ตอนที่ 4
คุณพ่อขา
“วันนี้คุณพ่อขาทานข้าวเช้ากับพลอยสวยด้วยเหรอคะ?”
เสียงใสของลูกสาวคนเล็กทำให้ นกุล ยิ้มกว้างออกมา ด้วยภารกิจมากมายของงานในแต่ละวัน ทำให้เขาไม่ค่อยได้อยู่ทานมื้อเช้ากับลูกๆ ส่วนใหญ่เด็กทั้งสองจะทานมื้อเช้ากับคุณย่า หรือบางครั้งก็ทานเพียงลำพังโดยมีแม่บ้านและพี่เลี้ยงคอยดูแล
“พ่ออยากกินข้าวพร้อมหนูทั้งสองคนทุกวันเลยครับ”
“งั้นคุณพ่อก็กินทุกวันเลยไม่ได้เหรอคะ?”
เด็กหญิงพลอยสวยเอียงคอถามขณะบรรจงตักโจ้กหมูในชามกินอย่างตั้งใจ ขณะที่แฝดผู้พี่ได้แต่ชำเลืองมองผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยและไม่เอ่ยถ้อยคำใดออกมา
ผู้เป็นพ่อขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนกระดาษที่มีรูปถ่ายของผู้หญิงทั้งหมดหกคน ไปใกล้หน้าลูกสาวทั้งสองคน
“นี่คือ?”
เด็กทั้งคู่ชะงักเล็กน้อยเมื่อมองรูปถ่ายเหล่านั้นที่มีรูปของ พี่สาวไรเดอร์คนสวยอยู่ด้วย
“พี่เลี้ยงของหนูทั้งสองคนที่พ่อกับคุณย่าเลือกมา ไม่มีใครที่สามารถจะดูแลหนูได้เลย พ่อว่ามันจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์” คุณพ่อเอ่ยอย่างใจเย็น “ดังนั้นพ่อจึงให้หนูทั้งสองเป็นคนเลือกพี่เลี้ยงจากหนึ่งในหกคน และถ้าเป็นคนที่หนูเลือกแล้วหนูจะต้องรับผิดชอบพี่เลี้ยงที่หนูเลือกด้วย”
เหมือนบรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะเงียบไปสักพัก
ก่อนที่พลอยสวยจะเอ่ยขึ้น
“พลอยสวยเลือกพี่สาวคนนี้ค่ะ”
นกุล หลุบตาลงต่ำมองนิ้วชี้ของลูกสาวคนเล็ก ที่วางบนรูปของ สาวไรเดอร์ตัวป่วน ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่คาดไว้ ทว่าชายหนุ่มก็ยังวางสีหน้าเรียบนิ่ง เมื่อเห็นแฝดผู้พี่ยังคงเอาแต่ใส่ใจกับชามโจ๊กตรงหน้า
“อืม คนที่พ่อจะให้มาเป็นพี่เลี้ยงของหนูทั้งสองคน ต้องมาจากความพอใจของทั้งพลอยสวยและพลอยใสด้วยนะครับ”
ช้อนในมือของแฝดผู้พี่ถูกวางลง ก่อนที่มือเล็กจะจิ้มทับกับนิ้วชี้ของแฝดผู้น้องและเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อ โดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดๆออกมา
“พี่พลอยใสก็เลือกพี่ผึ้งคนสวยเหมือนกันค่ะ”
รอยยิ้มผุดปรายยังมุมปากของเด็กหญิงทั้งสอง ทำให้พ่อรูปหล่อพยักหน้ารับทราบ ดวงตาคู่สีนิลทอแสงอ่อนโยนลง เมื่อเพ่งมองแก้วตาดวงใจทั้งคู่
“ถ้าอย่างนั้น เราต้องมีข้อตกลงกันนะครับ”
“ค่ะ”
แฝดทั้งสองพยักหน้าและจ้องมองผู้เป็นพ่อตาใสแป๋ว
“...ว่าหนูทั้งสองต้องรักษาพี่เลี้ยงให้อยู่กับหนูให้นานที่สุด สัญญากับพ่อนะครับ”
“สัญญาค่ะ”
เด็กหญิงเอ่ยออกมาแทบจะพร้อมกัน และเป็นอีกครั้งที่ นกุล ได้ยินถ้อยคำที่หลุดจากปากของลูกสาวคนโต
.
.
ข้อมูลบนหน้าจอไอแพคที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ น้ำผึ้ง ถอนหายใจออกมา นี่เธอไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้ว่าผู้ชายที่เธอคิดว่าเป็นหมอเถื่อนคนนั้น คือ คุณหมอนกุล ณรงค์โชติ เจ้าของโรงพยาบาลเอ็กซ์วัน และเป็นบิดาของเด็กหญิงแฝดวัยสี่ขวบกว่าๆที่แสนน่ารักทั้งสองคนนั้น
คุณหมอนกุล เป็นหมอศัลยแพทย์ที่เก่งกาจหาตัวจับยาก ว่ากันว่าคนไข้ทุกรายหากได้รับการผ่าตัดโดยหมอผู้นี้เปอร์เซ็นต์ที่จะรอดคือเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ และเพิ่งจะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอ็กซ์วัน ต่อจากคุณพ่อของท่านซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตอนไปสัมมนา พร้อมภรรยาของคุณหมอและเพื่อนหมอหลายท่าน
ชีวิตคุณหมอ ก็น่าสงสารเหมือนกันแฮะ
แต่นั่นเธอไม่สงสัยเท่าไหร่
ที่ไม่เข้าใจคือ เขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาล
แล้วทำไมวันนั้นเขาถึงได้ผ่าตัดและทำการรักษาคนไข้ที่ฮิพผับ และทำท่าทางเหมือนกำลังจะก่ออาชญากรรมแบบนั้น ทำไมพวกเขาไม่พาคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาลของตน
หรือว่า ...มีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้น
ปึก!!
“รอนานมั้ยพี่ผึ้ง?”
เสียงทักของ น้ำเหนือ ผู้เป็นน้องชาย ทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยงและรีบพับข้อมูลไอแพคเก็บอย่างรวดเร็ว ด้วยวันนี้รถมอเตอร์ไซค์ของเธอเสีย เลยเข้าอู่ซ่อมและโทรบอกให้น้องชายมารับด้วยการนั่งรอที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆอู่
“ไอ้เหนือ พี่ตกใจหมดเลย”
“ขวัญอ่อนเสียจริง รถซ่อมเสร็จยังอ่ะ” น้องชายย่อกายลงนั่ง ก่อนจะโบกมือสั่งก๋วยเตี๋ยวให้ตัวเอง “ป้าๆเล็กน้ำพิเศษใส่ลูกชิ้นเยอะๆ”
“ยังไม่เสร็จ เหมือนเฮียกวงบอกต้องอีกสองวันเลยอ่ะ แย่เลยพรุ่งนี้พี่คงไม่ได้วิ่งงานแน่เลย”
“ไม่เป็นหรอกน่า พักสักวันจะเป็นไรไปจะได้ช่วยแม่ขายของด้วย วันก่อนเห็นว่าพี่ได้วิ่งงานพิเศษของพี่วาสไม่ใช่เหรอ? รับงานทีสบายไปเป็นเดือนเลย ว่าแต่ทำไมพี่วาสให้งานนี้กับพี่อะ?”
ถ้อยคำของน้องชายทำให้หญิงสาวชะงักมือที่กำลังคีบตะเกียบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
“หมายความว่าไง? ปกติพี่ก็ส่งของให้กับพี่วาสอยู่หลายครั้ง แล้วงานนี้ทำไมจะส่งไม่ได้”
น้ำเหนือ นิ่งไปสักพัก
“.....”
“ไอ้เหนือ มึงรู้อะไรมาแล้วไม่บอกพี่?”
น้องชายทำท่าอึดอัดเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไม่รู้อะไรหรอกน่า แต่เห็นว่างานของพี่วาสจะมีแบบธรรมดากับแบบพิเศษ ถ้าพิเศษส่วนใหญ่แกจะให้ผมกับไอ้เม่นวิ่ง แต่ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากกว่านั้น”
ธรรมดากับพิเศษ
พูดยังกับก๋วยเตี๋ยวเป็ดป้าติ๋มเลยแฮะ!
“พิเศษนี่คือยังไง?”
“ก็งานสำคัญที่ไม่เรียกผ่านระบบไรเดอร์ไง ผมเองก็ไม่เคยถามหรอก ว่าแต่....เมื่อวันก่อนพี่ไปส่งของที่ไหนเหรอ? หรือว่าไปเห็นอะไรมา”
ภาพและเสียงของเหตุการณ์ในคืนก่อน รีอัพกลับมาในโสตประสาทของเธออีกครั้ง
“รู้ไหม วันๆนึง มีคนถูกอุ้มหายโดยไร้ร่องรอยกี่คน”
แค่นึกถึงสีหน้าและน้ำเสียงนั้น ก็เหมือนขนอ่อนในกายของเธอจะเริ่มลุกชูชันด้วยความหวาดกลัว
“มะ..ไม่มีอะไร ส่งแล้วก็กลับ”
“ดีละ” น้ำเหนือพยักหน้า “รีบกินเถอะพี่ จะได้รีบกลับบ้าน วันนั้นกลับเร็วหน่อย ผมอยากอาบน้ำนอนดูบอลซะหน่อย”
สองพี่น้องจึงรีบจัดการกับก๋วยเตี๋ยวเป็ดตรงหน้า
ไม่นานนักทั้งคู่ก็กลับมาถึงบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กด้วยมอเตอร์ไซค์คันเก่ง ทว่าเบนท์ลีย์คันหรูสีดำที่จอดอยู่หน้าบ้านจนแทบจะไม่มีช่องว่างนั้นก็ทำให้ทั้งสองขมวดคิ้วย่นเข้าหากัน ด้วยสงสัยว่าเป็นรถหรูของใคร
“ใครมาอ่ะ รถอย่างแจ่มเลย”
น้ำเหนือเดินมองรถด้วยสายตาวาววับ ทว่าเสียงของแม่ที่คุยอยู่ด้านใน ก็ทำให้ทั้งสองตระหนักได้ว่าเจ้าของรถคันนี้น่าจะอยู่ในบ้านของตน
“จริงเหรอคะ คุณหมอรู้จักยัยผึ้งเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวป้าจะรู้จักกับคนระดับคุณหมอด้วย ต้องขอโทษด้วยนะคะที่บ้านรกไปหน่อย”
เสียงของแม่จากด้านในทำให้ น้ำผึ้ง ชะงักมือที่กำลังจะถอดรองเท้า
คุณหมองั้นเหรอ?
อย่าบอกนะว่า....
“ผมต่างหากละครับที่ต้องขอโทษ ที่มารบกวนโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ขอบคุณมากนะครับ”
ถ้อยคำแสนสุภาพนั้น แตกต่างจากฉากหลังที่เธอเห็นก่อนหน้ามาอย่างสิ้นเชิง
“อ้าว เหนือกับผึ้งกลับมาแล้วเหรอลูก เข้ามาๆ คุณหมอมารอหนูตั้งนานแล้วลูก”
ถ้อยคำของแม่ ทำให้ที่น้ำผึ้งที่กำลังเปิดประตูบ้านเข้าไปนั้น เหมือนเป็นสัญญานให้เธอหยุดหายใจลงเพียงแค่นั้น ยิ่งเมื่อสบสายตากับดวงตาคู่สีนิลบนใบหน้าหล่อสะอาดที่กำลังยกคิ้วสูงมองเธออย่างลุ่มลึก และเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ไง!”
***********
ตอนที่ 5
คุณพี่เลี้ยง
“คือคุณหมอถึงกับต้องตามหนูมาถึงบ้านเลยเหรอคะ? หนูบอกแล้วไงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหนูจะไม่บอกใคร”
น้ำผึ้ง เอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นระริก หลังจากที่น้องชายปลีกตัวขึ้นไปอาบน้ำดูบอลด้านบน ส่วนแม่ออกไปห้องเล็กที่เก็บผลไม้ด้านข้างเพื่อเตรียมผลไม้สำหรับขายในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้จึงเหลือเธออยู่กับ หมอปีศาจ เพียงลำพัง
“จะส่งเสียงดังอะไรขนาดนั้น?”
เสียงเขาเรียบเอื่อยเฉื่อยคล้ายไม่ทุกข์ร้อนกับอากัปกริยาร้อนรนของเธอแม้เพียงนิด น้ำผึ้งสังเกตว่าวันนี้คุณหมออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตไหมสีขาวสะอาดที่พับแขนไปจนถึงข้อศอก เผยให้เห็นแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนและมีรอยสักรูปร่างประหลาดโผล่ออกมาเล็กน้อย
ท่าทีของเขาดูสบายๆต่างจากสองครั้งแรกที่เธอได้เจอ
“คือหนูรู้สึกเหมือนตัวเองโดนคุกคาม”