“ธันวามาทานข้าวกับพ่อก่อนสิลูก”
ธนามองไปเห็นธันวาผู้เป็นลูกชายคนเล็กกำลัง
ก้าวขาเข้ามาภายในบ้านหลังจากที่ไม่ยอมเข้า
บ้านมาเกือบจะ 2 อาทิตย์
“ไม่ครับผมไม่หิว”
ก่อนที่จะก้าวขาเดินตรงไปที่บันได หน้านิ่งเรียบ
“พักนี้ลูกไม่ค่อยคุยกับพ่อเลยนะ”
ธนาหมุนตัวก่อนจะหันหน้าตามลูกชายที่กำลัง
เดินผ่าน
ธันวาหยุดชะงักก่อนที่จะค่อย ๆ หมุนตัวแล้วหันหน้ามา
คุยกับธนาผู้เป็นพ่อ
”พ่อผมขอถามอะไรพ่ออย่างได้ไหม“
เขาพูดเสียงเข้ม ดวงตาเย็นเยียบจ้องมอง
คนเป็นพ่อนิ่ง
”ได้สิว่าไง“
ธนารู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่ลูกชายเขาจะถามนั่นคือเรื่อง
ของไอลิน เด็กสาวที่เขารับมาเลี้ยง
”พ่อเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนนั้นหรอ“
ก่อนที่จะเหลือบตาไปมองเห็นรูปแม่ที่แขวนไว้
“ใช่พ่อรับเขามาเลี้ยงดู แต่พ่อมีเหตุผลของพ่อที่รับเธอ
เข้ามาเลี้ยง“
เสียงนิ่งเรียบ
”เหตุผลงั้นหรอ เหตุผลอะไรเธอยังดูเด็กมากนะพ่อ
พ่อกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ตั้งแต่แม่จาก
ไปพ่อไม่เคยที่จะมีแม้กระทั่งเมียใหม่ แต่ทำไมกับเด็ก
คนนี้พ่อถึงต้องรับมาเลี้ยงดูขนาดนี้คนอื่น ๆ ที่เขา
โตกว่าเด็กอายุแค่ 19 หรือ 20 ปี ก็มีทำไมพ่อไม่
สนใจ“
ธันวาเสียงสั่น
ความจริงแล้วเขาเองอยากคุยเรื่องนี้กับพ่อมา
นานแต่ด้วยที่ตัวเขาเองยังไม่พร้อมที่จะรับรู้เขา
จึงเลือกที่จะเงียบ
“ใช่แต่พ่อก็มีเหตุผลของพ่อ”
“พ่ออายุปูนนี้แล้วพ่อยังอยากจะรับเด็กมาเลี้ยง
งั้นหรอผมผิดหวังในตัวพ่อจริง ๆ เด็กคนนั้นอายุ
ไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำไปพ่อไม่กลัวคนอื่นมองว่าพ่อ
เป็นคนแก่หัวงูบ้างเลยหรือยังไง ผมไม่เคยเห็นพ่อ
เป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำตังแต่ที่แม่จากไปพ่อเลี้ยงดู
ผมกับพี่เมษามาเป็นอย่างดี พ่อไม่เคยทำให้ผมกับพี่
ผิดหวังเลยไม่ว่าเรื่องอะไร แล้ววันนี้พ่อบอกเลี้ยงเด็ก
นักศึกษางั้นหรอหือ หือ หือ หน้าขำดีจริง ๆ”
“มันไม่ใช่แบบที่ลูกกำลังเข้าใจ ลูกกำลังเข้าใจพ่อผิด
พ่อแค่รับเธอมาเลี้ยงเพราะพ่อแม่เธอเสียชีวิตลงด้วย
อุบัติเหตุอย่างกระทันหัน เธอไม่มีเงินไม่มีบ้านพ่อจึง
รับเธอมาเลี้ยงเพื่อที่จะให้เธอได้เรียนต่อให้จบเท่านั้น
เอง”
ธนาพยายามที่จะอธิบายเพื่อให้ลูกชายเข้าใจ
“พวกคนแก่ที่ชอบรับพวกนักศึกษาเข้ามาเลี้ยงก็มักจะ
หาข้ออ้างยังงี้กันทั้งนั้นแหละ หือ หือ”
ธันวาขำในลำคอ ก่อนที่จะก้าวขาเดินขึ้นบันไดไปโดย
ไม่ฟังที่พ่อพยายามที่จะอธิบายให้เขาเข้าใจ
“นี่ธันวาฟังพ่อก่อน ธันวาลงมา“
ธนาตะโกนตามหลังธันวาเสียงดังลั่นบ้าน แต่เขาก็ไม่
แม้แต่จะหันกลับมาแม้แต่น้อย
“คุณท่านคะ”
“ไม่เป็นไรปล่อยเขาไปก่อน”
ธนายกมือบอกป้าแมวไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น
“ค่ะคุณท่าน”
ก่อนที่จะเงยหน้ามองตามธันวาที่เดินขึ้นบันไดไป
อย่างอารมย์โมโห
“ปัดโธ่เว้ย”
ธันวาชกเข้าที่ฝาผนังห้องอย่างเต็มแรง
กำมือแน่น ก่อนจะมีเลือดซิบออกตามข้อนิ้วมือ
เช้าของวันต่อมา
ติ๋ง..แอพสีเขียวดังขึ้น
“ไอลินแกอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“ฉันกำลังไป”
“เร็ว ๆ สิอาจารย์จะเริ่มสอนแล้วนะ”
“โอเคร โอเคร”
ก่อนจะรีบก้าวเท้าวิ่งขึ้นบันได เพราะลิฟท์เพิ่ง
จะถูกกดขึ้นไปตอนที่เธอวิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่วินาที
นี่เอง
“ฮุ้ย..นี่ฉันต้องวิ่งขึ้นบันไดใช่ไหมเนี่ยฮ้อย..“
ก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งตรงไปที่บันได ก้าวเท้าวิ่งขึ้น
บันได ฉับ ฉับ ฉับ สลับซ้ายขวา ก่อนจะวิ่งมาชน
เข้ากับผู้ชายร่างใหญ่ที่ ชั้น 4 ของอาคารเรียน
พรึบ..
”ว้าย..“
หนังสือที่อยู่ในมือหล่นลงพื้นจนหมด
”นี่เธอ“
ธันวาที่ถูกรุ่นน้องต่างคณะวิ่งชน ก่อนที่เข้าจะก้มลงเก็บ
หนังสือช่วย เขาเหลือบมองหน้าเธอขณะที่เธอกำลังก้ม
ลงเก็บหนังสืออย่างเร่งรีบ เขาต้องตกใจกับเด็กรุ่นน้อง
คนที่ใบหน้าสวยเมื่อเขาเห็นว่าเป็นคนเดียวกันกับ
ที่เขาเห็นที่บ้านเขาในวันนั้น เมื่อนึกถึงหัวใจของเขา
รู้สึกปวดร้าวไปทั้งหมด เมื่อคิดว่าเด็กคนนี้คือเด็กของ
พ่อเขาที่พ่อของเขาเลี้ยงไว้ ส่งเสียงเงิน ทั้งให้อยู่คอนโด
ที่เขาเป็นคนดูแลอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะเงยหน้ามองร่าง
เล็กของเด็กสาวที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรู้สึกรังเกียจ
พร้อมเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
”ขอบคุณค่ะ หนูขอโทษนะคะ“
เสียงหวานของปากเล็กอมชมพูขยับปากเพียงเล็กน้อย
เอ่ยคำขอโทษแล้วก้มหน้าวิ่งขึ้นบันไดต่อไปยังห้องเรียน
ที่อยู่ชั้น 5
”เฮ้ยไอ้ธันวามึงมองน้องเขาขนาดนั้นมึงสนใจน้องเขา
หรอวะ“
บูธถามแซวเพื่อนขึ้นเมื่อเห็นว่าธันวาเอาแต่จ้องมอง
เด็กรุ่นน้องปี 1 ราวกับสนใจเธอ
”พรมลิขิตหรือเปล่าวะเนี่ย“
ไทร์แซวบ้าง
”อะไรของพวกมึง“
ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปเหยียบเข้าที่ป้ายชื่อของเธอ
ก้มลงเก็บขึ้นมากำไว้ในมือ ก่อนที่จะอ่านป้ายชื่อของ
เธอแล้วยัดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“เฮ้ยมีป้ายชื่อน้องเขาด้วยวะมึงนี่ร้ายนะเนี่ยน้องเขา
มายังไม่ทันจะถึงเดือนเลยได้ป้ายชื่อน้องเขามาแล้ว
หรอวะ”
อาร์เธอร์ที่เพิ่งเดินมาเห็นธันวายัดป้ายชื่อเด็กสาวรุ่น
น้องลงในกระเป๋าเสื้อ
“มึงจะบ้าหรอไงวะน้องเขาทำหล่นไว้มึงนี่คิดดีไม่ได้เลย“
พร้อมขมวดคิ้วเดินลงไปชั้นล่าง ฉับ ฉับ ฉับ
“รอด้วยดิวะแม่งแซวแค่นี้หน้าแดงเลยหรอวะมึงอ่ะ”
อาร์เธอร์ตะโกนพร้อมวิ่งลงบันไดตามธันวาไป
“แกเมื่อตอนที่ฉันวิ่นขึ้นวันไดมาฉันชนกับผู้ชายคณะ
วิศวะคนนึงด้วยแหละ“
หลังจากหมดเวลาเรียนสองสาวลงมานั่งคุยกันที่
ใต้อาคารก่อนที่ไอลินจะเล่าให้เปียโนฟัง ด้วยที่เห็น
เสื้อคณะสีแดง ที่เป็นเอกลักษณ์ของคณะวิศวะจึง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคณะวิศวะ
”จริงหรอแล้วเขาหล่อไหมแก พรหมลิขิตแน่เลยอ่ะแก
ฮุ้ย..เขินอ่ะแก“
”หือ..แกจะบ้าหรอฉันไม่ทันจะได้มองหน้าเขาเลยด้วย
ซ้ำฉันรีบก็เลยเก็บของ เสร็จแล้วก็วิ่งออกมาเลย”
“แกนี่ไม่ได้เรื่องเลย”
ทำหน้าผิดหวัง
“นั่นมันเด็กรุ่นน้องที่วิ่งชนมึงเมื่อเช้านี่หว่าไอ้ธันวา”
ธันวาและแก๊งกำลังเดินไปเรียนอาคารที่ต้อง
เดินผ่านตรงที่ไอลินนั่งอยู่พอดี
“มึงเอาป้ายชื่อไปคืนนี้เขาดิวะแล้วก็ขอเบอร์น้องเขา
มาเลยสวยชิปหายเลยวะ ตัวเล็กนิดเดียวแต่หน้าอกแม่ง
ใหญ่ชิปหาย”
ตินแนะนำเพื่อนพร้อมจับไหล่ธันวาเดินตรงเข้าไปหา
ไอลินที่นั่งคุยอยู่กับเปียโน สายตาแวววาวเจ้าเล่
“ไม่ไปกูยังไม่คืน”
ก่อนที่จะเดินรอบสนามหญ้าไปอีกฝั่งเพื่อที่จะไม่ต้อง
เดินผ่านบริเวณที่ไอลินนั่งอยู่
“เอ้าไอ้ธันวา”
ตินกับอาร์เธอร์วิ่งตามหลังมาแบบงง ๆ
“มึงเขินน้องเขาหรอวะ”
ตินถามขึ้นพร้อมยิ้มมุมปาก
“ปล่าวกูแค่ไม่อยากเดินไปทางนั้น”
ธันวาก้าวเท้าเดินฉับ ๆ ไปที่ชั้น 3 ของอาคารคณะวิศวะ
“เอ้าเมื่อกี้กูยังเห็นมึงจะเดินไปทางนั้นอยู่เลย”
“ก็ตอนนี้กูไม่อยากไปจบปะ”
ธันวาเดินเข้ามาภายในห้องเรียนที่อยู่ชั้น 3 ของอาคาร
โต๊ะที่เขานั่งเรียนบังเอิญมองไปเห็นที่ ที่ไอลินนั่งพอดี
“น้องไอลินพี่ซื้อขนมมาฝาก”
อาร์ทและเพื่อน ๆ เขาอีก 3 คนเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ
เดียวกันกับไอลินนั่งอยู่
“อ้อ..ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เธอยื่นมือหยิบที่ถุงขนมก่อนที่จะเอามาวางไว้ให้เปียโน
กินด้วยกัน
“วันนี้มีเรียนตอนไหนคะ“
อาร์ทเอ่ยถามพร้อมก้าวขาเข้ามานั่ง
”ตอนเช้าค่ะเพิ่งจะออกจากห้องเรียนมาเองค่ะ“
”แล้วพี่อาร์ทไม่มีเรียนหรอคะ“
เปียโนเอ่ยถามขึ่นเสียงดัง
”มีตอนบ่ายครับ“
”อ้อมีเรียนบ่าย แต่ว่ามาแต่เช้าเลยนะคะเนี่ย“
ก่อนเปียโนจะหยิบถุงขนมขั้นมาแกะกิน
”ครับพี่ตั้งใจว่าจะเอาขนมมาให้ไอลินน่ะครับ“
ยิ้มหวาน
”อืม..ไอลินเขาบอกว่าซื้อมาให้แกอ่ะ“
เปียโนยื่นถุงขนมให้ไอลิน
”แกกินก่อนเลยฉันไม่หิวอ่ะ“
”งั้นฉันกินเอง“
เปียโนยักคิ้วก้มลงมองถุงขนมหยิบขนมเข้าปากด้วย
ความสบายใจ
ทั้ง 5 คนนั่งคุยกันทั้งยิ้ม และก็หัวเราะ
โดยที่มีสายตาของธันวามองลงมาจากอาคารเรียน
เขามองไอลิน ที่ตอนนี้ทั้งยิ้มและหัวเราะอย่างสุขสบาย
ไม่เห็นจะดูทุกข์ร้อนอะไรอย่างที่พ่อบอกเลยซักนิด
พรางคิดว่าพ่อโกหก อยากจะมีเด็กเอาไว้เลี้ยงแล้วมา
หาเรื่องโกหกเขา
”หือ หือ หว่านเสน่ห์ไปทั่วเธอคงหาเงินสินะทั้งจากพ่อ
ของฉัน จากที่ไปทำงานที่คลับ และก็หว่านเสน่ห์ที่
มหาลัยจากผู้ชายพวกนี้“
ธันวาพึมพัมในลำคอ พร้อมสายตาที่เกรี้ยวกราด
คมกริบเธออยากเกลียดแค้น และรังเกียจอย่างที่สุด
ก่อนจะหยิบป้ายชื่อออกมากำไว้ที่มือแน่น