ตอนที่ 1 :หนูไม่เหลือใครแล้ว
เอ้ก..เคลิม
“คุณ คุณ คุณ นายท่านครับเขาตายทั้งสองคน
เลยครับ“
เสียงสั่นของคนขับรถที่เห็นเหตุณ์การต่อหน้าต่อตา
เปิดประตูรถวิ่งลงไปดู 2 สามีภรรยาที่นอนแน่นิ่งอยู่
ด้านหน้าของรถหรูสีดำเงา เอ่ยบอกนายที่นั่งอยู่ภาย
ในรถด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ
ขณะที่รถอีกคันที่ชนเข้ากับรถกะบะจนพลิกคว่ำอยู่
เกาะกลางถนนร่างของคนที่อยู่ภายในรถกะบะ
กระเด็นออกมานอกรถ ขับหนีด้วยความเร็วสูง
หายไปอย่างไม่แยแสกับร่างของ 2 ชีวิตที่ไร้ซึ่ง
ลมหายใจ
”โทรเรียกรถพยาบาลมาเร็วสิวะ“
เสียงของชายผู้สูงวัยนั่งหน้านิ่งขมวดคิ้วอยู่ภายในรถ
ตะคอกเสียงดังให้ลูกน้องโทรเรียกรถพยาบาลมา
ในที่เกิดเหตุ ก่อนจะเปิดประตูรถเดินลงไปดูแล้ว
ต้องสลดใจกับภาพที่เห็น
“รถชนคนตายนี่ไปดูกัน”
ชาวบ้านในละแวกนั้นต่างก็เข้ามามุงดูศพของคน
ทั้งคู่พร้อมรถกะบะคันไม่ได้ดูเก่าจนเกินไปหงายท้อง
พังยับอย่างสลดใจ
ไม่นานนักรถพยาบาล และรถตำรวจมาถึงในที่เกิด
เหตุสอบสวนเรื่องราวพร้อมติดต่อญาติผู้เสียชีวิต
ให้มารับศพไปบำเพ็ญตามประเพณี
เสียงบรรเลงเพลงภายในงานศพ ทำให้หญิง
สาวในวัย 19 ปี นั่งร้องไห้เงยหน้าดูรูปหน้าโลงศพ
น้ำตาโรยรินอย่างไม่ขาดสาย ด้วยความเสียใจ
ในการจากไปของผู้เป็นพ่อและแม่อย่างกระทันหัน
“พ่อขาแม่ขาทำไมพ่อกับแม่ทิ้งหนูไปแบบนี้คะ”
ไอลินนั่งร้องไห้พึมพัมในลำคอพร้อมเงยหน้ามอง
ดูรูปผู้เป็นบุพการีด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
“ไม่เป็นไรนะไอลินพ่อกับแม่ท่านไปสบายแล้ว“
ร่างบางของเด็กสาววัย 19 ที่มีหน้าตาสวยหวาน
ผิวขาวใบหน้ารูปไข่ หันมากอดป้าแพงไว้พร้อม
ทั้งสะอึกสะอื้นในอ้อมอกของผู้เป็นป้าข้างบ้าน
ที่เห็นไอลินมาตั้งแต่เล็ก ๆ ตอนย้ายเข้ามาจากต่าง
จังหวัด 3 คน พ่อแม่ลูก มาเช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้าน
ที่ป้าแพงอยู่ก่อนแล้ว ป้าแพงจึงรักและเอ็นดูไอลิน
เหมือนหลานแท้ ๆ ก่อนเปียโนเพื่อนของเธอจะเดิน
เข้ามากอดปลอบใจเพื่อนอย่างเศร้าใจ
“หนูไม่เหลือใครแล้วค่ะป้าแพงพ่อกับแม่เขาทิ้งหนูไป
แล้วค่ะ”
ใบหน้าสวยที่ตอนนี้ร้องไห้จนตาบวมทั้งสองข้าง
สะอื้นร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดโอบกอดผู้ที่
นับถือและรักเหมือนเป็นป้าแท้ ๆ ไว้แน่น
ธนาชายสูงวัยอายุ 50 ปีดูเป็นผู้ดีทั้งผิวพรรณและ
เสื้อผ้าที่ใส่ ดูแตกต่างจากชาวบ้านคนอื่น ๆ เดิน
เข้ามานั่งภายในงานด้วยความสงสารและความ
เสียใจกับเหตุณ์การที่เกิดขึ้นเขาจึงอยากที่จะมา
ช่วยงานด้วยความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วย
กัน ก่อนที่จะนั่งดูหญิงสาวร้องไห้กอดผู้เป็นป้าด้วย
ความโศกเศร้าเสียใจอย่างเป็นที่สุด
“ไอลินผู้ชายคนนี้ไงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสาเต้นตรง
กระถางดอกไม้ด้านหน้าน่ะ เขาคือคนที่เห็นเหตุณ์
การและโทรเรียกรถโรงพยาบาลมาช่วยพ่อกับ
แม่เรา”
ป้าแพงที่มองไปเห็นธนานั่งรวมอยู่กับแขกคนอื่น ๆ
ภายในงานจึงบอกกับไอลิน เพื่อที่จะได้ถามถึง
รถคันที่ชนแล้วหนีหายไปในคืนนั้น
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณลุงคือคนที่โทรศัพท์เรียกรถ
โรงพยาบาลมาช่วยพ่อแม่หนูหรอคะ คุณลุงพอจะเห็น
รถคันที่ชนพ่อกับแม่หนูบ้างไหมคะ“
ไอลินค่อย ๆ นั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดไป มือสองข้างจับ
กุมกันไว้วางบนหน้าขาที่นั่งหนีบกันไว้ก่อนจะถามถึง
รถคันที่ชนพ่อกับแม่ของเธอจนเสียชีวิตแล้วหนี
หายไป
”ลุงเองก็ไม่เห็นรถคันที่ชนหรอกนะ เพราะถนนตรงนั้น
มันค่อนข้างที่จะมืด“
ชายสูงวัยหน้านิ่งตอบไอลินด้วยน้ำเสียงทุ่มเรียบ
ก่อนจะได้ยินเสียงหญิงสูงวัย ดูแล้วหน้าจะอายุ
ไม่ต่างจากเขาเท่าไรนัก
”หนูไอลินเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของสามีภรรยา
ที่เสียชีวิตไปค่ะ ตอนนี้เธอเองก็ไม่เหลือใครอีกอย่าง
เธอยังเรียนอยู่ค่ะ แล้วพ่อก็เป็นเสาหลักของบ้านที่หา
เงินส่งเธอเรียนค่ะ ส่วนแม่ก็รับจ้างซักรีดหาเงินพอได้
ใช้จ่ายภายในบ้านช่วยพ่อของเธออีกแรงค่ะเธอจึง
อยากจะรู้ว่ารถคันที่ชนคือใคร เพื่ออย่างน้อย ๆ เขา
จะได้รับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำได้บ้างค่ะ”
ป้าแพงที่เดินมานั่งที่เก้าอี้ด้านหลังของไอลิน เพื่อจะ
ช่วยหาคนที่ชนช่วยอีกแรง เพราะป้าแพงรู้ดีว่าไอลิน
เธอต้องเรียนต่อ และตอนนี้เสาหลักของบ้านได้จากไป
อย่างไม่มีวันกลับ เธอก็จะไม่มีเงินเรียนต่อ เพราะที่
ที่เธอเรียนค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงพอสมควร แต่ที่พ่อ
กับแม่เลือกที่จะให้เรียน เพราะเห็นว่าไอลินเป็นเด็ก
ดีตั้งใจเรียน เรียนดีพ่อจึงพยายามที่จะหาเงินส่งเธอ
เรียนในที่ดี ๆ เพื่ออนาคตจะได้มีงานดี ๆ เลี้ยงดูตัว
เองและพ่อแม่ได้
ชายสูงวัยเองก็ตั้งใจนั่งฟังด้วยความสงสาร ก่อนที่
จะเหลือบตามองใบหน้านวลเนียล ที่ตอนนี้ดวงตา
ดูเศร้าหมองภายในตาแดงก่ำ เพราะเพิ่งผ่านการ
ร้องไห้ก่อนที่จะเดินมานั่งคุยกับเขาเมื่อครู่นี้เอง
“แล้วเธอเรียนอยู่ที่ไหนละ”
ชายสูงวัยถามเสียงเรียบนิ่ง
“หนูกำลังจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย XXX ค่ะ
ตอนนี้หนูกำลังจะขึ้นปี 1 แล้วค่ะ“
ไอลินตอบคำถามของชายสูงวัยด้วยน้ำเสียงอ่อน
หวาน ดูเรียบร้อยนิ่ง ๆ ราวกับผ่านการเลี้ยงดูสั่ง
สอนมาเป็นอย่างดี
”หือ..หนูเรียนที่เดียวกันกับลูกชายของลุงเลยนิ
แต่ลูกชายของลุงอยู่ปี 4 แล้ว“
ชายสูงวัยดูสนใจมากขึ้นเพราะเธอเองก็เรียนที่เดียว
กันกับลูกชายของเขา
”งั้นหรอคะ“
ไอลินทำสีหน้าคุ้นคิดเบา ๆ
”แต่ลูกชายของลุงเขาเรียนวิศวะกรรมศาสตร์น่ะ
หน้าจะยังไม่รู้จักกันนะ เพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยสน
ใจใครแล้วก็ส่วนมากจะไปดูแลกิจการซะส่วนใหญ่“
ธนาพูดถึงลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่น ดวงตา
ดูยิ้มตลอดเวลาในตอนที่พูดถึงลูกชายของเขา
”งั้นหนูขอขอบคุณ คุณลุงอีกรอบนะคะ“
ไอลินยกมือไหว้ขอบคุณก่อนที่จะเดินไปนั่งดูรูปที่
หน้าโลงศพของพ่อกับแม่อีกครั้ง
ชายสูงวัยนั่งมองเด็กสาวด้วยความสงสาร ก่อนจะ
มองทะลุเข้าไปถึงภายในตัวบ้านที่เป็นบ้านชั้นเดียว
ดูไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก ภายในบ้านมีทีวี ตู้เย็น
ที่ถูกจัดวางอยู่ด้านหน้าประตูที่จะเดินเข้าไปอีกห้อง
ของด้านหลังบ้านและถ้าเขาเดาไม่ผิดหน้าจะเป็น
ห้องครัว ก่อนที่เขาจะมองกลับมาที่เด็กสาวอีกครั้ง
ตอนนี้เธอนั่งเงยหน้าดูรูปพ่อกับแม่ พร้อมมือปาดน้ำ
ตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
”เธออยู่กับพ่อแม่แค่ 3 คนหรอครับ“
ชายสูงวัยถามป้าแพง ที่นั่งดูไอลินที่เก้าอี้ตัวเดิมที่
เขานั่งเมื่อครู่นี้เช่นเดียวกัน
”อื่อ.อืมใช่ค่ะเธอเช่าบ้านอยู่กับพ่อแม่เพียงแค่ 3 คน
ตั้งแต่เข้ามาหางานทำเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แล้วค่ะ เธอเป็น
เด็กเรียนดีนะคะ ขยันช่วยพ่อแม่หาเงินเก่ง แต่ตอนนี้
พ่อแม่เธอไม่อยู่แล้วก็คงต้องหาเงินเรียนเอง หรือไม่
ก็ต้องออกมาหางานทำแหละค่ะ เพราะถ้าจะให้กลับ
ไปอยู่ต่างจังหวัดก็คงไม่ได้แล้ว เพราะตั้งแต่พ่อแม่เธอ
พาย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่เคยกลับไปที่บ้านเกิดอีกเลยค่ะ
ดู ๆ แล้วหน้าจะไม่มีบ้านที่นู่นด้วยมังคะ จริง ๆ ก็อย่าก
ช่วยรับเลี้ยงดูเธอนะคะ แต่ที่บ้านเองก็ไม่ได้มีเงินเยอะ
พอที่จะส่งเธอเรียนต่อได้ค่ะ”
ป้าแพงพูดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความสงสาร
แต่ถานะทางบ้านป้าแพงเองก็ไม่ได้ดีอะไรนัก หากิน
เลี้ยงครอบครัว ส่งลูกเรียนมัธยมปลายพอได้ใช้สอย
ไม่ต้องหยิบยืมใครก็เท่านั้น
ชายสูงวัยนั่งคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันหน้า
ไปมองเด็กสาวเพื่อให้แน่ใจ ก่อนที่จะหันหน้าไปคุย
กับป้าแพงอีกครั้ง
“ถ้าผมจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ คุณจะสะดวกไหมครับ”
ชายสูงวัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดูจริงจัง
ก่อนที่จะหันไปมองเด็กสาวอีกครั้ง เพื่อให้แน่
ใจกับการตัดสินใจรับเลี้ยงคนหนึ่งคนในครั้งนี้