ตอนที่ 8-ตอนที่10

3295 คำ
เรวัฒน์เดินไปมาในห้องทำงานของตนเองอย่างคิดไม่ตกว่าเขาจะทำเช่นไรต่อไปดี ด้วยเวลาที่เขาขอจากอโณทัยได้หมดลงทุกอย่างแล้ว และพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะสามารถยื้อความลับที่เกิดจากความผิดพลาดของเขาเอาไว้ได้ พรุ่งนี้...คงถึงเวลาที่ความลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผยเสียที “สวัสดีคุณไทม์เขาสิลูก” เรณุกาที่ถูกตามตัวมาเมื่อห้านาทีที่แล้วกำลังทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างผู้ชายคนที่พ่อของเธอเรียกเขาว่า ‘คุณไทม์’ เธอเหลือบไปมองเสี้ยวหน้าของคนที่พ่อบอกก่อนจะยกมือไหว้เขาเมื่อดูท่าทางแล้วเขาน่าจะมีอายุมากกว่าเธอแน่ๆ หญิงสาวผินใบหน้ามามองหน้าบิดาที่ตอนนี้มีใบหน้าติดจะดูกังวลและทุกข์ร้อน ก่อนจะถามขึ้นว่า “คุณพ่อเรียกเรมา มีธุระอะไรเหรอคะ?” “...” เรวัฒน์ไม่ตอบ ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยสีหน้าที่ติดจะกลัดกลุ้ม และนั่นยิ่งเพิ่มความสงสัยให้เธอมากขึ้นไปอีก และที่สำคัญผู้ชายที่นั่งข้างกายเธอตอนนี้มาเกี่ยวอะไรด้วย! “ผมว่าถ้าคุณจะบอกอะไรลูกสาวคุณก็รีบๆบอกซะคุณเรวัฒน์ เพราะไม่ช้าก็เร็วยังไงเธอก็ต้องรู้อยู่ดี” อโณทัยพูดขึ้นเสียงเรียบในขณะที่สีหน้าของเรวัฒน์ดูจะทวีความอึดอัดและหนักใจมากยิ่งขึ้น แต่คนที่ดูเหมือนจะทั้งงุนงงและไม่เข้าใจเป็นที่สุดดูเหมือนจะเป็นคนที่มาทีหลังอย่างเรณุกา “นี่มันเรื่องอะไรกันคะคุณพ่อ คุณ...” หญิงสาวหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งข้างเคียงเธอก่อนจะพูดต่อ “พูดเรื่องอะไรกัน เรไม่รู้อะไร?!” “เร...” เรวัฒน์ครางชื่อลูกสาวออกมาเสียงแผ่วก่อนจะหันไปมองสบตากับอโณทัยเป็นเชิงขอร้องให้เขาออกไปก่อนแต่อโณทัยกลับวางหน้าเฉย เรวัฒน์เลยได้แต่ถอนใจออกมาอีกครั้ง ถ้าบอกว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งจะอายุสั้นไปหนึ่งปี...ตอนนี้เขาคงต้องเตรียมซื้อโลงให้ตัวเองได้แล้ว “เรฟังพ่อนะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พ่อจะให้เรย้ายไปอยู่ที่บ้านของคุณไทม์...” “อะไรนะคะ!” เรณุกาตะโกนออกมาเสียงลั่นทันที ก่อนจะหันขวับไปมองผู้ชายคนนั้นเต็มๆตาแล้วหันมามองสบกับสายตาที่แม้จะแสดงถึงความกลัดกลุ้มของบิดาแต่มันก็สื่อให้เธอได้รู้เช่นกันว่าท่าน...พูดจริง “พ่อพูดอะไรคะ จะให้เรย้ายไปอยู่บ้านใคร แล้วไปทำไม?” เธอถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนและคาดคั้น แต่ยังไม่ทันที่บิดาเธอจะได้ตอบอะไรอกมาผู้ชายที่นั่งข้างตัวเธอและเงียบมาตลอดที่เรวัฒน์บอกเรื่องที่น่าตกใจนี้กับลูกสาวก็พูดขึ้นมาว่า “คงต้องแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการนะเรณุกา...” เรณุกาหันขวับไปมองใบหน้าขาวของเขาแล้วเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อดวงตาคู่คมนั้นมองเธอเหมือนจะปรามไม่ให้เธอพูดอะไรขัดคอเขาขึ้นมาในตอนนี้ “...ฉันอโณทัย ศรันยภัทร นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...ฉันคือเจ้านายของเธอ!” ‘...ฉันอโณทัย ศรันยภัทร นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...ฉันคือเจ้านายของเธอ!’ เหมือนคำพูดของชายหนุ่มนั้นกระแทกใจเธออย่างแรง เรณุการู้สึกเหมือนหัวใจนั้นราวกับจะหยุดเต้น ใบหน้าหวานนั้นแลดูเผือดซีดลงก่อนที่เธอจะขยับริมฝีปากพูดเมื่อได้สติแล้วว่า “พูดบ้าอะไรของคุณ! ฉันไปสมัครงานกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” “อย่างเธอ...” เขากวาดมองไปทั่ววงหน้าเธอนิ่งก่อนจะตอบ “ไม่ต้องสมัครเองหรอกฉันเต็มใจรับ!” “หยุดพูดบ้าๆนี่เสียที!” หญิงสาวแหวลั่นก่อนจะหันไปมองบิดาที่นั่งหน้าซีดเผือด “คุณพ่อคะ? บอกเรมาซะที นี่มันเรื่องอะไรกัน!” “เร...ที่คุณไทม์พูดมาทั้งหมดน่ะถูกแล้ว ต่อไปนี้เขาถือว่าเป็นเจ้านายของลูก...” “แต่พ่อคะ! พ่อกำลังพูดอะไรพ่อรู้ตัวไหมคะ?” “รู้...พ่อรู้ดีทุกอย่าง...” เรวัฒน์โบกมือเป็นเชิงบอกให้เธอเงียบเมื่อเห็นว่าเธออ้าปากจะพูดขัดก่อนจะพูดต่อ “นอกจากคุณไทม์จะเป็นเจ้านายของลูกแล้ว...เขายังเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างของกิจจานุลักษณ์!” จบคำพูดของบิดาหญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกมือล่องหนตีหัวเธออย่างหนักจนมึนไปหมด ใบหน้าหวานหันไปมองคนข้างตัวที่ทำหน้านิ่งแต่ดวงตาของเขากลับทอประกายวาววับ...แปลกประหลาด เธอไม่ชอบสายตาของเขาตอนนี้เลย...ให้ตายสิ! ตอนที่ 9 “นอกจากคุณไทม์จะเป็นเจ้านายของลูกแล้ว...เขายังเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างของกิจจานุลักษณ์!” “อะไรนะคะ! เป็นไปได้ยังไง?” หญิงสาวตะโกนลั่น คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเธอหันไปสบกับดวงตาของชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างก็เห็นว่ามันดูแวววาวอย่างประหลาดก่อนจะสะบัดหน้าหันกลับไปมองบิดาอีกครั้ง เธอไม่ชอบสายตาของเขาตอนนี้เลย...ให้ตายสิ! “พ่อคะ พ่อพูดอะไรออกมา พ่อต้องล้อเรเล่นแน่ๆเลย ผู้ชายคนนี้จะมาเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างของบ้านเราได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” “ได้ไม่ได้มันก็เป็นไปแล้ว...” อโณทัยพูดออกมาเสียงเอื่อยราวกับกำลังพูดเล่นธรรมดา เรณุกาหันขวับไปมองหน้าคนพูดทันที “หรือเธออยากจะดูเอกสารยืนยันสิทธิ์ของฉันก็ได้นะ” พูดจบเขาก็เหยียดริมฝีปากออกมาเป็นรอยยิ้มหยันส่งให้เธอ หญิงสาวที่เห็นอย่างนั้นเลยได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างพยายามจะระงับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านในขณะนี้ “อ้อ...อย่างที่พ่อของเธอพูดนะเรณุกา...ฉันเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างของกิจจานุลักษณ์นั่นก็รวมถึง...คนที่ใช้นามสกุลนี้ด้วยนะ!” เรณุกาถึงกับเบิกตาโพลงทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา ผู้ชายคนนี้หมายความว่ายังไง? เป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างของกิจจานุลักษณ์? เป็นแม้กระทั่งเจ้านายของคนนามสกุลนี้ด้วยงั้นหรือ?! นี่หมายความว่าพ่อขายเธอให้เขา...หรือไม่ใช่?! ไม่จริง! ไม่จริงเด็ดขาด! มันเป็นไปไม่ได้! เสียงในใจร้องตะโกนขัดออกมาดังก้อง หากแต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ส่งผ่านแววตาเป็นเชิงถามกับผู้เป็นบิดาที่ตอนนี้มีน้ำตาคลอหน่วยตาแล้วมองสบกับเธอนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับรู้สึกตื้อในอก ความขมขื่นเหมือนกับจะติดอยู่ปลายลิ้นเพราะสิ่งที่บิดาสื่อบอกเธอผ่านสายตาทั้งหมดนั้นบ่งบอกให้เธอได้รับรู้ว่าเรื่องบ้าๆที่ไม่น่ามีในยุคสมัยนี้มัน...เป็นเรื่องจริง! เรื่องจริงที่เธอเคยได้แต่อ่านในนิยายแต่ตอนนี้กลับเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอแล้ว! “เอาล่ะ...” อโณทัยขยับกายเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้างกายเริ่มเงียบเสียงลง “เห็นแก่ที่เธอเพิ่งรู้เรื่องนี้นะเรณุกา...ฉันจะยืดเวลาให้เธอแล้วกัน...หวังว่าเย็นนี้ฉันจะเจอเธอที่บ้านของฉันนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเมื่อพูดจบ ก่อนจะหันมามองใบหน้าหมองของนายเรวัฒน์แล้วพูดต่อไปว่า “สำหรับคุณ คุณเรวัฒน์ ผมอนุญาตให้คุณอยู่ในบ้านหลังนี้ไปได้จนกว่าผมจะบอกให้คุณไป ซึ่งนั่นขึ้นกับว่าลูกสาวคุณจะทำตัวได้ดีแค่ไหนนะ” พูดจบอโณทัยก็หันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้แต่ความเงียบงันที่มีแต่ความอึดอัดรอบๆตัวสองพ่อลูกที่ตอนนี้หมดสิ้นทุกอย่างในชีวิตของตัวเองแม้กระทั่ง...อิสรภาพ เรณุกามองใบหน้าบิดาด้วยสายตาคลางแคลง แต่กว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ใจเธอนั้นกลับเชื่อในสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดไปหมดแล้วเพราะสิ่งที่ยืนยันความเชื่อของเธอได้นั้นไม่ใช่คำพูดของเขา...หากแต่เป็นสายตาของบิดาของเธอเอง! “เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแล้วล่ะค่ะพ่อ....และตอนนี้สิ่งที่เรอยากรู้มากที่สุดคือเรื่องบ้าๆนี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ?!” อโณทัยก้าวเท้าขึ้นมานั่งบนเบาะหลังรถคันหรูของตน ก่อนที่ประตูรถจะถูกปิดโดยฝีมือของสิรกร ชายหนุ่มเอนกายพิงกับเบาะหนังตัวนุ่มก่อนจะเหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มที่แม้แต่คนมองอย่างสิรกรยังรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่ออกมาจากรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น...ซาตาน สิรกรได้แต่แอบถอนหายใจอย่างสงสารคนที่ทำให้เจ้านายของเขายิ้มแบบนี้เหลือเกิน รู้ดีว่าเรื่องใดที่ถือว่าเป็นเรื่องดีของผู้ชายที่ชื่ออโณทัย...สำหรับฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย! ได้แต่ภาวนาว่าคราวนี้คุณไทม์จะไม่แกล้งผู้หญิงคนนั้นมากเกินไป สงสารแต่ผู้หญิงคนนั้นที่ดันเกิดมาสวยถูกตาต้องใจคนอย่างอโณทัย ซาตาน...ที่ไร้หัวใจ! เรณูกาถึงกับรู้สึกหมดแรงเมื่อได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด...ไม่เคยเลย ไม่เคยคิดเลยว่าพ่อที่แสนดีของเธอจะกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้! ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องเป็นฝีมือของผู้ชายคนนั้นแน่ๆ! เห็นแก่ตัวที่สุด! หญิงสาวสบถในใจพลางกำมือแน่นอย่างระงับอารมณ์โกรธจากการกระทำของผู้ชายคนนั้นแต่สิ่งที่เธอคิดไม่ออกเลยก็คือ... เขาจะต้องการตัวเธอไปทำไม?! หวังว่าเย็นนี้ฉันจะเจอเธอที่บ้านของฉันนะ! คำสั่งของอโณทัยเมื่อครู่ผุดขึ้นมาในสมองราวกับภาพที่ฉายย้อนกลับ เรณุกาได้แต่นึกเคืองในใจ...ผู้ชายคนนี้เห็นเธอเป็นคนยังไง...คิดว่าอยากได้ก็ต้องได้งั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! “พ่อคะ!” หญิงสาวพูดขึ้นเสียงดัง “พ่อเตรียมเก็บของได้เลยนะคะ เราจะย้ายออกจากที่นี่กัน...เรไม่มีวันยอมทำตามที่ผู้ชายคนนั้นสั่งอย่างเด็ดขาด! สิ่งที่เสียไปก็เป็นแค่ของนอกกายค่ะ...ไม่ตายเราก็หาใหม่ได้ ตอนนี้เรเรียนจบแล้ว เรจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเองนะคะ” สิ่งที่ลูกสาวพูดออกมาทำให้เรวัฒน์ถึงกับน้ำตาคลอ...เขาสงสารลูก...สงสารเหลือเกิน หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่ทำอย่างนั้นเลย... แต่เขาก็เป็นแค่มนุษย์ไม่ใช่พระเจ้ามาจากที่ไหน...จึงได้แต่ก้มหน้ารับกรรมในสิ่งที่ตนเองก่อขึ้น...แต่ลูกสาวเขาต้องกลายมาเป็นคนชดใช้! “พ่อขอโทษเรนะลูก...พ่อขอโทษ ขอโทษจริงๆ” เรวัฒน์พูดออกมาทั้งน้ำตา...และน้ำตาของคนเป็นพ่อก็ทำให้ลูกสาวอย่างเธอถึงกับรู้สึกจุกในลำคอ เรตัดสินใจถูกใช่ไหมคะ? บ้าน บริษัท เงินทอง...มันไม่สำคัญเลยถ้ามันทำให้เรไม่ได้อยู่กับพ่อ และเรก็...ทรยศต่อหัวใจของพี่วินไม่ได้เหมือนกัน! ตอนที่ 10 ในตอนเย็น เรณุกาก้าวเท้าลงจากรถคันเล็กของเธอก่อนจะเดินผ่านประตูไม้บานใหญ่เข้ามาสู่ภายในตัวบ้าน ที่เป็นห้องโถงกลางใหญ่ และไม่ต้องรอนานเลยเมื่อคนรับใช้คนหนึ่งปราดเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วราวกับรู้ว่าหญิงสาวมาทำไมโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากถาม “คุณไทม์ให้เชิญคุณไปที่ห้องรับแขกค่ะ” พูดจบเจ้าหล่อนก็เดินนำหญิงสาวไปทันที ไม่กี่นาทีหญิงสาวของเรณุกาก็มาหยุดยืนเบื้องหลังของผู้ชายคนนั้น ในขณะที่คนที่พาเธอมาถึงที่นี่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวมองหลังตรงที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศทั้งๆที่ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านของเขาแล้วก็ได้แต่เบ้ปากใส่ เชอะ! ไอ้คนขี้เก๊ก! เมื่อเห็นว่าเขาไม่คิดจะหันมาและเธอก็ไม่คิดจะเรียกเขาเช่นกัน ดวงตากลมโตจึงสอดส่ายมองไปทั่วๆห้องรับแขกนี้...แต่ยังไม่ทันได้สังเกตอะไรมากมายนักเจ้าของร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอก็หันหลังกลับมาเสียก่อน เป็นครั้งแรกที่เรณุกาได้เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนี้เต็มๆตา ใบหน้าหล่อเหลานั้นมิอาจทำให้เธอดูเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดได้เท่ากับดวงตาคมกริบของเขา...ดวงตาที่นอกจากจะมองคนให้ทะลุไปถึงสิ่งที่ซุกซ่อนภายในใจได้แล้ว ดวงตาคู่นี้อาจจะยังสามารถเกี่ยวหัวใจของเพศตรงข้ามที่มองมันได้ด้วยเช่นกัน! หญิงสาวสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกสติของตนกลับมา...นับแต่เวลานี้ไปเธอต้องมีสติติดตัวตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ผู้ชายตรงหน้านั้นฉกฉวยมันเพื่อเป็นโอกาสที่จะโจมตีเธอได้อีก “เชิญนั่งสิเรณุกา...” มือใหญ่ผายไปยังโซฟาหนังตัวใหญ่ก่อนเจ้าของร่างสูงจะทรุดนั่งลงตรงข้าม แต่เรณุกากลับเลือกที่จะยืนอยู่อย่างนั้น...เธอไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนักเพียงแต่ต้องการมาบอกบางสิ่งบางอย่างกับเขาเท่านั้นเอง อโณทัยที่เห็นหญิงสาวยืนตัวตรงหน้าเชิดก็ได้แต่ยักไหล่...เธอไม่อยากจะนั่งก็ไม่ต้องนั่ง ร่างสูงคิดพลางไขว้เท้าแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาสีครีมตัวหนาด้วยมาดที่ดูเหมือนจะผ่อนคลายแต่...คงมีแต่คนที่รู้จักเขาดีเท่านั้นถึงจะรู้ว่าต่อให้คนอย่างอโณทัยมีท่าทางแบบไหน...เหยื่อของเขาจะไม่มีวันหลุดมือเด็ดขาด! ดวงตาคมทอดมองหญิงสาวตรงหน้านิ่งก่อนจะเหยียดยิ้มออกมานิดๆแล้วสลายมันไปอย่างรวดเร็วเมื่อเรณุกาเริ่มหันมาพูดกับเขาว่า... “ฉันไม่ยอมรับในสิ่งที่คุณเสนอให้กับพ่อ...ฉันจะไม่มาอยู่ที่นี่...ไม่ยอมรับในทุกๆข้อเสนอเฮงซวยที่ปากคุณบอกว่ามันคือการช่วยแต่ที่จริงแล้วมันก็คือความเห็นแก่ตัวและมักมากของผู้ชายคนหนึ่งก็แค่นั้น!” หญิงสาวกำมือแน่นพร้อมกับตวัดตามองเขาด้วยแววตาวาววับ "ฉันและพ่อยินดีที่จะเสียไอ้ของนอกกายเหล่านั้นให้คุณแต่ต่อไปนี้หวังว่าฉันกับคุณจะต้องไม่มาพานพบกันอีก...สวัสดีและลาขาดค่ะคุณอโณทัย!” ดวงตาของอโณทัยวาววับด้วยแรงโทสะทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาวตรงหน้า ร่างสูงเปลี่ยนท่าทางจากที่นั่งอยู่เป็นลุกขึ้นยืนโดยพลัน ทำให้ร่างที่แลดูสูงใหญ่ของเขานั้นดูเหมือนจะข่มผู้หญิงปากกล้าที่ยืนตรงหน้าเขาให้ดูตัวเล็กลงลงไปอีก เรณุกาแอบหวั่นกับท่าทีเหมือนจะคุกคามของเขาอยู่เหมือนกันแต่เธอก็ทำเป็นนิ่งเฉยเพื่อไม่ให้เขาได้ใจว่าเธอนั้นกลัวเขา “คิดว่าเธอจะทำได้อย่างปากว่างั้นเหรอ...เรณุกา...” เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นในขณะที่ก้าวเท้าเข้าไปหาหญิงสาวช้าๆทำให้เธอต้องเดินถอยหลังไปด้วยเพื่อรักษาระยะห่างจากเขาเอาไว้ “ฉันไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหนคุณอโณทัย...แค่คุณเอาไอ้สิ่งที่คุณต้องการจากพวกฉันทั้งหมดไป แล้วปล่อยฉันกับพ่อไปตามทางของพวกเราก็แค่นั้น” “หึหึ...” เขาหัวเราะในลำคอเสียงหยันกับคำพูดของเธอทำให้คนฟังได้แต่รู้สึกฉุนขึ้นมาทันที “พูดง่ายจริงเรณุกา...แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายอย่างที่ปากของเธอพูดหรอกนะ...เธอคิดว่าสิ่งที่พ่อเธอเสียให้ฉันมันมีแค่บ้าน หุ้นบริษัท หรือทรัพย์สินอื่นๆที่เธอคิดว่าพ่อเธอเสียให้ฉันงั้นเหรอ?” “...” “ตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? กลับไปถามพ่อเธอซะว่าถ้าขายทรัพย์สินทั้งหมดจะพอใช้หนี้ฉันไหม?!” “แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะต้องการการใช้หนี้ในส่วนที่เหลือเป็นตัวฉัน...ทำไมไม่ให้เวลาพวกเราหาเงินมาทยอยใช้คุณ เลิกใช้ไอ้มุขเต่านั่นบีบฉันได้แล้ว ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่มีวันยอมรับข้อเสนอบ้าๆของคุณเด็ดขาด!” ดวงหน้าหวานเชิดขึ้นสบตากับเจ้าของร่างสูง ทั้งคู่ต่างสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่อโณทัยจะเหยียดยิ้มเยาะออกมาให้คนมองรู้สึกคันไม้คันมือเหลือเกิน “ดี!” ชายหนุ่มย้ำคำว่า ‘ดี’ ที่คนฟังรู้เลยว่าความหมายของมันไม่ได้ดีอย่างที่เขาพูดแน่ๆ “เห็นแก่ความใจกล้าและปากดีของเธอ...เรณุกา ฉันให้เวลาเธอสามวันเพื่อหาเงินทั้งหมดนั่นมาคืนฉัน...” ดวงตาคมเป็นประกายวาววับยามมองปราดไปทั่วหญิงสาวของหญิงสาวตรงหน้าอย่างจาบจ้วงจนทำให้คนถูกมองรู้สึกหน้าร้อนซู่ขึ้นมาทันที...ไม่ใช่เพราะอายหากแต่เธอกำลังโกรธ “แต่ถ้าหามาให้ไม่ได้...อิสรภาพของเธอจะเป็นของฉัน!” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากปากของร่างสูงทำให้เธอถึงกับโกรธจนระงับไม่อยู่ เธอโมโหมากถึงกับเดินกระแทกไหล่ชายหนุ่มให้ไปพ้นๆทางเธอเสียทีพร้อมกับพูดว่า “ตกลง...สามวันก็สามวัน!” แม้จะมองไม่เห็นหนทางว่าจะหาเงินจำนวนมากเหล่านั้นมาใช้เขาได้อย่างไรแต่หญิงสาวก็เลือกที่จะรับปากไว้ก่อน อย่างน้อยมันก็เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายให้เธอได้ยึดเกาะและดิ้นรนหาหนทางเพื่ออิสรภาพของเธอ “อ้อ...อีกอย่าง...ฉันอยากให้เธอรู้ไว้ว่าที่จริงแล้วเธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆกับฉันเลย...แล้วอีกอย่างที่เธอมาพูดปาวๆว่าสิ่งที่ฉันบอกกับพ่อเธอมันคือข้อเสนอ...ที่จริงมันคือสิ่งที่เธอ ‘ต้องทำ’ ต่างหาก ไม่ใช่ให้เธอมาต่อรองกับฉัน...จำเอาไว้!” “...” คราวนี้เรณุกาได้แต่มองเขาด้วยสายตาเกลียดชังอย่างเต็มตา หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินกระแทกเท้าออกไปจากบ้านของไอ้ผู้ชายบ้าอำนาจคนนี้ทันที อโณทัยมองตามหญิงสาวที่เดินลับหายไป ดวงตาคมที่ฉายแสงแรงกล้าเมื่อครู่ก็พลันแปรเป็นครุ่นคิด ดูดึงดันและ...ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขา...รอวันที่จะได้เธอมาแนบข้างมาเป็นปีนับตั้งแต่วันนั้น เขา...ไม่มีวันยอมปล่อยมือจากเธอเด็ดขาด! “กร!” อโณทัยเรียกชื่อคนสนิทที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องอยู่ไม่ไกลจากที่เขาอยู่แน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงเมื่อสิรกรโผล่ออกมาหาเขาทันทีที่สิ้นเสียงเรียกนั้น “จัดการตัดการช่วยเหลือของเรณุกาทุกวิถีทาง...อย่าให้ใครหน้าไหนช่วยเจ้าหล่อนได้...เข้าใจไหม?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม