หญิงสาวร่างโปร่งบางในชุดนิสิตกำลังเดินช้าๆเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของเธอที่กำลังนั่งพูดคุยกันที่โตีะหินอ่อนไม่ไกลจากคณะเรียนของพวกเธอมากนักภายใต้ความร่มรื่นของต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาอยู่ในขณะนี้ เสียงหัวเราะใสๆของคนที่นั่งคุยกันนั้นดังประสานกันราวกับจะบอกว่าเรื่องที่เล่าสู่กันฟังนั้นสนุกสนานเพียงไรจนทำให้คนที่สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มกับภาพที่ตนเองกำลังมองอยู่
“เฮ้ย! หยุดๆ ยัยเรมาแล้ว” เสียงแจ้วๆของเพื่อนสาวร่างเล็กทำเอาเรณุกาอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“นินทาอะไรฉัน”
หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่ทรุดตัวนั่งลงบนที่ประจำบนโต๊ะประจำที่พวกเธอมักจะมารวมตัวกันในยามว่าง แม้สมาชิกในกลุ่มจะครบบ้างขาดบ้างแต่ก็มากันเสมอหากมีเวลาว่าง
“คร๊าย...ใครจะกล้าไปนินทาคุณหนูเรกันเจ้าคะ”
‘พีรดา’ เพื่อนสาวตัวเล็กร้องเสียงสูงในขณะที่ ‘คีตยา’ ได้แต่นั่งยิ้มน้อยๆตามแบบฉบับของเธอ
“งั้นก็แล้วไปนะยัยพี...แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอนินทาฉันล่ะก็...ตาย!”
หญิงสาวชี้หน้าเพื่อนสาวตัวเล็กพลางขู่สำทับอย่างไม่จริงจังนัก
“งั้นแสดงว่าน้องเรจะฆ่าพี่เหรอครับ”
ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่พูดขึ้นทำให้เรณุกาหันขวับไปมองเขาทันที ก่อนจะรีบยกมือไหว้ชายหนุ่มทำเอาเขารับไหว้แทบไม่ทัน พร้อมกับเผยรอยยิ้มเหยๆออกมาแทน ในขณะที่เขาได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอ็นดู
“พี่วินมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” หญิงสาวถาม เมื่อกี้ก็มัวแต่เถียงยัยเพื่อนสนิทสองคนเพลิน เลยไม่ได้สังเกตว่ายังมีชายหนุ่มในวงสนทนานี้ เห็นจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่นั่งเงียบนั่นแหละ
อนาวินหรือพี่วิน เป็นเพื่อนของรุ่นพี่ของเธออีกที ชายหนุ่มเรียนจบปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์และมีโครงการจะไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ...และที่สำคัญ
พี่วินคนนี้...คือหวานใจของเธอเอง
“มาก่อนหน้าน้องเรแค่ครึ่งชั่วโมงเองจ้ะ”
เรณุกาย้ายที่นั่งไปทรุดตัวลงมานั่งข้างๆชายหนุ่มเรียกสายตาหมั่นไส้จากเพื่อนสาวทั้งสองที่กำลังมองดูคู่รักตรงหน้า ทว่าเรณุกาไม่ได้สนใจ เธอยกมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้าด้วยอากาศยามบ่ายที่ร้อนอบอ้าว
หญิงสาวหันขวับไปมองชายหนุ่มคนข้างกายทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่ามือหนานั้นเอื้อมมากุมมือบางของเธอพลางสอดนิ้วทั้งห้าเข้ามากระชับแน่นกับมือน้อยของเธอ หญิงสาวมองคนหน้าตายที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของเขาแล้วใบหน้าหวานก็ได้แต่ซับสีเรื่อให้คนมองเพลินตาเพลินใจไปเท่านั้น
เรณุกานั่งคุยกับเพื่อนสาวทั้งสองสักพักก่อนที่จะขอตัวออกมาพร้อมๆกับชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม ด้วยว่าเธอและเขานัดกันไว้แล้วว่าจะไปดูหนังกัน ถือเป็นการเดทส่งท้ายก่อนที่เขาจะบินไปเรียนต่อในอีกไม่กี่อาทิตย์ถัดมา และเมื่อถึงเวลานั้นก็คงอีกนานว่าเธอและเขาจะได้เจอกัน
เธอมั่นใจ...ความรักที่เธอและเขามีต่อกัน มันจะไม่จืดจางไปตามระยะทางและกาลเวลาแน่นอน!
ถึงน้องเรสุดที่รัก
ขอโทษด้วยนะครับที่พี่เพิ่งติดต่อน้องเรมา พอดีพี่ยุ่งมากๆเลยล่ะจ้ะ กว่าจะจัดการอะไรๆให้เข้าที่เข้าทางได้ เลยขาดการติดต่อกับน้องเรไปเลยล่ะครับ หวังว่าน้องเรคงจะไม่โกรธพี่นะ ตอนนี้พี่ก็สบายดีนะจ๊ะ ถึงจะไม่ค่อยชินกับอากาศที่นี่เท่าไหร่ แต่ก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว อีกไม่กี่เดือนพี่ก็จะเปิดเทอมแล้วล่ะ เฮ้อ! ไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูกที่เลือกที่จะห่างจากน้องเรแบบนี้ ตอนนี้พี่คิดถึงน้องเรมากๆเลย ไม่รู้ว่าน้องเรจะคิดถึงพี่หรือเปล่าหนอ? แต่เอาเป็นว่าพี่จะเข้าข้างตัวเองนะว่าน้องเรก็คิดถึงพี่เหมือนกัน หวังว่าตอนนี้น้องเรคงจะไม่หัวเราะกับสำนวนลิเกของพี่นะ ไม่งั้นพี่คงเสียใจแย่เลยที่อุตส่าห์กลั่นออกมาจากใจแต่แทนที่น้องเรจะซึ้งกลับกลายเป็นขำ เอาล่ะๆ พี่เลิกเล่นแล้วก็ได้จ้ะ พี่เขียนมารายงานตัวกับน้องเรแค่นี้นะจ๊ะ ขอให้มีความสุขมากๆ คิดถึงพี่เยอะๆนะคะ...ที่รัก
คิดถึงน้องเรทุกลมหายใจ
พี่วิน
ป.ล. ที่พี่เขียนจดหมายแทนใช้อีเมล์เพราะอยากจะบอกน้องเรว่า ถึงระยะทางจะทำให้เราห่างไกล แต่หัวใจของพี่จะอยู่ที่น้องเรเสมอ...และตลอดไปนะจ๊ะ
เรณุกาได้แต่ยิ้มกว้างเมื่ออ่านจดหมายของอนาวินจบ หญิงสาวค่อยๆพับจดหมายนั้นอย่างทะนุถนอม เธอยังคงมีรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้ายามเมื่อได้คิดถึงเขา...พี่วิน
หญิงสาวจัดการสอดจดหมายนั้นลงในสมุดไดอารี่ของตนเอง พร้อมๆกับความตั้งใจที่ว่าต่อไปนี้เธอคงต้องไปหาซื้อกล่องลายสวยสักใบมาใส่จดหมายของคนที่เป็นเจ้าของหัวใจ
หญิงสาวมองลอดหน้าต่างผ่านม่านบางสีอ่อนที่กำลังพลิ้วไหวไปกับสายลม พระจันทร์ดวงโตที่บ่งบอกว่าในวันนี้เป็นเวลาข้างขึ้นสาดแสงนวลตา เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะปล่อยความคิดของตนไปถึงคนที่เปรียบเสมือนหัวใจของเธอที่บัดนี้อยู่ไกลกันคนละซีกโลก
แล้วเรจะรอวันที่พี่วินกลับมานะคะ