เสียงหัวเราะของกลุ่มวิศวะเครื่องกลดังลั่นภายในผับนั่งชิลหลังมหาวิทยาลัย ที่เป็นร้านประจำของกลุ่ม บรรยากาศตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงเฮฮาและเสียงชนแก้วฉลองกันอย่างครื้นเครง
เพลงในร้านเปิดคลอเบา ๆ ให้ลูกค้าได้ฟังและโยกตามบางจังหวะ กลิ่นอายของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ เพราะถูกเทและรินใส่แก้วแทบจะไม่หยุดพัก
“มึงได้ยัยนั่นแล้วใช่ไหมวะ ไอ้ซาน?”
กัส เพื่อนหนึ่งในกลุ่มเดียวกับซานเอ่ยถาม และเป็นคนเดียวกันกับที่ท้าเดิมพันในครั้งนี้
ซานเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มองควันบุหรี่ลอยคลุ้งในอากาศ ก่อนจะแสยะยิ้มบาง ๆ ราวกับไม่ได้ยินดีกับคำถามของเพื่อน
"ไม่...แค่จูบ" ซานตอบแบบไม่ค่อยเต็มใจตอบ
"แต่ไอ้ซานมันได้จูบแรกของยัยแว่นเลยนะเว้ยพวกมึง"
ซี เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้นอย่างรู้ดี เพราะเขาตามสืบตามค้น จนได้รู้เรื่องของคะนึงว่าเธอไม่เคยผ่านการจูบกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย แต่มันไม่ได้ทำให้ซานใส่ใจในคำพูดของเพื่อนมากขึ้น เพราะเขารู้อยู่แก่ใจดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว
“ก็แค่จูบ...พวกมึงทำอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่”
"เฮ้ย! แต่มันคือจูบแรกของยัยแว่นเลยนะ" ซีเน้นย้ำ
"ใช่...แต่ได้ยินมาว่าพวกวิศวะคอมฯ มันตามจีบกันเกือบตายเลยนะเว้ย! แต่สุดท้ายก็จีบไม่ติดเลยสักคน ไอ้ขุนพลเพื่อนกูไปเฝ้าหน้าห้องเรียนทุกวัน แม่ง! ยังชวดอ่า แสดงว่ามึงยอดเยี่ยมที่สุดแล้วไอ้ซาน"
กัสกล่าว พร้อมตบหลังซานราวกับสะใจมาก ที่เพื่อนได้จูบแรกจากเธอคนนั้น
"แต่พูดก็พูดนะ ยัยแว่นนี่ก็ฮอตเหมือนกันนะ กูได้ยินพวกผู้หญิงเขาเมาส์กันว่า มีคนตามจีบยัยนี่เยอะจนหัวกระไดคณะไม่เคยแห้งเลย นี่ถ้าเธอใจไม่แข็งนะ ป่านนี้นับแต้มไม่ไหวเลยล่ะ" ซีร่ายยาว แต่คำพูดดันไปสะกิตใจของซานเข้าอย่างจัง
"แล้วไง? สุดท้ายจูบแรกของยัยนั่นก็เป็นของกู"
ซานไม่ได้จะอวด แต่เขาแค่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เมื่อเพื่อนพูดถึงคนที่มารุมจีบเธอ
"เฮ้ย! มันหวงว่ะ ฮ่าๆๆ"
เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นอีกระลอก ขณะที่ซานยกแก้วเหล้าขึ้นแตะริมฝีปากแต่ไม่ทันได้ดื่ม ภาพที่เขาจูบคะนึงก็ผุดขึ้นมาในหัว มันชัดเจนมากจนเขาเหม่อลอยและพยายามไล่เรียงภาพเหล่านั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ
ริมฝีปากอุ่นนุ่มที่ละมุนละไม ดวงตากลมโตที่เบิกกว้างเล็กน้อยเพราะความตกใจและหลับลงช้า ๆ ด้วยความเชื่อใจที่มีต่อเขา ราวกับเป็นคำอนุญาตว่าเขาสามารถจูบเธอได้โดยที่เธอจะไม่มีการขัดขืน
ไม่รู้ทำไม แค่คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาก็รู้สึกว่าลำคอกำลังแห้งผาก กลืนน้ำลายลงคอตั้งหลายครั้ง ภาพนั้นก็ยังไม่จางหายไปจากความรู้สึกสักที
ซานแอบรู้สึกว่าคะนึงแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น เธอไม่ได้หว่านเสน่ห์ ไม่ได้เล่นตัวหรือยั่วยวนจนเกินพอดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอ มันเหมือนเป็นความ “จริงใจ” ที่เธอมีให้กับเขา
“ไอ้ซาน! เงียบทำไมวะ? เป็นเชี่ยไรเปล่า?” เสียงเพื่อนในกลุ่มเรียกสติของเขากลับมา
“กูไม่ได้เป็นอะไร” เขาตอบ พลางยิ้มเจื่อน แล้วกระดกเหล้าลงคอรวดเดียวหมดแก้ว
ไม่มีใครรู้สึกผิดสังเกตถึงอาการของซาน นอกจาก "เท็น" เพื่อนที่สนิทที่สุดในกลุ่ม แม้เขาจะดูเงียบขรึม แต่เขารู้จักซานดีที่สุด ถ้าเทียบกับเพื่อนทุกคน
เท็นจ้องมองซานเงียบ ๆ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่มีแววจริงจังเจือในน้ำเสียง
“มึงโอเคใช่ปะ?”
“กูดูไม่โอเคเหรอ?”
“อือ...มึงดูโคตรไม่โอเคเลยว่ะ” เท็นจงใจพูดเน้นตรง ๆ เพื่อให้ซานรู้ตัว
“มึงแน่ใจนะ ว่าการได้จูบยัยแว่นนั่น มันทำให้มึงภาคภูมิใจจริง ๆ เพราะตั้งแต่มานั่งกับพวกกูวันนี้ มึงไม่เคยหัวเราะหรือยิ้มได้เต็มที่เลยสักครั้ง กูคิดว่า...มึงน่าจะไม่โอเคว่ะ”
ซานถึงกับนิ่งไป เมื่อคำพูดของเท็นจี้เข้ากลางใจเขาสุด ๆ จนเขาจุกและพูดไม่ออก ก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาเพื่อพยายามให้มันดูปกติที่สุด
“เฮ้ย...มึงคิดมาก” เขาหัวเราะเสียงดัง แต่หัวใจของเขากลับสั่นและเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล
"กูต้องโอเคดิ แล้วกูต้องรู้สึกยังไงวะ กูรู้โว้ย ว่าทุกอย่างมันเป็นแค่เกม กูไม่เถียงหรอกว่ามันมีช่วงที่ขัดใจกู แต่กูโอเค...ทำไมมึงไม่คิดว่า กูอาจจะกำลังคิดหาทางบอกเลิกเธออยู่ก็ได้"
"เออ...ก็ขอให้จริงเถอะวะ อย่าให้ได้หอนเป็นหมานะมึง"
"คนอย่างกูคำไหนคำนั้นโว้ย กูไม่ยอมคลานสี่ขารอบสนามกีฬาแน่"
"เออ...กูจะรอดู" เท็นกล่าว
“เฮ้ย! ไอ้ซาน!” เพื่อนอีกคนเรียกเขา พร้อมกับชูเหล้าขวดใหม่ให้ซานดู
“เอาอีกแก้วมั้ย!”
ซานพยักหน้า ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนที่กำลังดื่มกันอย่างหนัก แต่ในใจของเขากลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น เขายังคงกำลังนึกถึงรอยสัมผัสสุดท้ายของเธอ และคงมีแค่เหล้าเท่านั้น ที่จะทำให้เขาลบลืมภาพความทรงจำเหล่านั้นได้
*
*
(ทางด้านคะนึง) หลังจากวันนั้นที่นิชาเปิดประตูเข้ามาแล้วพบภาพของคะนึงในอ้อมแขนของซาน เรื่องทุกอย่างระหว่างซานกับเธอก็เหมือนถูกตัดขาด
ซานเดินออกจากห้องไปวันนั้น เหมือนกับเดินออกไปจากชีวิตของเธอด้วย เขาหายเงียบไป ไม่อ่านแชท ไม่รับโทรศัพท์ ไม่โพสต์ ไม่ออนไลน์อะไรเลยสักอย่าง
คะนึงนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างหมดหวัง เธอส่งข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในไลน์และอินบ็อกซ์
คลิก! ฟืบ!
KANUNG : พี่ซาน โกรธหนูรึเปล่า ทำไม หายไปเลยล่ะ
คะนึงพิมพ์แชทสั้น ๆ ไปหาเขา แต่ไม่มีแม้แต่เครื่องหมายว่า อ่านแล้ว ไม่มีจุดสามจุดที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์ตอบกลับมา จะมีก็แต่ความว่างเปล่า...
เธอจึงลองโทรหาซานตามเบอร์ที่เขาเคยใช้ติดต่อหาเธอทุกวันตลอดเวลาที่ครบกัน แต่กลับไม่สามารถต่อเขาได้เลย
[ หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ ]
คะนึงรู้สึกไม่ไหว มือไม้เริ่มสั่น หน้าจอมือถือพร่ามัวเพราะหยดน้ำตาที่กำลังเอ่อไหล เธอรีบเดินไปหานิชาที่กำลังกินข้าวอยู่ในโรงอาหารช่วงพักกลางวัน พอมาถึงก็วางแก้วชาเย็นลงตรงหน้า แล้วทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเพื่อน ด้วยความร้อนรนใจ
“นิชา...”
“อือ? ว่า?” นิชาตอบ พลางกำลังก้มหน้าก้มตากินข้าว
“ถ้าเขาไม่ตอบแชท ไม่รับสายเรามันแปลว่าเขากำลังโกรธใช่ปะ?”
“หมายถึงใคร?” นิชาชะงักช้อนที่กำลังตักข้าวเข้าปาก แล้วเงยหน้ามองตรงมาที่เพื่อนรักอย่างนึกสงสัย คะนึงกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่นใจ มันทั้งร้อนรนและเต้นรัวเหมือนกับจะระเบิดออกมาจากอก
“วันนั้น...ที่แกเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอ...เอ่อ...ฉันอยู่กับพี่ซาน” คะนึงเริ่มเกริ่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ฝั่งนิชาก็ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนพยักหน้าช้า ๆ เพื่อทำความเข้าใจ
“เราไม่ได้ตั้งใจจะทำเรื่องแบบนั้น เราแค่...มีช่วงเวลาที่เคลิ้มไปกับบรรยากาศ...แค่นั้นจริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรที่...” น้ำเสียงของคะนึงเริ่มแผ่วเบา และสั่นเครือขึ้นไปกว่าเดิมอีก
“แต่ทำไม...เขาถึงเงียบหายไปเลยแบบนี้ ไม่อ่านไลน์ ไม่ตอบแชท ไม่เปิดโทรศัพท์ ไม่อะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังโกรธฉัน หรือเขากำลังโกรธตัวเอง หรือว่าเขาแค่...ไม่อยากยุ่งกับฉันอีกแล้ว ฮึก!”
นิชาเงียบนิ่ง มองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้น้ำตาเริ่มคลอเบ้าด้วยความสงสารและรู้สึกผิดในใจ คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมเพื่อนรักของเธอไม่เคยสนใจเรื่องความรักเลยสักนิด
แต่ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่นิชาเองก็รู้สึกไม่คาดคิดว่าคะนึงจะจริงจังและทุ่มเทให้กับผู้ชายคนนี้มาก จนเธอเดาไม่ออกเลยว่าหากวันนั้นเธอไม่เข้ามาขัดจังหวะ คะนึงกับผู้ชายคนนั้นจะไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ก็อย่างว่า...ก็นี่มันรักครั้งแรกนี่นา ก็ไม่แปลกหรอกที่ยัยแว่นของเธอจะว้าวุ่นได้ขนาดนี้
"แกใจเย็นก่อน เขาอาจจะแค่ติดธุระก็ได้ แกอย่าพึ่งคิดมากไปเองดิ ฉันรู้สึกผิดนะเว้ย!"
นิชาพยายามปลอบโยนเพื่อน ทั้งที่เธอเองก็ไม่รู้จะปลอบยังไง และสาเหตุมันก็มีส่วนมาจากเธอด้วยเหมือนกัน ที่อาจจะเข้าไปขัดจังหวะจนทำให้แฟนของเพื่อนโกรธหรืออาจจะเสียหน้าวันนั้น แต่ในมุมมองของนิชามันก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงกับต้องเงียบหายไปเสียดื้อ ๆ แบบนี้
"มันคงไม่ได้ร้ายแรงแบบแกคิดมั้ง"
“หรือเขาจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่าย หรือเปล่าวะแก”
คะนึงยังคงนึกหาสาเหตุของเรื่องไม่หยุด ใจเธอตอนนี้เหมือนถูกบีบจนหายใจแทบไม่ออก มันสับสนและเคว้งคว้างไปหมดแล้ว
"แกเลิกคิดมากก่อน มีสติ...เชื่อฉัน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่แกพยายามหาสาเหตุไม่ช้าก็เร็วมันจะมีคำตอบให้แกเอง ทางที่ดีควรทำใจเผื่อ ไม่ว่าดีหรือร้าย แกต้องยอมรับมันให้ได้เว้ย"
“ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ฉัน... ฉัน...” เธอกัดปากแน่น ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ ว่าด้วยความรู้สึกปวดหนึบในใจ
“ฉันแค่ชอบเขาไปแล้วจริง ๆ”
นิชามองเพื่อนที่กำลังจมดิ่งลงไปในความสับสน
"เฮ้ย! ไม่เอาน่า แกอย่าร้องไห้ดิ เอางี้เดี๋ยวฉันช่วยตามหาเขาดีไหม เรื่องเล็กน้อยอย่าพาลเป็นเรื่องใหญ่ดิ ปกติยัยแว่นของฉันไม่ได้ขี้แยแบบนี้นี่นา ไม่ต้องร้อง...กินข้าวกัน เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ฉันหิวมาก กินก่อนค่อยว่ากัน...โอเค๊!"
คะนึงยิ้มให้เพื่อนทั้งน้ำตา อย่างน้อยตอนที่เธอรู้สึกสิ้นหวังเธอก็ยังมีเพื่อนรักอย่างนิชาที่คอยให้กำลังใจเสมอ และเธอเชื่อว่านิชาจะไม่ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยวอย่างแน่นอน...