ญาดารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกเขย่าตัวหรือทำอะไรสักอย่างที่เป็นการรบกวนการนอนของตัวเอง หญิงสาวจึงยกมือขึ้นมาปัดป่ายความน่ารำคาญนั้นออกไป ทว่าปัดยังไงก็เหมือนไม่ถูกเสียที
"อื้อ...อย่ามายุ่งคนจะนอน" เสียงอู้อี้เอ่ยออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง พร้อมกับมือที่ยังไม่ละความพยายามจะสลัดสิ่งน่ารำคาญออกไป
"จะมานอนที่นี่ได้ยังไง ตื่นเร็วกลับบ้าน" วิธานย่อตัวนั่งลงหน้าคนขี้เซา มองใบหน้าของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาด้วยสายตาอ่อนโยน ทว่าเพียงวูบเดียวความเฉยชาก็เข้ามาแทนที่ เมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจ ไม่ได้น่ารักเหมือนที่เธอแสดงออกมา
"กอหญ้า ตื่นเดี๋ยวนี้" เสียงที่เอ่ยออกไปเปลี่ยนเป็นห้วนขึ้นมา จนคนถูกปลุกสะลึมสะลือเปิดเปลือกตาขึ้น และก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นวิธานนั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้า รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งในทันที
"ขอโทษค่ะ หญ้าเผลอหลับไป นี่มัน..." หันซ้ายแลขวาเพื่อหานาฬิกาดูเวลา ไม่รู้ตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนและหลับไปนานหรือยัง
"ทุ่มหนึ่ง ไปกลับบ้าน" ญาดาพยักหน้ารับ พร้อมกับหาวคำโตที่ยกมือขึ้นปากปิดแทบไม่ทัน
วิธานมองท่าทางงัวเงียสะลึมสะลือของคนที่นั่งหาวก็อึ้งไป เพราะตัวเองไม่เคยเห็นญาดาในมุมแบบนี้เลย ปกติตื่นมาทุกเช้าก็เห็นญาดาแต่งตัวเรียบร้อยนั่งยิ้มอยู่ข้างเตียง เพื่อมาปลุกให้เขาตื่น หรือจะพูดง่ายๆ ว่าตั้งแต่แต่งงานกันมาจะร่วมปี ญาดาตื่นก่อนเขาทุกวันนั่นเอง
"นี่หญ้าหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอคะเนี่ย ทำไมพี่ธามไม่ปลุกหญ้าล่ะคะ" เอ่ยขึ้นระหว่างที่ทั้งสองเดินออกมาจากห้องทำงาน และญาดาเพิ่งเห็นว่ามีเสื้อสูทของวิธานวางอยู่บนตักตอนที่หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง นั่นแสดงว่าเขาเอามาห่มให้เธออย่างนั้นใช่ไหม
"ก็เห็นหลับสนิท ไม่อยากกวน"
"พี่ธามคะ วันนี้เราแวะกินข้าวก่อนแล้วค่อยเข้าบ้านดีไหมคะ" เอ่ยถามด้วยความหวังอันเปี่ยมล้น เพราะวันนี้สถานการณ์หลายอย่างทำให้เธออาจมีโอกาสได้ทานอาหารเย็นกับสามีสักมื้อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่มองกลับมา เหมือนกำลังบอกว่าเธอเริ่มขอมากเกินไป ญาดาจึงรีบเอ่ยต่อ
" ถ้าพี่ธามเหนื่อย งั้นเรากลับกันเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหญ้าทำให้กินที่บ้านก็ได้ ไปกันเถอะค่ะ" คว้ามือหนาเดินตรงมายังลิฟต์ ประสานนิ้วมือกับชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะกระชับมือหนาไว้แน่น โดยที่วิธานก็ไม่ได้คัดค้านหรืออาจจะเป็นเพราะมัวแต่มองมือตัวเองที่ถูกจับไว้อยู่ก็เป็นไปได้
"แล้วไปทำยังไงรถเกิดอุบัติเหตุได้" เมื่อเข้ามาในลิฟต์วิธานก็เอ่ยถาม เรียกความฉงนสงสัยจากญาดาได้ไม่น้อย เธอคิดว่าเขาจะถามไถ่เธอแล้วซะอีก
"ก็หญ้าเลี้ยวออกมาคิดว่ามันทันไงคะ เห็นอยู่ตั้งไกล แต่พอเลี้ยวเท่าไหร่แหละเขาขับมาชนตูดเข้าเต็มๆ" ฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า
"ทำไมไม่รู้จักระวัง ดูให้แน่ใจก่อนสิแล้วค่อยเลี้ยว ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าเลี้ยวออกมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมด" ไม่รู้ว่านี่คือคำตำหนิหรือความเป็นห่วง ญาดาแยกไม่ออกด้วยซ้ำ ก็บอกแล้วไงว่าเธอโง่เขลานัก เพราะฉะนั้นเธอขอคิดว่านี่คือการเป็นห่วงจากสามีก็แล้วกัน
"ค่ะ"
และหลังจากนั้นภายในลิฟต์ก็เกิดความเงียบขึ้นไปโดยปริยาย จวบจนทั้งคู่เดินมาถึงรถของวิธาน หากถามหาความเป็นสุภาพบุรุษวิธานคงตอบว่าตัวเองก็พอจะมีอยู่บ้าง ทว่าเมื่อผู้หญิงคนนี้คือญาดา ไม่รู้ทำไมชายหนุ่มถึงเดินไปยังฝั่งคนขับและเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเสียอย่างนั้น
ส่วนคนที่เดินตามหลังมาเผลอเม้มปากตัวเองแน่น เธอไม่ได้คาดหวังให้วิธานเป็นสุภาพบุรุษกับเธอหรอก เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่แรก สิ่งที่เธอต้องการคือขอให้เธอได้เดินเคียงข้างเขาบ้าง ไม่ใช่เดินนำเธอเข้าไปนั่งรอในรถอย่างนั้น
แต่คิดในทางที่ดีหรือคิดในทางคนโง่ ซึ่งเธอรู้ตัวว่าเธอโง่มาตั้งเเต่วันที่เดินเข้ามาในชีวิตเขาแล้ว เขาอาจเข้าไปเปิดแอร์รอเธอในรถก็เป็นได้
รถยนต์แล่นเข้าสู่ถนนเส้นหลัก นับว่านี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ญาดาได้นั่งรถกับสามีในยามค่ำคืน หญิงสาวทอดสายตามองออกไปด้านข้างของตัวรถ ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยใดๆ มีเพียงสายตาของวิธานที่ชำเลืองมองหญิงสาวข้างกายเป็นระยะ โดยไม่เอ่ยอะไรออกมา จวบจนมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของญาดาดังทำลายความเงียบ หญิงสาวจึงรีบกดรับสาย
"สวัสดีค่ะคุณโย" เสียงหวานกรอกลงไปตามสายอย่างสนิทสนม แต่ยังไม่เรียกความสนใจคนที่นั่งเงียบเท่ากับเสียงที่ตอบกลับมาจากปลายสาย
แม้จะไม่ได้ยินว่าเอ่ยอะไร แต่ก็รู้ว่าเสียงนั้นไม่ใช่ผู้หญิง สายตาที่จับจ้องอยู่ถนนเบื้องหน้าตวัดกลับมามองภรรยา และยังทำตัวเป็นคนไม่มีมารยาทเอียงหูฟังไปแบบเนียนๆ เสียด้วยซ้ำ
"ค่ะ...วันไหนคะ...ได้ค่ะไม่มีปัญหา...ถ้าให้หญ้าแนะนำ หญ้าว่าจัดแบบเป็นชะลอมดีไหมคะ น่ารักดีค่ะ เหมาะแก่การเลี้ยงต้อนรับ... คุณโยชมเกินไปแล้วค่ะ ถ้าคุณโยสนใจหญ้าส่งแบบให้ดูทางไลน์นะคะ...ได้ค่ะ...ขอบคุณนะคะที่คิดถึงหญ้าตลอดเลย" ประโยคทิ้งท้ายของภรรยาทำเอาคนที่ไม่สนใจหันขวับกลับมามองในทันทีคิ้วกระตุกตึกๆ เผลอกำพวงมาลัยรถจนแน่น
คิดถึงอย่างนั้นเหรอ ไอ้คนนั้นมันเป็นใครกัน ทำไมถึงต้องบอกคิดถึงมันด้วยนะ และยังโทรมาหากันดึกๆ แบบนี้อีก ทั้งน้ำเสียงทั้งคำพูดฟังดูก็รู้ว่าสนิทสนมพอตัว
เสียงลมหายใจหนักที่กระแทกออกมา ทำให้ญาดาอดที่จะหันไปมองไม่ได้ และยังคิดว่าวิธานอาจจะรำคาญเธอหรือไม่ที่พูดเสียงดังรบกวนเขา จึงเลือกที่จะเงียบไม่เอ่ยอะไรออกไปกวนใจอีก
แต่การเงียบของญาดากลับทำให้อีกคนหงุดหงิดกว่าเดิม เพราะคิดว่าหญิงสาวมีเรื่องปิดบังตน ขนาดตนนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ยังกล้าบอกคิดถึงกัน หน้านี่ยิ้มแย้มตลอดเวลา ถ้าลับหลังจะขนาดไหน ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดใจ เผลอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
"เมื่อกี้หญ้าคุยโทรศัพท์รบกวนพี่ธามเหรอคะ ขอโทษด้วยค่ะ"
"ใครโทรมา" เขาไม่ได้เริ่มก่อนนะ ญาดาเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
"คุณโยค่ะ เป็นผู้จัดการโรงแรม พอดีคุณโยโทรมาสั่งขนมค่ะ"
"แล้วเราเป็นแม่ค้าหรือไงเข่าถึงได้มาสั่งกับเรา นี่มันกี่โมงแล้ว เลยเวลาทำงานแล้วไหม โทรมาดึกๆ ใช่เรื่องที่ไหน ต่อไปถ้าโทรมาค่ำมืดแบบนี้ไม่ต้องรับรู้ไหม" เสียงห้วนคล้ายกับไม่พอใจหรือหงุดหงิดของวิธาน ยิ่งทำให้ญาดาคิดว่าเธอคุยโทรศัพท์รบกวนเขานั่นคือเรื่องจริง
"ค่ะ" เลือกที่จะตอบรับออกไป ดีกว่าทำให้อารมณ์ของคนข้างกายขุ่นมัว แม้จะไม่เข้าใจก็ตามว่าทำไมวิธานถึงได้ทำเหมือนไม่พอใจขนาดนั้นด้วย เขาก็แค่โทรมาสั่งขนม หากถามว่าเธอคือแม่ค้าหรือไงก็คงใช่ เพราะเธอทำขนมขาย แต่เขาเองต่างหากที่ไม่เคยสนใจว่าเธอทำอะไรบ้าง คงคิดว่าเธอนั่งเล่นนอนเล่นอยู่บ้านเฉยๆ เป็นแน่