มาดามแพรวาพึงพอใจเมื่อรับรู้สัญญาณที่ดีอารมณ์ของลูกชายคนเล็ก เมื่อเพียงรักขออาสาก้าวเข้ามาในชีวิตฟรานเซียส แอบตกใจรู้จากปากของลูกบนโต๊ะอาหารยามเช้า วันนี้เขาต้องการไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล โดยมีข้อแม้ว่าต้องพาเพียงรักไปด้วยทุกครั้ง
“แม่ดีใจที่ลูกฟรานยอมรักษาตัว อาฝากหนูเพียงช่วยดูแลลูกชายของอาด้วยนะ”
“มาดามไม่ต้องเป็นห่วง เป็นหน้าที่ที่ของเพียงต้องดูแลคนป่วยค่ะ”
เพียงรักรับปากกับคุณอาแพรวาเพื่อต้องการสร้างความสบายใจของพวกท่าน มาดามสังเกตว่าวันนี้หญิงสาวรุ่นลูกสวมใส่เสื้อพรมคอเต่าแขนยาวปกปิดมิดชิดลามถึงลาดลำคอ ทั้งที่สภาพอากาศด้านนอกร้อนอบอ้าว
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย”
ฟรานเซียสเอ่ยตัดบท สอดประสานสายตาขึ้นมาสบดวงตาคู่หวาน เพียงรักเข้าใจก่อนพาคนป่วยขึ้นรถยนต์พร้อมคาเรน จุดหมายปลายทางซึ่งก็คือโรงพยาบาล ประจวบเหมาะหมอนัดตรวจวันนี้
“เธอจะไม่ทอดทิ้งฉันเหมือนโรสรินใช่ไหม ฉันไม่ชอบกลิ่นยาของโรงพยาบาล”
“เพียงแล้วแต่คุณฟราน ถ้าคุณอยากให้เพียงอยู่ด้วย เพียงก็จะอยู่ ในทางกลับกันคุณอยากให้เพียงไป เพียงก็จะไป”
ฟรานเซียสส่ายหน้าพัลวัน เลือกวางมือแกร่งทาบทับบนมืออ่อนนุ่ม สอดประสานนิ้วเรียวกระชับเข้าหาแนบแน่น
“ฉันไม่ยอมให้เธอไป ที่ฉันยอมมารักษาตัวที่นี่ก็เพราะเธอต่างหาก”
ใบหน้าสีหวานเริ่มแดงก่ำ หลบสายตา ขณะรถเคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณช่องที่จอดรถด้านหลังโรงพยาบาลเอกชน บุรุษพยาบาลรับแจ้งจากหมอประจำตระกูลคริสซิลีรีบเข็นรถเข็นสำหรับคนป่วยเข้ามารับเขา ก่อนที่เพียงรักก้าวขาตามพวกเขาเข้าไปในลิฟต์
“คุณฟรานเซียส ผมดีใจที่คุณยอมเข้ามารักษาตัว”
เพียงรักเลือกปลีกตัวถอยห่างกำลังเดินออกจากห้องแพทย์ แต่ฟรานเซียสดันคว้ากอบกุมมือเรียวเล็กกระชับไว้ ห้ามไม่ให้เธอหนีจากเขาคลาดสายตาแม้แต่ก้าวเดียว
“ฉันอยากให้เธออยู่ด้วย” หันมองกลีบปากอวบอิ่ม เพียงรักก้มหน้ามองฝีเท้าของตัวเองรอ
ฟรานเซียสเข้าสู่กระบวกการรักษา ตรวจดูบริเวณขาสองข้างไม่ขยับเขยื้อนไปมาได้ดั่งใจ ขาข้างขวาขยับนิดหน่อยถือว่าดีที่เขาอาจจะไม่พิการตลอดชีวิต หากเข้าสู่วิธีทำกายภาพบำบัด ซึ่งผู้ช่วยพยาบาลเพียงรักและแพทย์ประจำตัวคอยรักษาเขาตามขั้นตอน
“โอ๊ย!”
“คุณฟราน ไหวไหมคะ ถ้าไม่ไหว พรุ่งนี้ค่อยทำใหม่ต่อก็ได้นะคะ”
“ฉันอยากหาย หมอบอกว่ามีโอกาสที่ขาของฉันจะกลับมาเดินได้เป็นปกติ เธอมีหน้าที่ให้กำลังใจฉันก็พอ”
เพียงรักเกือบรับน้ำหนักคนตัวโตไม่ไหว ชายหนุ่มพยายามยันตัวเองยืนนิ่งอยู่กับที่ สองมือจับวางบริเวณเหล็กที่ยึดเหนี่ยวเอาไว้ เขากัดฟันเข้าหากันแน่นอดทนกับความเจ็บปวด ขณะบังคับเส้นประสาทสัมผัสขาสองข้างก้าวเดินตามใจนึก ขาสองข้างก็ไม่ขยับ
เพียงฟรานเซียสปล่อยมือสองข้างจากที่ยึดจับ ร่างสูงใหญ่ดันทรุดฮวบลงท่ามกลางความตกใจของทุกคน เพียงรักและคาเรนรีบเข้ามาช่วยประคองพานั่งรถเข็น เสียงหอบหายใจเหนื่อย ขณะออกแรงไม่เต็มที่ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด ต้องกลายเป็นไอ้ง่อยตลอดชีวิตเลยหรือ...
“โธ่เว้ย!” สองมือทุบกำปั้นแรงๆ ใส่หัวเข่าสองข้างหวังเกิดความรู้สึกเจ็บปวด แต่ขาสองข้างเหมือนตายด้าน
“วันนี้คุณฟรานกลับไปพักเถอะค่ะ พรุ่งนี้เราค่อยมาทำใหม่ ถ้าคุณขืน ร่างกายของคุณจะรับไม่ไหวเอานะคะ”
เพียงรักเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวอีกฝ่ายหวังคล้อยตาม
“ฉันยังไหว ฉันอยากทำอีกรอบ รู้สึกเหมือนเท้าข้างซ้ายของฉันจะกระดิกได้นิดหน่อย”
ผู้ช่วยพยาบาลก้มมองฝ่าเท้าข้างซ้ายของคนป่วย ลองเอามือจับแตะต้องเบาๆ นิ้วเท้าของเขาเริ่มกระดกขึ้นนิดเดียว ยังดีกว่านิ่งเฉยชาแบบแรก
“จริงด้วย แสดงว่าเท้าของคุณฟรานเริ่มมีปฏิกิริยาแล้ว คุณฟรานต้องมีโอกาสหาย”
“เธอสัญญากับฉันได้ไหมว่าจะอยู่ดูแล คอยเป็นขาให้ฉันก้าวเดินต่อไปจนกว่าฉันจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิมอีกครั้ง สัญญากับฉัน...เพียงรัก”
แววตาคู่คมเอ่ยเว้าวอนผู้ช่วยพยาบาลพิเศษตรงหน้า เพียงรักทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงโทรศัพท์ของเธอดังสั่นจากกระเป๋าส่วนตัวขัดจังหวะพอดี และเขาก็ไม่ได้รับคำตอบเมื่อกี้จากหญิงสาวเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ...เพียงขอตัวไปรับสายก่อนนะคะ น่าจะเป็นคุณแม่โทรมา” สีหน้าและแววตาคล้ายมีเรื่องปิดบัง และบอกว่าเป็นคุณหญิงจีน่าโทรศัพท์อาจไม่ใช่...
“คาเรน ไปดูสิว่าสายนั้นใช่สายของไอ้คาเฟรหรือเปล่า บางทีเธออาจรู้ที่อยู่พวกมันก็ได้ ไปสืบมา”
คาเรนก้มโค้งศีรษะเล็กน้อยน้อมรับคำสั่ง เมื่อแผ่นหลังบอบบางเร่งฝีเท้าก้าวออกจากห้องนี้เหมือนเป็นสายสำคัญอย่างมาก เจ้าพ่อหนุ่มต้องรู้ให้ได้ว่าเพียงรักอาจใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดกับพี่ชาย ใครบ้างจะไม่เห็นครอบครัวสำคัญกว่าคนอื่น!
คำสัญญานั้นก็เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง...ที่หลอกเขาว่าจะคอยดูแลด้วยความจริงใจ
“เหอะ! พวกผู้หญิงก็เหมือนกันทั้งหมด ไม่มีใครอยากอยู่กับคนไม่สมบูรณ์แบบตลอดชีวิตได้หรอก”
…
เพียงรักหัวใจเต้นกระหน่ำคล้ายเสียงนั้นจะออกมาทะลุนอกอก หญิงสาวร้อนรนวิ่งเร็วไกลห่างจากเขากลัวว่าฟรานเซียสจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอ เมื่อสายโทรเข้ามาซึ่งก็คือ...
“พี่คาเฟร”
ตั้งแต่เกิดเรื่องงานหมั้นหมายวันนั้น หญิงสาวก็ไม่เคยรับการติดต่อจากพี่ชายเลยสักครั้ง เธอดีใจที่พี่ชายเป็นฝ่ายโทรมาก่อน
“พี่คาเฟร พี่อยู่ไหนคะ พ่อแม่และน้องเป็นห่วงมากเลยนะคะ”
(เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เพียงต้องตอบพี่มาว่าทำไมไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น พี่สั่งแล้วว่าอย่าไปเกี่ยวข้องกับไอ้ฟรานเซียส!) น้ำเสียงเข้มห้วนจัดเอ่ยตวาดดังลั่น เพียงรักถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม พี่ชายรู้จากปากพ่อแม่สินะ...
“เพียงสงสารเขา เพียงอยากชดใช้แทนพี่คาเฟรที่เคยทำกับเขา และพี่ล่ะคะ พี่กับคุณโรสรินอยู่ที่ไหน เพียงขอเถอะค่ะ พี่ช่วยกลับมาขอโทษเขาก็ได้ บางทีคุณฟรานอาจจะใจอ่อน ยอมยกโทษให้ ในฐานะที่พี่กับเขาเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก”
(ยังไงพี่ก็ไม่กลับ เพียงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มันส่งคนตามไล่ล่าพี่จนแทบไม่มีที่ซุกหัวนอน ทำไมพี่ต้องเป็นคนคลานเข่าเข้ามากราบขอโทษมัน ไม่มีทาง พี่เกลียดมัน เกลียดไอ้ฟรานเซียส!)
“พี่คาเฟร...” มันไม่มีทางไหนเลยหรือที่อดีตสองเพื่อนรักหวนกลับมาพูดคุยกัน เพียงเพราะพี่ชายเธอก็รักผู้หญิงเดียวกันกับฟรานเซียส
(เพียงไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมพี่ให้ยาก มันใช่ไหมบีบขู่เข็ญบังคับเพียง มันคิดจะเอาคืนพี่ด้วยการเอาน้องสาวพี่ไปย่ำยี คิดจะทำให้พี่เจ็บปวด!)
“เขาไม่ได้ทำอะไรเพียงนะคะ เขาเป็นคนดี”
แค่สถานการณ์เกือบเลยเถิด ฟรานเซียสยับยั้งชั่งใจไว้ทัน ไม่กล้าหักหาญน้ำใจของเธอ แก้มแดงดันเห่อร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงภาพวาบหวามในห้องน้ำ
(ภาพลักษณ์ภายนอกมันเสแสร้งเป็นคนดีต่างหาก เพียงยังไม่รู้จักมัน ไอ้ฟรานเซียสซุกซ่อนนิสัยดำมืดเอาไว้ เพียงควรถอยห่างจากมันเดี๋ยวนี้ซะ!)
“แค่นี้ก่อนนะคะ ดูเหมือนคุณฟรานจะออกมาแล้ว”
เหลือบสายตาคู่หวานบังเอิญมองลูกน้องคนสนิทของเจ้าพ่อมาเฟียอิตาลีทำลับๆ ล่อๆ เหมือนถูกเจ้านายสั่งมาสอดแนมเธอคุยกับพี่ชาย เพียงรักรีบกดวางสายชิงก่อน ในเมื่อคุยกันต่อแบบนี้ไม่รู้เรื่องแน่ พี่ชายเธอดื้อรั้นจนปัญญาเกลี้ยกล่อมกลับมาขอโทษอีกฝ่าย
“คุณฟรานล่ะคะคุณคาเรน”
“นายใหญ่เข้าไปรออยู่ที่รถครับ ผมก็เลยมาดู นึกว่าคุณเพียงรักยังคุยธุระไม่เสร็จ”
“เสร็จแล้วค่ะ เพียงจะกลับพอดี ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
เพียงรักส่งยิ้มจริงใจแก่มือขวาของเจ้าพ่อมาเฟียฟรานเซียส ปรับสีหน้าเป็นปกติไม่ให้เผยพิรุธจับผิดสังเกตเห็น ลับหลังแผ่นหลังบอบบางเดินเข้าไปในลิฟต์ คาเรนแอบอัดเสียงคลิปบทสนทนาเมื่อกี้ส่งเครื่องมือถือของนายใหญ่
‘เป็นอย่างที่เคาเดา คุณหนูเพียงรักยังติดต่อกับคุณคาเฟร พี่ชายเธออยู่ครับ แล้วนายใหญ่จะทำยังไงดี จะเก็บเธอไว้อยู่ข้างกายเหมือนเดิมเหรอครับ’
ปลายนิ้วเรียวเลือกเคาะลงเป็นจังหวะถี่ยิบด้วยความใจร้อนรน ฟรานเซียสเก็บซ่อนอารมณ์เพลิงโทสะเอาไว้รอวันเอาคืนครอบครัวคาเฟรรวดเดียว ก่อนตอบกลับ พวกมันต้องไม่ตายดี เขาจะบดขยี้น้องสาวมันให้แหลกเป็นจุล
‘ฉันจะเก็บเพียงรักไว้ข้างกาย จนกว่าจะลากพวกมันกลับมาลงโทษ เพียงรักคือคนของฉัน ห้ามใครมาพรากเธอไปจากฉันเด็ดขาด จนกว่าฉันจะลงโทษเธอด้วยวิธีของฉันเอง!’
‘รับทราบครับนายใหญ่’
ประจวบเหมาะเพียงรักก้าวขึ้นมาบนรถ ดวงตากลมโตหันมองคนป่วยข้างกาย เมื่อฟรานเซียสเลือกโอบไหล่เอนอิงซบแผงอกแกร่ง ท่าทีอ่อนโยนทำเอาเธอแปลกประหลาดใจ
“ไหนๆ วันนี้ก็ออกมาข้างนอกแล้ว พาฉันไปสูดอากาศก่อนแล้วค่อยกลับ เธอว่าดีไหม?” เขาก้มลงถามคนในอ้อมแขน
“เพียงแล้วแต่คุณฟรานค่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบ เสียงเบามากแทบไม่ได้ยิน
“น่ารักขนาดนี้ ปล่อยให้หลุดมือไปเสียดายแย่”
เพียงรักควรปลาบปลื้มหรือหัวใจพองโตที่เธอแอบชอบดันมาทำดีด้วย ทำไมคำพูดของเขา หญิงสาวชวนขนอ่อนลุกวาบอย่างไรสุดแล้วจะรู้ได้...
ฟรานเซียสส่งยิ้มแอบแฝงนัยบางอย่าง ก่อนทั้งคู่ตกในความเงียบ ขณะรถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลเอกชนนี้ไป