“พี่หมอ”
รอยยิ้มหวานแจ่มชัดอยู่บนดวงหน้าเรียวรูปไข่ ปภาวรินทร์แทบจะวิ่งถลาเข้าหาร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่เก็บชายเสื้อเข้าในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยอย่างนายแพทย์ปารวีย์หรือหมอบูม จิตแพทย์หนุ่มประจำโรงพยาบาลบีเฮลท์เมดิคอลที่เพิ่งลงมาจากรถและเดินขึ้นบันไดหน้ามุขบ้านหลังใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลากับเส้นผมตัดสั้นที่จัดเซตทรงผมเอาไว้เป็นอย่างดี ดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลกับคิ้วดกหนาได้รูป และริมฝีปากหยักสวยรับกับจมูกโด่งคมสันสั่นคลอนความรู้สึกและทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะได้อยู่เสมอ แม้กระทั่งตอนนี้ ตอนที่เขาดึงหน้าตึงยามที่เห็นหน้ากัน
“ว่าง?”
นั่นคือคำทักทายคำแรกที่ออกจากริมฝีปากหยักสวยของพี่หมอบูม แต่ปภาวรินทร์ไม่คิดจะถือสา พูดน้อยหน่อยก็ยังดีกว่าอีกฝ่ายมองกันด้วยสายตาคมดุ
“ไม่ว่างค่ะ แต่สำหรับพี่หมอแม้จะยุ่งแค่ไหน ปั้นชาก็หาเวลาให้ได้เสมอ”
“ไม่ได้ขอ”
ปารวีย์บอกแล้วเดินเลี่ยงเจ้าของร่างเล็กที่ยืนขวางทาง หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบให้เขา แต่ก็รีบเร่งฝีเท้าตามแพทย์หนุ่มเข้ามาในตัวบ้าน ทั้งคู่ก้าวเข้ามาในห้องโถงที่มีพ่อกับแม่ของปารวีย์ รวมถึงน้องชายของเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว ปภาวรินทร์หยุดเท้าอยู่ข้างๆ ปารวีย์ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ดูเต็มใจนัก แต่แน่นอนว่าปภาวรินทร์แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
“แต่ปั้นชาเต็มใจนะคะ”
ปภาวรินทร์เอ่ยเสียงเบาพลางอมยิ้ม แต่พอถูกคนสูงกว่าหันมามองด้วยสายตากึ่งตำหนิก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ในที่สุดพี่ก็มาสักที รู้ไหมว่าคุณหนูดารานี่มารอพี่ตั้งแต่บ่าย”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ คุณลุงคุณป้าคะ ดูหมอเถื่อนนี่สิคะ พูดจาใช้ไม่ได้เลยค่ะ”
ปภาวรินทร์มองค้อนปุลวัชรน้องชายของปารวีย์ ศัลยแพทย์ทั่วไปที่เพิ่งจะเรียนจบมาเมื่อเดือนก่อน และหันไปฟ้องปวันกับคุณหญิงอตินุชซึ่งเป็นพ่อกับแม่ของปารวีย์และปุลวัชร
“แต่หนูปั้นชาก็เป็นนางเอกจริงๆ นี่นา”
“คุณป้าน่ะ”
คุณหญิงอตินุชหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูปภาวรินทร์ที่กำลังทำหน้ามุ่ย ปุลวัชรเองก็หัวเราะอย่างชอบใจ ส่วนปารวีย์ทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเอ่ยอย่างตัดบท
“ผมขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวลงมาทานข้าวด้วย”
ปภาวรินทร์ทำท่าจะขยับเท้าตาม แต่เท้าเล็กต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาคมดุของปารวีย์หันมามองอย่างห้ามปราม หญิงสาวได้แต่ทำหน้าเจื่อนและยืนอยู่ตรงนั้นระหว่างที่ปารวีย์เดินหายขึ้นไปบนชั้นสอง
บรรยากาศมื้อค่ำของบ้านตนุนันท์สงวนรัชต์ค่อนข้างครึกครื้นเมื่อมีนางเอกคนดังอย่างปภาวรินทร์ นักแสดงสาววัยยี่สิบเจ็ดปีที่กำลังมีผลงานโดดเด่นผ่านจอแก้ว และเป็นพรีเซ็นเตอร์ถือสินค้าอีกหลายชิ้นร่วมโต๊ะอาหารด้วย
“ช่วงนี้งานยุ่งไหมหนูปั้นชา”
“ยุ่งจนแทบไม่มีเวลานอนเลยค่ะ” ปภาวรินทร์ตอบคุณหญิงอตินุชด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีเวลาตอนนี้ก็ควรพักผ่อนอยู่บ้านไม่ใช่หรือไง”
คำพูดด้วยเสียงเนือยคล้ายเบื่อหน่ายทำเอารอยยิ้มบนดวงหน้าเรียวสวยถึงกับหุบฉับ ปภาวรินทร์หน้าเจื่อน ใช่ว่า เธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ปารวีย์กำลังพูดแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเจ็บจุกในอกไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
“น้องแค่อยากมากินข้าวด้วย มันจะอะไรกันนักหนา เจ้าลูกคนนี้”
คุณหญิงอตินุชปรามลูกชายเสียงเขียว เธอมองปภาวรินทร์ที่กำลังตักข้าวเข้าปากด้วยความเห็นใจ เจ้าของมืออวบอูมเอื้อมมือไปตักเนื้อปลาชิ้นโตใส่จานให้ปภาวรินทร์เป็นการปลอบโยน
“กินเยอะๆ นะหนูปั้นชา ป้าให้แม่บ้านทำของโปรดไว้ให้หนูโดยเฉพาะเลยนะ”
“ลูกสะใภ้คนโปรดสินะ”
ปภาวรินทร์อมยิ้มจนแก้มพอง แม้คำพูดนั้นจะออกมาจากปากของปุลวัชรแทนที่จะเป็นปารวีย์อย่างที่ดาราสาวแอบคาดหวังก็ตามที
“ทำงานหนักจนสมองเลอะเทอะไปแล้วหรือไง”
ปารวีย์ขึงตาดุมองน้องชาย ปุลวัชรไหวไหล่เบาๆ ก่อนจะตักอาหารเข้าปากด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว ส่วนปภาวรินทร์ทำได้แค่ยิ้มจืดเจื่อน
เขาไม่ชอบใจที่น้องชายของเขาพูดออกมาแบบนั้น
และเขาก็ไม่ชอบใจที่เธออยู่ตรงนี้
แค่เป็นเธอ เป็นปภาวรินทร์คนนี้ พี่หมอบูมก็ไม่เคยพอใจอะไรอยู่แล้ว
“ไปส่งน้องหน่อยไม่ได้หรือไงกัน”
ปารวีย์มองมารดาที่กำลังตีหน้ายักษ์ตอนมองมาที่เขา ร่างสูงกอดอกพิงไหล่กับกรอบประตู เหลือบสายตามองบนพลางถอนหายใจ
“เดินทะลุรั้วบ้านไปก็ถึงแล้ว มาเองได้ ทำไมถึงกลับเองไม่ได้ครับ”
“หมออะไรใจดำ”
“หมอสุขภาพจิตไงครับ”
“แม่ประชด”
“ส่วนผมก็แค่พูดความจริง”
“เฮอะ”
คุณหญิงอตินุชถึงกับแค่นเสียงขึ้นจมูก มองค้อนลูกชายคนโตอย่างไม่สบอารมณ์ ปารวีย์เลิกคิ้วมองมารดาด้วยนัยยะที่ว่าตรงไหนที่เขาพูดผิดไป
“ไม่รู้แหละ ยังไงลูกก็ต้องเดินไปส่งน้อง”
“คุณแม่ฟังผมดีๆ นะครับ ผม-ไม่-ไป”
ปารวีย์เน้นย้ำชัดทุกถ้อยคำ ตาคมมองมารดาอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ เขาจะไม่ยอมใจอ่อนยอมให้การจับคู่ครั้งนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
“ตกลงจะไม่ไปส่งน้องจริงๆ ใช่ไหม”
“ไม่ก็คือไม่ครับ”
ปารวีย์สบตามารดาอย่างจริงจังเพื่อยืนยันคำพูดของตน ฟาดฟันสายตาอยู่พักหนึ่งคุณหญิงอตินุชก็ยอมถอดใจ หล่อนมองค้อนลูกชายก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วเดินกลับห้องไป
“ฮึ”
“เฮ้อ…”
ปารวีย์ถอนหายใจหลังจากที่แผ่นหลังของมารดาลับสายตาไปแล้ว ร่างสูงดันประตูปิดก่อนจะสาวเท้าไปที่เตียงนอนหลังใหญ่กลางห้องนอน