บำเรอลับ 4 | ซวยซ้ำซ้อน

1553 คำ
#เวลา 00:30 น. นักร้องสาววัยละอ่อนนั่งตัวเกร็งอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มที่เมาได้ที่ เธอไม่กล้าที่จะหนีไปไหนแม้ว่าจะโดนลวนลามอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยคือเจ้านายของเธอ “คืนนี้ไปต่อกับเฮียมั้ยคนสวย” “ขอโทษนะคะ พอดีลินมีงานต่อ” ไพลินพยายามใช้คำพูดที่สุภาพและถอยห่างจากคนเมา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่รุนแรงทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวไปด้วย “เฮียรอได้ ปกติหนูลินเสร็จงานตอนไหน แล้วคิดราคาเป็นคืนหรือชั่วโมงบอกได้เลย เฮียพร้อมจ่าย” ไพลินถึงกับหมดความอดทนกับคำถามสองแง่สองง่ามของเพื่อนเจ้านาย พูดแบบนี้มันไม่ให้เกียรติกันชัดๆ “ลินต้องกลับแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ” ร่างสวยลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความโกรธ ทำไมผู้ชายถึงชอบทำตัวแบบนี้นะ คิดว่าคนทำงานกลางคืนจะขายตัวทุกคนเลยหรือไง ไพลินได้แต่บ่นในใจก่อนที่เธอจะถูกฉุดกระชากเข้าไปยังมุมมืด “อือ…” มือหนาที่ปิดปากไว้ทำให้ไพลินได้แต่ส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมา และพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดตลอดทางที่ชายร่างโตพาก้าวเดินไป กลิ่นแอลกอฮอล์ที่รุนแรงเพิ่มความหวาดกลัวให้ไพลินเป็นอย่างมาก “ไปสนุกกันนะคนสวย อ๊ะ! โอ๊ย!” คนเลวเอ่ยออกมาและพยายามลวนลามหญิงสาวอย่างคนหื่นกามก่อนที่จะโดนใครบางคนถีบเข้าไปที่แผ่นหลังจนเสียหลักพุ่งไปไกล “ไอ้สัส! มึงไม่อยากแก่ตายใช่มั้ยวะ!” ศรันย์ตะคอกออกไปด้วยท่าทางโกรธจัดแล้วพุ่งไปเอาเรื่องคนเมาจนลงไปกองกับพื้น ส่วนไพลินนั้นได้แต่ยืนตัวสั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่พี่ๆ ในร้านเข้ามาห้ามศรันย์ แต่ลูกเจ้าสัวใหญ่กลับไม่ฟังใคร ตั้งใจเอาไอ้หื่นเข้าคุกให้ได้ จนทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตลากคอคนผิดไปถึงสถานีตำรวจ กว่าจะจบเรื่องก็ปาไปเกือบตีสาม “โอเคมั้ย?” ศรันย์หันมาถามไพลินด้วยท่าทางเป็นห่วง เมื่อเห็นเธอเอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง ดูท่าทางจะยังขวัญเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ “โอเค ขอบคุณอีกครั้งนะ ถ้าไม่ได้นายฉันคงแย่” ไพลินพูดเสียงเบาแล้วหยุดชะงักไปเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ใบหน้าสวยถอดสีแล้วน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้ากลัวก็ไม่ต้องไปทำงานที่นั่นอีก ถ้าอยากได้เงินฉันจะจ้างเธอเอง แต่จะให้ทำอะไรขอคิดดูก่อน ตอนนี้เธอกลับไปพักได้แล้ว แล้วไม่ต้องคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีก!” ศรันย์ปลอบใจเพื่อนรักไม่ให้เธอคิดมาก แต่กลับเป็นเขาที่คิดมากซะเอง ที่เห็นคนที่รักต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ แบบนี้ “ขอบคุณนะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ขับรถกลับดีๆ นะ” ไพลินพยายามพูดไปให้ปกติ เพื่อไม่ให้ศรันย์เป็นห่วงเธอมากไปกว่านี้ เธอรู้ดีว่าเขาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน “โอเค เธอเข้าไปก่อนฉันถึงจะไป” ศรันย์ลดกระจกลงมองดูจนไพลินปิดประตูบ้าน ถึงขับรถออกมา ทันทีที่ประตูปิดลง เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “วันนี้ได้ลูกค้ากี่คน ถึงกลับมาเกือบเช้า” คำพูดและสายตาที่กำลังจ้องมาทำเอาหญิงสาวนิ่งไป เพราะไม่รู้ว่าวรานนท์จะมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วที่แปลกใจมากกว่านั่นคือเขายืนรอเธออย่างนั่นเหรอ หรือเขาลงมาทำอะไร ไพลินได้แต่ถามตัวเองในใจ “ไง! ถึงกับพูดไม่ออกเลยหรอ แต่ดูจากสภาพแล้วคงจะไม่ต่ำกว่าสองคนแน่ๆ” วรานนท์พูดเสียงเข้ม ในหัวนึกถึงแต่ภาพของเธอกับผู้ชายตอนอยู่ในร้านนั้น ถ้าเขาเดาไม่ผิด เธอต้องไปต่อกับพวกนั้นมาแน่ๆ ถึงได้กลับมาในสภาพแบบนี้ สายตาคมมองร่างสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า สภาพเธอตอนนี้แย่มากๆ อย่างกับโดนรุมโทรมมาอย่างไงอย่างงั้น เพราะชุดสวยที่อยู่บนตัวเธอตอนนี้มันดูหลุดลุ้ยยิ่งกว่าเศษผ้าซะอีก “คุณนนท์พูดเรื่องอะไรคะลินไม่เข้าใจ” หญิงสาวถามไปเสียงเบา ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงด้วยซ้ำ ทั้งร่างกายและจิตใจบอบช้ำไปหมด แค่เรื่องที่เจอมาก็แย่พอแล้ว ยังต้องมาโดนคนตรงหน้ามองด้วยสายตาที่รังเกียจอีก “มาถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังจะทำเหมือนตัวเองใสซื่อบริสุทธิ์อีกหรอ ทำไมถึงใฝ่ต่ำขนาดนี้ เงินที่ให้ใช้มันไม่พอหรือไง!” วรานนท์ตะคอกออกไปเสียงดัง มือหนายื่นไปบีบแขนเรียวด้วยอารมณ์โมโห ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อฝากฝังไว้ก่อนสิ้นใจให้ดูแลเธอ เขาก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเธอนักหรอก “หยุดทำตัวเป็นผู้หญิงหากินแล้วกลับไปตั้งใจเรียนซะ! ส่วนเรื่องเงินฉันจะเพิ่มให้เอง แล้วอย่าคิดว่าฉันพิศวาสเธอเหมือนผู้ชายพวกนั้นนะ เพราะที่ฉันทำก็เพราะคุณพ่อฝากให้ฉันดูแลเธอ อย่าทำให้ท่านผิดหวังในตัวเธอไปมากกว่านี้ แค่นี้คุณแม่ก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!” ไพลินได้แต่กลืนน้ำลายฝืดลงคอ ตอนนี้มันรู้สึกจุกและเจ็บไปทั้งใจ เธอไม่นึกเลยว่าจะได้ยินผู้ชายที่เธอรักมาพูดแบบนี้ ถ้าใครจะหาว่าเธอหวังสูงก็ตาม แต่เธอก็รักผู้ชายคนนี้ไปแล้ว รักมาตั้งแต่แรกพบเลยก็ว่าได้ วรานนท์เป็นผู้ชายที่ดูดีมากๆ ถึงจะดูนิ่งๆ แต่กลับดูอบอุ่นน่าค้นหา แล้วยังเก่งจนบริหารธุรกิจต่อจากคุณพ่อได้ทันทีที่ท่านเสียชีวิต “ที่ไม่ตอบคืออะไร หรือว่าเธอติดใจอาชีพนี้ไปแล้ว” วรานนท์พูดออกมาด้วยสายตาดุดัน ตอนนี้เขาถือว่าเขาเป็นผู้ปกครองของเธอ เพราะเขาคือคนที่ดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านหลังนี้ “ลินไม่รบกวนคุณนนท์หรอกค่ะ แค่มีที่ให้ซุกหัวนอนและมีข้าวกินก็เป็นพระคุณมากแล้ว” ไพลินตอบไปด้วยน้ำเสียงประชด เธอน้อยใจอยู่ไม่น้อยที่คนตรงหน้าคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น ทั้งๆ ที่เขาน่าจะเป็นคนที่รู้จักเธอดีที่สุด “อย่าประชด!!!” วรานนท์ตะคอกออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน “ลินไม่ได้ประชดค่ะ แต่ลินพูดความจริง แล้วคุณนนท์ก็ไม่ต้องห่วงว่าลินจะทำให้คุณท่านอับอายหรอกค่ะ เพราะอีกไม่นานลินก็จะออกไปจากที่นี่แล้ว!” ไพลินฝืนใจพูดไปอย่างน้อยใจ เพราะคนอื่นจะพูดยังไงเธอไม่เคยสนใจ และไม่เคยเก็บมาคิดให้รกสมอง ต่างจากคำพูดของผู้ชายคนนี้ เธอเจ็บปวดทุกคำที่เขาพูดออกมา มันเหมือนกลับมีมีดมากรีดลงกลางใจ “จะไปจากที่นี่งั้นหรอ ตอนไหนล่ะ” ใบหน้าหล่อเหยียดยิ้มออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะนอกจากเธอจะไม่ฟังที่เขาพูดแล้ว เธอยังดื้ออีกต่างหาก “อีกไม่นานหรอกค่ะ ลินกำลังเก็บเงินอยู่” ไพลินพูดออกไปพร้อมใจที่จุกหน่วง เขาจะรู้มั้ยที่เธอทนอยู่บ้านหลังนี้ได้ก็เพราะเขา แต่เขากลับเป็นคนไล่เธอซะเอง ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอจะทนอยู่ไปทำไม “เก็บเงินด้วยการขายตัวน่ะหรอ น่าภูมิใจชะมัด!” ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มที่มุมปากอย่างสมเพช แล้วก็ผิดหวังในตัวหญิงสาวเป็นที่สุด “ใช่ค่ะ! ถ้าคุณนนท์อยากให้ลินทำอย่างงั้น ลินก็จะทำ!” “ไพลิน!!” วรานนท์ตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห มือหนากระชากแขนเรียวเข้ามาหาตัวอย่างแรง จนใบหน้าสวยชนเข้ากับหน้าอกแกร่ง “ลินเจ็บนะคะ!!” ไพลินพยายามดันตัวออกจากการจับกุม แล้วก็รู้สึกกลัวอารมณ์ของชายหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มา เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลย “เจ็บสิดี จะได้จำไว้ ว่าอย่าประชดฉันแบบนี้อีก!” วรานนท์พูดออกไปพร้อมออกแรงบีบแขนเรียวแรงขึ้น เพื่อเรียกสติให้เธอเลิกทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น “ลินไม่ได้ประชด คุณนนท์เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอคะว่าลินขายตัว” หญิงสาวเงยหน้ามองอย่างท้าทาย เพราะแก้ตัวยังไงเขาก็ไม่เคยมองว่าเธอเป็นคนดีอยู่แล้ว “ก็ได้! อยากขายตัวนักใช่มั้ย” วรานนท์กดเสียงต่ำอย่างเหลืออด แล้วกระชากแขนเรียวให้เข้ามาชิดตัวอีกครั้ง “คุณนนท์ปล่อยลินนะคะ ลินเจ็บ!!!” “ขายครั้งละเท่าไหร่ ลองเสนอราคามาซิ ฉันจะช่วยซื้อให้ เผื่อเธอจะมีเงิน แล้วออกไปจากที่นี่เร็วขึ้น!!!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม