บำเรอลับ 1 | กาฝาก
#มหาวิทยาลัยชื่อดัง
กริ๊งงงง~
ทันทีที่ได้ยินเสียงหมดเวลาสอนบรรดานักศึกษาก็พากันทยอยออกมาจากห้องเรียน เช่นเดียวกับกลุ่มของไพลินที่กำลังเดินพูดคุยกันออกมาจากห้องอย่างอารมณ์ดี
“ตกลงคืนนี้เอาไง?”
เสียงของศรันย์หนุ่มหล่อพ่อรวยลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวใหญ่เอ่ยถามเพื่อนรักทั้งสองคน โดยที่ทั้งสองคนนั้นมีสถานะทางสังคมต่างกันราวฟ้ากับเหว มาริสาเป็นคุณหนูบ้านรวย ส่วนไพลินนั้นเปรียบเสมือนกาฝากของตระกูลดัง
“ฉันยังบอกไม่ได้อะ แต่ถ้าไปได้จะโทรบอกอีกที”
มาริสาพูดออกมาด้วยท่าทางเสียดายที่คืนนี้อาจจะอดไปดูเพื่อนรักอย่างไพลินร้องเพลง เพราะเธอเองต้องไปงานเลี้ยงกับคุณพ่อคุณแม่
“งั้นแสดงว่าเราไปกันสองคนน่ะสิ” ศรันย์พูดออกมาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบคอไพลินด้วยท่าทางทะเล้น
“ฉันต้องไปอยู่แล้วป่ะ” ไพลินพูดออกไปด้วยท่าทางนิ่งๆ เพราะเธอเป็นนักร้องที่ร้านดัง ไม่ไปได้ไงหล่ะ
“ถ้าอย่างงั้นฉันกลับก่อนนะ ไว้จะโทรหาอีกที” มาริสาบอกเพื่อนก่อนที่จะเดินแยกออกไป
“เอาไงต่อ กลับเลยป่ะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“อืม” ไพลินตอบกลับไปอย่างขัดไม่ได้ ถึงเธอจะบอกว่าไม่ให้ไปส่ง ศรันย์ก็ดึงดันจะไปส่งอยู่ดี
..
#คฤหาสน์กิตติคุณ
ใช่เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูก็จอดเทียบที่รั้วหน้าบ้านหลังใหญ่เหมือนที่เคยทำประจำ
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำตัวเหมือนโจรมาแอบขโมยของแล้วให้ฉันเข้าไปส่งเธอถึงในบ้านสักที”
ศรันย์หันไปถามไพลินด้วยท่าทางไม่พอใจ เพราะเธอเอาแต่บังคับให้เขาจอดให้เธอลงที่รั้วหน้าบ้านทุกครั้งที่มาส่ง ทั้งๆ ที่เขาก็รู้จักกับเจ้าของบ้านเหมือนกัน
“นายก็รู้หนิว่าคุณหญิงกับคุณหนูไม่ชอบขี้หน้าฉัน ถ้าขืนฉันให้นายเข้าไปส่งมีหวังโดนไล่ออกจากบ้านวันนี้แน่ๆ”
ไพลินพูดออกไปตามความจริง เธอมันก็แค่ผู้อาศัย จะโดนเฉดหัวทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น แต่ในระหว่างที่เธอยังไม่ได้โดนเฉดหัวทิ้ง เธอก็ขอเก็บเงินสักก้อนก่อน เผื่อวันไหนโชคร้ายได้โดนไล่ออกจากบ้านหลังนี้จริงๆ เธอจะได้ตั้งหลักได้
“เฮ้อ... รู้แล้วน่า เอาเป็นว่าถ้าเธอโดนไล่ออกจากบ้านเมื่อไหร่ ก็โทรหาฉันเป็นคนแรกก็แล้วกัน”
ศรันย์พูดตัดบทไปให้จบๆ เพราะยังไงไพลินก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไปส่งข้างในบ้านอยู่ดี
“โอเค ขอบใจนะที่มาส่ง”
“ถ้าจะไปที่ผับก็โทรมาล่ะกัน”
“โอเค”
ไพลินไม่ปฏิเสธที่จะให้ศรันย์มารับ เธอรู้ดีว่ายังไงศรันย์ก็ไม่ยอมให้เธอนั่งแท็กซี่ไปคนเดียวแน่ๆ โดยศรันย์ให้เหตุผลว่าผู้หญิงนั่งแท็กซี่ตอนกลางคืนคนเดียวมันอันตราย แล้วยังบอกอีกว่าถ้าเขาไม่มารับเธอเขาก็ออกไปเที่ยวอยู่ดี เสียเวลามารับนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป
‘เพื่อนนี่ก็หัวดื้อจริงๆ’ ไพลินยืนมองรถของศรันย์แล่นออกไปจนสุดสายตาก่อน เธอค่อยหันหลังกลับเข้าบ้าน ขณะที่ไพลินจะเปิดประตูบ้านเสียงแตรรถก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“เปิดประตูสิยะ มัวแต่ยืนมองอยู่ทำไมล่ะ”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากในรถ คุณหญิงวรมลมองกาฝากของบ้านด้วยสายตาชิงชัง แล้วยังหันไปพูดกับลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ อีก
“ดูมันสิ ทำยังกับบ้านตัวเอง แล้วมีผู้ชายมาส่งถึงหน้าบ้านอีก แม่ว่ามันต้องท้องก่อนเรียนจบแน่ๆ”
คุณหญิงวรมลพูดออกไปโดยไม่ทันมองหน้าของลูกสาวที่นั่งกัดฟันอยู่ข้างๆ ด้วยความอิจฉาริษยา วนิดาดูแค่รถก็รู้แล้วว่ารถคันนี้เป็นรถของศรันย์ คนที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่ศรันย์กลับไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
ไพลินรีบไปเปิดประตูรั้วบานใหญ่หน้าบ้านอย่างลำบาก เพราะมันทั้งใหญ่และหนัก พอเปิดได้แล้วเธอก็ยืนรอให้รถของเจ้าของบ้านแล่นผ่านเข้าไป
แต่พอกำลังจะปิดประตู รถอีกคันก็แล่นเข้ามาพอดี เจ้าของรถมองคนที่เปิดประตูด้วยสายตาสงสัย ไม่รู้ว่าเธอจะมาเปิดประตูทำไม มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอเลยสักหน่อย แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ถามอะไรเขาขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถแล้วยืนมองคนตัวเล็ก ซึ่งเธอกำลังพยายามปิดรั้วบ้านด้วยท่าทางนิ่งๆ
หลังจากปิดประตูบ้านเสร็จไพลินก็เดินอ้อมมาด้านหลัง ที่เป็นทางเข้าไปยังห้องพักของเธอ ตั้งแต่คุณท่านเสียไป ไพลินก็ถูกไล่ไปอยู่ห้องพักคนงาน เวลาที่เธอเข้าประตูหน้าบ้านเธอก็จะโดนคุณหญิงเจ้าของบ้านดุด่าสารพัด บางครั้งเธอก็แอบน้อยใจจนอยากจะออกไปให้พ้นจากที่นี่ ออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของใคร