได้มีเจตนาแบบที่นิชาพูดเลยสักนิด
"แต่พี่ว่าคิดหน่อยก็ดีนะ คนนี้งานดีมากจริง ๆ พี่สแกนแล้ว หล่อ พ่อรวย หุ่นดีพี่ว่าน่าจะดีทุกส่วน..."
"ว้าว! น่าสนแฮะ ว่าแต่เขาชื่ออะไรคะพี่จี๊ด" นิชาเอ่ยถามจี๊ด แต่สายตากรุ้มกริ่มส่งมาให้คะนึงตลอดเวลา
"รู้สึกจะชื่อ...ริว...นะ ริวตะ ไม่แน่ใจว่าลูกครึ่งญี่ปุ่นไหม แต่หน้าตาดีมาก ที่สำคัญอ่านะ...โสดสนิท"
"แบบนี้ก็พอมีหวังนะแก"
"นิชา! แกนี่! พี่จี๊ดทำผมให้คะนึงเร็ว ๆ เถอะค่ะ คะนึงมีธุระไปทำต่อค่ะ รบกวนพี่จี๊ดนิดนึงนะคะ"
"ได้จ้า...ยังไงพี่ก็ฝากพิจารณาหนุ่มหล่อลูกค้าของพี่คนนี้ด้วยนะ ริวตะ วิศวะเคมีปีสาม ถ้าบุพเพสันนิวาสหรือวาสนาถึงกัน อย่าลืมส่งข่าวพี่จี๊ดด้วยนะ"
"พี่จี๊ดคะ!" คะนึงเขินมากจนหน้าแดง เสียงหัวเราะดังก้องร้านจนดูสนุกสนานไปหมด แม้จะไม่ค่อยชินแต่การได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง พาตัวเองเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่มีแต่รอยยิ้มและกำลังใจ มันฮีลใจได้ดีสุด ๆ เลยล่ะ
"หนูจำคำพี่จี๊ดไว้นะคะลูก แฟนที่ดีคือ...แฟนใหม่จ้า ฮ่าๆ"
เสียงหัวเราะ เสียงเม้าท์มอย ความสบายใจในพื้นที่ที่ปลอดภัย มันค่อย ๆ เยียวยาหัวใจของเธอให้ดีขึ้น แม้จะยังไม่ลืมเรื่องราวที่ฝังลึกในใจ แต่สำหรับตอนนี้
การได้ยิ้ม ได้หัวเราะ และได้เป็นตัวของตัวเองก็ดีมากพอแล้ว...