ตอนที่ 7 : พ่อเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนนั้นหรอ

1720 คำ
“ธันวามาทานข้าวกับพ่อก่อนสิลูก” ธนามองไปเห็นธันวาผู้เป็นลูกชายคนเล็กกำลัง ก้าวขาเข้ามาภายในบ้านหลังจากที่ไม่ยอมเข้า บ้านมาเกือบจะ 2 อาทิตย์ “ไม่ครับผมไม่หิว” ก่อนที่จะก้าวขาเดินตรงไปที่บันได หน้านิ่งเรียบ “พักนี้ลูกไม่ค่อยคุยกับพ่อเลยนะ” ธนาหมุนตัวก่อนจะหันหน้าตามลูกชายที่กำลัง เดินผ่าน ธันวาหยุดชะงักก่อนที่จะค่อย ๆ หมุนตัวแล้วหันหน้ามา คุยกับธนาผู้เป็นพ่อ ”พ่อผมขอถามอะไรพ่ออย่างได้ไหม“ เขาพูดเสียงเข้ม ดวงตาเย็นเยียบจ้องมอง คนเป็นพ่อนิ่ง ”ได้สิว่าไง“ ธนารู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่ลูกชายเขาจะถามนั่นคือเรื่อง ของไอลิน เด็กสาวที่เขารับมาเลี้ยง ”พ่อเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนนั้นหรอ“ ก่อนที่จะเหลือบตาไปมองเห็นรูปแม่ที่แขวนไว้ “ใช่พ่อรับเขามาเลี้ยงดู แต่พ่อมีเหตุผลของพ่อที่รับเธอ เข้ามาเลี้ยง“ เสียงนิ่งเรียบ ”เหตุผลงั้นหรอ เหตุผลอะไรเธอยังดูเด็กมากนะพ่อ พ่อกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ตั้งแต่แม่จาก ไปพ่อไม่เคยที่จะมีแม้กระทั่งเมียใหม่ แต่ทำไมกับเด็ก คนนี้พ่อถึงต้องรับมาเลี้ยงดูขนาดนี้คนอื่น ๆ ที่เขา โตกว่าเด็กอายุแค่ 19 หรือ 20 ปี ก็มีทำไมพ่อไม่ สนใจ“ ธันวาเสียงสั่น ความจริงแล้วเขาเองอยากคุยเรื่องนี้กับพ่อมา นานแต่ด้วยที่ตัวเขาเองยังไม่พร้อมที่จะรับรู้เขา จึงเลือกที่จะเงียบ “ใช่แต่พ่อก็มีเหตุผลของพ่อ” “พ่ออายุปูนนี้แล้วพ่อยังอยากจะรับเด็กมาเลี้ยง งั้นหรอผมผิดหวังในตัวพ่อจริง ๆ เด็กคนนั้นอายุ ไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำไปพ่อไม่กลัวคนอื่นมองว่าพ่อ เป็นคนแก่หัวงูบ้างเลยหรือยังไง ผมไม่เคยเห็นพ่อ เป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำตังแต่ที่แม่จากไปพ่อเลี้ยงดู ผมกับพี่เมษามาเป็นอย่างดี พ่อไม่เคยทำให้ผมกับพี่ ผิดหวังเลยไม่ว่าเรื่องอะไร แล้ววันนี้พ่อบอกเลี้ยงเด็ก นักศึกษางั้นหรอหือ หือ หือ หน้าขำดีจริง ๆ” “มันไม่ใช่แบบที่ลูกกำลังเข้าใจ ลูกกำลังเข้าใจพ่อผิด พ่อแค่รับเธอมาเลี้ยงเพราะพ่อแม่เธอเสียชีวิตลงด้วย อุบัติเหตุอย่างกระทันหัน เธอไม่มีเงินไม่มีบ้านพ่อจึง รับเธอมาเลี้ยงเพื่อที่จะให้เธอได้เรียนต่อให้จบเท่านั้น เอง” ธนาพยายามที่จะอธิบายเพื่อให้ลูกชายเข้าใจ “พวกคนแก่ที่ชอบรับพวกนักศึกษาเข้ามาเลี้ยงก็มักจะ หาข้ออ้างยังงี้กันทั้งนั้นแหละ หือ หือ” ธันวาขำในลำคอ ก่อนที่จะก้าวขาเดินขึ้นบันไดไปโดย ไม่ฟังที่พ่อพยายามที่จะอธิบายให้เขาเข้าใจ “นี่ธันวาฟังพ่อก่อน ธันวาลงมา“ ธนาตะโกนตามหลังธันวาเสียงดังลั่นบ้าน แต่เขาก็ไม่ แม้แต่จะหันกลับมาแม้แต่น้อย “คุณท่านคะ” “ไม่เป็นไรปล่อยเขาไปก่อน” ธนายกมือบอกป้าแมวไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น “ค่ะคุณท่าน” ก่อนที่จะเงยหน้ามองตามธันวาที่เดินขึ้นบันไดไป อย่างอารมย์โมโห “ปัดโธ่เว้ย” ธันวาชกเข้าที่ฝาผนังห้องอย่างเต็มแรง กำมือแน่น ก่อนจะมีเลือดซิบออกตามข้อนิ้วมือ เช้าของวันต่อมา ติ๋ง..แอพสีเขียวดังขึ้น “ไอลินแกอยู่ที่ไหนเนี่ย” “ฉันกำลังไป” “เร็ว ๆ สิอาจารย์จะเริ่มสอนแล้วนะ” “โอเคร โอเคร” ก่อนจะรีบก้าวเท้าวิ่งขึ้นบันได เพราะลิฟท์เพิ่ง จะถูกกดขึ้นไปตอนที่เธอวิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่วินาที นี่เอง “ฮุ้ย..นี่ฉันต้องวิ่งขึ้นบันไดใช่ไหมเนี่ยฮ้อย..“ ก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งตรงไปที่บันได ก้าวเท้าวิ่งขึ้น บันได ฉับ ฉับ ฉับ สลับซ้ายขวา ก่อนจะวิ่งมาชน เข้ากับผู้ชายร่างใหญ่ที่ ชั้น 4 ของอาคารเรียน พรึบ.. ”ว้าย..“ หนังสือที่อยู่ในมือหล่นลงพื้นจนหมด ”นี่เธอ“ ธันวาที่ถูกรุ่นน้องต่างคณะวิ่งชน ก่อนที่เข้าจะก้มลงเก็บ หนังสือช่วย เขาเหลือบมองหน้าเธอขณะที่เธอกำลังก้ม ลงเก็บหนังสืออย่างเร่งรีบ เขาต้องตกใจกับเด็กรุ่นน้อง คนที่ใบหน้าสวยเมื่อเขาเห็นว่าเป็นคนเดียวกันกับ ที่เขาเห็นที่บ้านเขาในวันนั้น เมื่อนึกถึงหัวใจของเขา รู้สึกปวดร้าวไปทั้งหมด เมื่อคิดว่าเด็กคนนี้คือเด็กของ พ่อเขาที่พ่อของเขาเลี้ยงไว้ ส่งเสียงเงิน ทั้งให้อยู่คอนโด ที่เขาเป็นคนดูแลอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะเงยหน้ามองร่าง เล็กของเด็กสาวที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรู้สึกรังเกียจ พร้อมเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ”ขอบคุณค่ะ หนูขอโทษนะคะ“ เสียงหวานของปากเล็กอมชมพูขยับปากเพียงเล็กน้อย เอ่ยคำขอโทษแล้วก้มหน้าวิ่งขึ้นบันไดต่อไปยังห้องเรียน ที่อยู่ชั้น 5 ”เฮ้ยไอ้ธันวามึงมองน้องเขาขนาดนั้นมึงสนใจน้องเขา หรอวะ“ บูธถามแซวเพื่อนขึ้นเมื่อเห็นว่าธันวาเอาแต่จ้องมอง เด็กรุ่นน้องปี 1 ราวกับสนใจเธอ ”พรมลิขิตหรือเปล่าวะเนี่ย“ ไทร์แซวบ้าง ”อะไรของพวกมึง“ ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปเหยียบเข้าที่ป้ายชื่อของเธอ ก้มลงเก็บขึ้นมากำไว้ในมือ ก่อนที่จะอ่านป้ายชื่อของ เธอแล้วยัดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ “เฮ้ยมีป้ายชื่อน้องเขาด้วยวะมึงนี่ร้ายนะเนี่ยน้องเขา มายังไม่ทันจะถึงเดือนเลยได้ป้ายชื่อน้องเขามาแล้ว หรอวะ” อาร์เธอร์ที่เพิ่งเดินมาเห็นธันวายัดป้ายชื่อเด็กสาวรุ่น น้องลงในกระเป๋าเสื้อ “มึงจะบ้าหรอไงวะน้องเขาทำหล่นไว้มึงนี่คิดดีไม่ได้เลย“ พร้อมขมวดคิ้วเดินลงไปชั้นล่าง ฉับ ฉับ ฉับ “รอด้วยดิวะแม่งแซวแค่นี้หน้าแดงเลยหรอวะมึงอ่ะ” อาร์เธอร์ตะโกนพร้อมวิ่งลงบันไดตามธันวาไป “แกเมื่อตอนที่ฉันวิ่นขึ้นวันไดมาฉันชนกับผู้ชายคณะ วิศวะคนนึงด้วยแหละ“ หลังจากหมดเวลาเรียนสองสาวลงมานั่งคุยกันที่ ใต้อาคารก่อนที่ไอลินจะเล่าให้เปียโนฟัง ด้วยที่เห็น เสื้อคณะสีแดง ที่เป็นเอกลักษณ์ของคณะวิศวะจึง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคณะวิศวะ ”จริงหรอแล้วเขาหล่อไหมแก พรหมลิขิตแน่เลยอ่ะแก ฮุ้ย..เขินอ่ะแก“ ”หือ..แกจะบ้าหรอฉันไม่ทันจะได้มองหน้าเขาเลยด้วย ซ้ำฉันรีบก็เลยเก็บของ เสร็จแล้วก็วิ่งออกมาเลย” “แกนี่ไม่ได้เรื่องเลย” ทำหน้าผิดหวัง “นั่นมันเด็กรุ่นน้องที่วิ่งชนมึงเมื่อเช้านี่หว่าไอ้ธันวา” ธันวาและแก๊งกำลังเดินไปเรียนอาคารที่ต้อง เดินผ่านตรงที่ไอลินนั่งอยู่พอดี “มึงเอาป้ายชื่อไปคืนนี้เขาดิวะแล้วก็ขอเบอร์น้องเขา มาเลยสวยชิปหายเลยวะ ตัวเล็กนิดเดียวแต่หน้าอกแม่ง ใหญ่ชิปหาย” ตินแนะนำเพื่อนพร้อมจับไหล่ธันวาเดินตรงเข้าไปหา ไอลินที่นั่งคุยอยู่กับเปียโน สายตาแวววาวเจ้าเล่ “ไม่ไปกูยังไม่คืน” ก่อนที่จะเดินรอบสนามหญ้าไปอีกฝั่งเพื่อที่จะไม่ต้อง เดินผ่านบริเวณที่ไอลินนั่งอยู่ “เอ้าไอ้ธันวา” ตินกับอาร์เธอร์วิ่งตามหลังมาแบบงง ๆ “มึงเขินน้องเขาหรอวะ” ตินถามขึ้นพร้อมยิ้มมุมปาก “ปล่าวกูแค่ไม่อยากเดินไปทางนั้น” ธันวาก้าวเท้าเดินฉับ ๆ ไปที่ชั้น 3 ของอาคารคณะวิศวะ “เอ้าเมื่อกี้กูยังเห็นมึงจะเดินไปทางนั้นอยู่เลย” “ก็ตอนนี้กูไม่อยากไปจบปะ” ธันวาเดินเข้ามาภายในห้องเรียนที่อยู่ชั้น 3 ของอาคาร โต๊ะที่เขานั่งเรียนบังเอิญมองไปเห็นที่ ที่ไอลินนั่งพอดี “น้องไอลินพี่ซื้อขนมมาฝาก” อาร์ทและเพื่อน ๆ เขาอีก 3 คนเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ เดียวกันกับไอลินนั่งอยู่ “อ้อ..ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นมือหยิบที่ถุงขนมก่อนที่จะเอามาวางไว้ให้เปียโน กินด้วยกัน “วันนี้มีเรียนตอนไหนคะ“ อาร์ทเอ่ยถามพร้อมก้าวขาเข้ามานั่ง ”ตอนเช้าค่ะเพิ่งจะออกจากห้องเรียนมาเองค่ะ“ ”แล้วพี่อาร์ทไม่มีเรียนหรอคะ“ เปียโนเอ่ยถามขึ่นเสียงดัง ”มีตอนบ่ายครับ“ ”อ้อมีเรียนบ่าย แต่ว่ามาแต่เช้าเลยนะคะเนี่ย“ ก่อนเปียโนจะหยิบถุงขนมขั้นมาแกะกิน ”ครับพี่ตั้งใจว่าจะเอาขนมมาให้ไอลินน่ะครับ“ ยิ้มหวาน ”อืม..ไอลินเขาบอกว่าซื้อมาให้แกอ่ะ“ เปียโนยื่นถุงขนมให้ไอลิน ”แกกินก่อนเลยฉันไม่หิวอ่ะ“ ”งั้นฉันกินเอง“ เปียโนยักคิ้วก้มลงมองถุงขนมหยิบขนมเข้าปากด้วย ความสบายใจ ทั้ง 5 คนนั่งคุยกันทั้งยิ้ม และก็หัวเราะ โดยที่มีสายตาของธันวามองลงมาจากอาคารเรียน เขามองไอลิน ที่ตอนนี้ทั้งยิ้มและหัวเราะอย่างสุขสบาย ไม่เห็นจะดูทุกข์ร้อนอะไรอย่างที่พ่อบอกเลยซักนิด พรางคิดว่าพ่อโกหก อยากจะมีเด็กเอาไว้เลี้ยงแล้วมา หาเรื่องโกหกเขา ”หือ หือ หว่านเสน่ห์ไปทั่วเธอคงหาเงินสินะทั้งจากพ่อ ของฉัน จากที่ไปทำงานที่คลับ และก็หว่านเสน่ห์ที่ มหาลัยจากผู้ชายพวกนี้“ ธันวาพึมพัมในลำคอ พร้อมสายตาที่เกรี้ยวกราด คมกริบเธออยากเกลียดแค้น และรังเกียจอย่างที่สุด ก่อนจะหยิบป้ายชื่อออกมากำไว้ที่มือแน่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม