“คุณเคยมาเที่ยวที่นี่ไหม” ชายหนุ่มเริ่มเปิดประเด็นถามหลังจากนั่งดื่มไปได้นิดหน่อย
“ไม่เลยค่ะนี่เป็นครั้งแรกของฉัน แล้วคุณล่ะ”
“ผมมาที่นี่หลายครั้งแล้ว”
“แสดงว่าคุณชอบเที่ยวแบบนี้ใช่ไหมถึงมาบ่อยๆ”
“ก็ไม่เชิงหรอกแต่มาแบบนี้มันได้สนุกอย่างเต็มที่ได้ปลดปล่อยตัวเองออกมา คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ก็ไม่สนใจหรอกว่าใครเป็นใคร ทุกคนต่างอยากมาหาความสุขแล้วคุณคิดเหมือนผมไหม”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ บางทีฉันทำงานเครียดๆ ก็อยากจะออกมาหาความสุข มาระบายความเครียดบ้าง”
“แล้วเป็นยังไงล่ะรู้สึกดีไหมที่ได้มาเที่ยวแบบนี้”
“รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ ฉันสนุก มากไม่คิดเลยว่าเสียงเพลงและเครื่องดื่มมันจะทำให้ฉันรู้สึกสนุกมากกว่าที่คิดไว้”
“ปกติคุณไม่ดื่มไม่เที่ยวเหรอ”
“มันก็มีบ้างค่ะแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่แล้วคุณล่ะ”
“มันก็ต้องมีบ้างตามประสาผู้ชาย เราคุยกันมาตั้งนานแล้วผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“เราคงไม่ต้องบอกชื่อจริงกันใช่ไหม”
“ใช่เรารู้จักกันแต่พอไปจากที่นี่ทุกคนก็จะทิ้งทุกอย่างไว้ ผมชื่อนนท์ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันชื่อวิวค่ะ ยินดีรู้จักเช่นกันค่ะคุณนนท์”
“แปลกเหมือนกันนะ เป็นผู้หญิงแต่มาเที่ยวที่นี่คนเดียว”
“ฉันไม่ได้มาคนเดียวหรอกฉันมากับเพื่อนน่ะ แต่เพื่อนเขาพาแฟนมาด้วยฉันก็เลยไม่อยากจะไปเป็นก้างขวางคอ”
“แล้วคุณทำไมไม่พาแฟนคุณมาด้วยล่ะ”
“คุณกำลังจะถามใช่ไหมว่าฉันมีแฟนหรือเปล่า”
“แล้วมีหรือเปล่าล่ะ” คุณานนท์ย้อนถาม
“เคยมีค่ะ แต่เลิกแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ผู้ชายมันห่วยไง”
“อยากเล่าให้ผมฟังไหมล่ะว่ามันห่วยแบบไหน”
“ถ้าฉันเล่าให้ฟังคุณก็ต้องเข้าข้างผู้ชายด้วยกันอยู่ดี”
“ลองเล่ามาก่อนสิผมอาจจะไม่ได้เข้าข้างเขาก็ได้นะ” คุณานนท์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรน่าสนใจทำให้เขาอยากจะคุยกับเธอ
วิรัลพัชรหันมามองหน้าชายหนุ่มก่อนจะยิ้มแล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวของตนเองกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนกับคุณานนท์ฟังเพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
วิรัลพัชรมีแฟนอยู่หนึ่งคนเขาเรียนคอมพิวเตอร์ธุรกิจทั้งสองคนคบกันตอนเรียนอยู่ปีสี่และพอเรียนจบต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานเขาได้ทำงานในบริษัทใหญ่กับผู้หญิงคนใหม่ที่เป็นถึงหลานสาวของบริษัทและช่วยเขาให้เติบโตในหน้าที่การงานได้ชายหนุ่มก็เลยเลือกที่จะทิ้งเธอ ทั้งที่เคยสัญญากันไว้แล้วว่าถ้าเรียนจบจะเก็บเงินสักก้อนจากนั้นก็จะมาใช้ชีวิตด้วยกันแต่มันก็เป็นเพียงแค่คำสัญญาลวง พอเขาได้เข้าทำงานเพียงแค่สามเดือนเขาก็บอกเลิกกับเธอด้วยเหตุผลว่าเขาเจอคนที่เหมาะสมมากกว่าเธอ
“ผมดีใจด้วยนะ”
“ดีใจกับฉันเรื่องอะไรคะคุณนนท์”
“ก็ดีใจที่คุณเลิกกับผู้ชายห่วยๆ คนนั้นมายังไงล่ะ เขาเห็นแก่ตัวมาก เท่าที่ผมฟังดูเขาก็ไม่ได้รักผู้หญิงคนใหม่เท่าไหร่หรอก ที่คบก็น่าจะหวังในเรื่องของหน้าที่การงานนั่นแหละ”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ เขาแปลกมากปกติฉันเจอแต่ผู้หญิงอยากจะจับผู้ชายรวยๆ แต่พอมาเจอแบบนี้ก็เลยรู้สึกค่อนข้างตกใจ”
“ผู้หญิงกับผู้ชายเดี๋ยวนี้มันก็ไม่ต่างกันหรอก ผู้หญิงก็อยากจะจับผู้ชายไม่รวยเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องลำบากในการทำงาน ส่วนผู้ชายก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เพราะบางครั้งผู้หญิงที่หน้าที่การงานหรือฐานะทางสังคมที่ดีก็จะช่วยส่งเสริมให้เขาสร้างตัวเองได้เร็วขึ้น”
“แล้วคุณเป็นผู้ชายแบบไหนกันล่ะ”
“ผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งแต่ไม่เคยคิดจะคบกับใครเพื่อนหวังผลประโยชน์หรอกนะ แล้วคุณล่ะเป็นผู้หญิงแบบที่เห็นเงินสำคัญกว่าความรักหรือเปล่า”
“ตอนแรกฉันก็โลกสวยค่ะ คิดว่าความรักสำคัญกว่าเงินแต่พอได้เรียนจบได้ใช้ชีวิตก็คิดว่าทั้งสองอย่างมันสำคัญพอๆ กัน”
“ถ้าสมมติว่าพี่ผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อมากตรงสเปกของคุณทุกอย่างแต่ฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่เขาเป็นแค่พนักงานธรรมดากับผู้ชายอีกคนหนึ่งหน้าตาธรรมดานิสัยก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่เขามีฐานะค่อนข้างรวยผู้ชายทั้งสองคนมาจีบคุณพร้อมกันคุณจะเลือกคนไหน”
“ฉันเลือกไม่ได้ในทันทีหรอกค่ะมันคงต้องลองคุยกันก่อนว่ามีทัศนคติตรงกันไหม ฉันเคยมีผู้ชายคนหนึ่งรวยมากๆ เขามาจีบ ตอนแรกฉันก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีถ้าได้คบกับเขาแต่ฉันกับเขาก็คบกันได้ไม่นาน”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะเขาใช้เงินซื้อทุกอย่างไงคะ เขาผิดนัดฉันแทนที่เขาจะขอโทษและอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงผิดนัดแต่เขากลับใช้วิธีซื้อกระเป๋าราคาแพงมาให้ฉันโดยไม่ได้พูดคำขอโทษเลย ฉันคิดเขาต้องนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายมากกว่า แต่ดูเหมือนเขาจะเห็นว่าเงินของเขามันสำคัญมากๆ สำคัญกว่าความรู้สึกของฉัน คนแบบนี้คบไปก็มีแต่จะกดฉันให้ต่ำลง”
“แต่ผมคิดว่ามีผู้หญิงบางคนก็ยอมเพราะจะได้สบายไม่ต้องทำงาน”
“มันก็จริงแต่คนเราทุกคนก็ต้องมีคุณค่าในตัวเองค่ะ ถึงงานที่ฉันทำเงินเดือนจะไม่เยอะแต่มันก็พอเลี้ยงดูตัวเอง” วิรัลพัชรคิดว่าตนเองไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินของผู้ชาย
“คุณพูดแบบนี้เหมือนไม่อยากมีแฟนเป็นคนรวยเลยนะ”
“ใครจะไม่อยากมีแฟนรวยกันล่ะคะ แต่การคบกันเขาก็ควรจะให้เกียรติฉันด้วยไม่ใช่เอะอะก็เอาเงินฟาดหัวแบบนั้นมันไม่โอเคเท่าไหร่ คนเราถ้ารักกันด้วยใจบางครั้งเรื่องเงินมันก็ไม่สำคัญถึงแม้มันจะเป็นปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิตแต่ฉันก็มีงานทำไม่จำเป็นต้องแบมือขอเงินของใคร”
“ผู้หญิงสมัยนี้ไม่ค่อยง้อผู้ชายแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะแล้วคุณล่ะมองยังไงกับเรื่องนี้ ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งทั้งสวยทั้งรวยเหมาะสมกับคุณทุกอย่างแต่ในขณะนั้นคุณกำลังรักผู้หญิงอีกคนหนึ่งหน้าตาธรรมดา ทำงานเป็นแค่เป็นมนุษย์เงินเดือนไม่มีหน้ามีตาในสังคมและครอบครัวของคุณอยากจะให้คุณแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมแต่คุณไม่ได้รักเธอคุณจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ”
“ผมต้องเลือกผู้หญิงที่ผมรักสิ”
“คุณจะไม่คำนึงถึงความเหมาะสมเลยเหรอคะคุณนนท์”
“ไม่หรอกผมมันเป็นประเภทไม่ชอบให้ใครมาบังคับน่ะ ถ้าผมรักผู้หญิงคนไหนผมก็รักจริงๆ ไม่สนใจหรอกว่าเธอจะรวยหรือจนจะเหมาะสมหรือเปล่าขอแค่เรารักกันก็พอ”
“ตอนนี้คุณก็อาจจะพูดแบบนั้นได้แต่ถ้าถึงคราวที่จำเป็นต้องเลือกจริงๆ คนเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองไม่ใช่เหรอคะ”