สวนสาธารณะแห่งนึง_
ยามลมพัดโชยโกรกใบหน้าสวย ทำผมยาวพริ้วไสวเรียกความสดชื่น ขณะที่นั่งบนเก้าอี้ตัวยาวข้างแม่ริมน้ำเล็กๆ พื้นที่รอบด้านก็เป็นสนามหญ้ามีต้นไม้ปกคลุม
"คุณอยากระบายอะไรบ้างไหม?" เป็นคาอิลที่ตัดสินใจถาม เพราะเขายืนเฝ้าคุณหนูแสนเย็นชา และนึกจะเงียบแบบนี้มาเกือบชั่วโมง ทำคนมองสึกอึดอัดเสียเอง
หากให้เขาเดาชีวิตเธอคงไม่ต่างจากละครน้ำเน่าทั่วๆ ไป ระหว่างแม่เลี้ยงและบิดาที่ไม่สนใจ จนตัวเธอเองกลายเป็นเด็กมีปัญหา
"ไม่" เพียงขวัญยังตอบเสียงเรียบ เหม่อมองบรรยากาศเงียบสงบราวกับมันน่าอยู่กว่าในคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่มีแต่คนด้านนอกต่างอิจฉา
"งั้นก็ตามใจ" คนบอกถอดหมวกแก๊ปสีดำมาโบกพัดเพียงชั่วคราว
"......" เปลือกคาคู่สวยเลื่อนปิด สัมผัสเสียงสายลมพัดและธรรมชาติสิ่งมีชีวิต ยกเว้นมือเรียวบางที่กำสายกระเป๋าสะพายแน่น กลับกันมันก็รู้สึกเจ็บปวดในใจของเธอ แทบจะเอ่อน้ำใสใสปลายหางตา
"น้ำเย็นๆ หน่อยไหม เผื่อว่าจะชวนคุณคิดอย่างอื่นได้บ้าง" เขายื่นขวดน้ำเย็นให้คนนั่งหลับตา ก่อนหน้าที่จะตกลงมาเป็นบอดี้การ์ด พอทราบข้อมูลของคุณหนูคนนี้มาบ้าง อายุน้อยกว่าเขาถึงหกปี
แต่ที่น่าแปลกหลังจากเธอเรียนจบระดับมหาลัย ก็เก็บตัวแต่ภายในห้องไม่คบหากับเพื่อนคนไหนอีกเลย แล้วที่น่าตกใจท่านทูตไม่เคยเปิดตัวสาวหลังจากภรรยาคนแรกเสียด้วยโรคร้าย
"ไม่"
"คนอย่างคุณคงมีเรื่องให้คิดหนักใช่ไหม ถึงเป็นคนเอาแต่ใจแบบนี้"
"อย่ามารู้ดี" เพียงขวัญเอ่ยตำหนิ ไม่สนใจที่อีกฝ่ายจะมาทิ้งกายนั่งเก้าอี้ด้านข้าง
"นั่นสิเนอะ ผมไม่ควรรู้ดี"
"......." ใบหน้าสวยส่ายไปมาให้ความน่ารำคาญ
"ระหว่างนี้คุณชอบทำอะไร หรือมีแผนจะไปที่ไหนไหม ผมจะได้เตรียมตัวพาคุณไป"
"ไม่"
"จะนั่งอยู่ที่นี่ทั้งวันไม่ไปเที่ยวบ้างเหรอคุณ ไหนๆ ก็ได้ออกจากบ้านมาแล้ว?"
"ไม่"
"หิวข้าวไหมล่ะ?" คนถามเริ่มมีอารมณ์บางอย่าง เขาก็ไม่เคยต้องมานั่งเอาใจใคร
"ไม่"
"ไม่ทุกอย่างเลยว่างั้น" คาอิลพูดอย่างเหนื่อยใจ หรือว่าเขาคิดผิดกันแน่ที่หาเรื่องมาเป็นบอดี้การ์ด ดูจากสถานการณ์แล้วเพียงขวัญคงมีนิสัยเอาแต่ใจพอตัวเช่นกัน จนปิดการรับรู้มิตรภาพคนอื่น
"....." ร่างอรชรนั่งหลับตาใหม่อีกรอบ เอนหลังพิงเก้าอี้แทบจะอยู่ในท่านั่งสมาธิ
"เฮ้อ...." เสียงถอนหายใจหนัก เหลือบมองคนนอนหลับสนิทซะมากกว่า ยามมองดูดีๆ จะพบว่าเพียงขวัญเหมือนคนอดนอนตอนกลางคืน ยิ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคนอย่างเขา
อีกด้านนึง_
"ทำไมคุณต้องให้คุณหนูมีบอดี้การ์ดล่ะคะ ไหนๆ คุณหนูก็อยู่แต่บ้าน แทบไม่ออกไปไหนเลยนะคะ" วรยาเอ่ยถามสามี ตอนที่ตัวเธอนอนบนเตียงในห้องสปา มีพนักงานคนสนิทคอยนวดเรือนร่างเปลือย ส่วนอดิศรนั่งอ่านหนังสือเล่นรอเวลา มักเป็นแบบนี้อยู่ตลอดหากจะเดินทางไปต่างประเทศ หรือออกงานสังคมมีชื่อเสียง
"ผมไม่อยากให้มีเหตุการณ์ครั้งที่สองเกิดขึ้นกับลูกอีก แค่วันนั้นผมไปช่วยไม่ทันก็รู้สึกผิดมากขนาดไหน"
"มันผ่านมาแล้วนะคะคุณ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้หรอกนะคะ" วรยาฉีกยิ้มกริ่มมากกว่าจะเสียใจตามคำพูดประโยคพวกนั้น
"ป่านนี้ลูกยังไม่หายเป็นปกติเลย"
"มันผ่านมาแล้วนะคะ คุณทำเต็มที่ดีที่สุดแล้วค่ะคุณอดิศร" เธอเหลือบมองแบบถอนหายใจไม่ให้สามีรู้ตัว
"ผมรู้ แต่ยังไงก็จะเลือกบอดี้การ์ดมาดูแลตอนที่ผมไม่อยู่"
"แล้วคุณมั่นใจแค่ไหนว่านายคาอิลจะดูแลได้คะ? คุณหนูไม่รับใครเข้าในชีวิตเลยนะคะ"
"ประวัติของนายคาอิลไม่ธรรมดา ยังไงซะผมก็เชื่อฝีมือ แค่ได้ดูแลก็พอแล้ว" เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดข้อมูลการฝึกในของบอดี้การ์ดคนนี้
"ฉันเองก็หวังว่าเขาจะดูแลคุณหนูได้นะคะ เวลาที่เราไม่อยู่ที่นี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงคุณหนูอีก" นับว่าหัวใจของคนพูดเต้นแรง ยามเลื่อนไปเจอภาพการฝึกโหดๆ ของคาอิล ไม่สวมเสื้อโชว์ซิคแพ็คเป็นคลื่นลอน เส้นเลือดปูดโปนตรงท้องส่วนล่าง
"รอบนี้เราน่าจะบินไปเกือบเดือน ยังไงคงต้องให้นายคาอิลดูเพียงขวัญไว้"
"ค่ะ วรยาเชื่อคุณก็ได้ค่ะ"
"แล้วนี่เหลืออีกเยอะไหมล่ะ เราจะได้ไปรับเพียงขวัญทานข้าวกัน" เขาเปลี่ยนคำถามมาสนใจคนตรงหน้าบ้าง
"น่าจะเยอะนะคะ วรยาอยากอบผิวให้ขาวๆด้วย เผื่อว่าคุณจะพาวรยาไปแนะนำให้ใครรู้จักอีก"
"หื้ม...ไหนว่ามาแค่นวดอย่างเดียวไง?" ฝ่ายคนถามนำโทรศัพท์มือถือเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ แอบกังวลที่ตกลงนัดกับเพียงขวัญไว้ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ตอบคำใด
"วรยากลัวคุณจะอายน่ะคะ เวลาที่ต้องพาภรรยาไปเจอคนอื่น เป็นถึงภรรยาท่านทูตใหญ่เชียวนะคะ" คนบอกรีบชันตัวลุกขึ้นจากเตียง แสร้งลืมหยิบผ้าขึ้นปิดเรือนร่างเปลือย โชว์หน้าอกเต่งตูมให้สามีดูเต็มๆ ตา
"หึ..งั้นก็ตามใจเธอแล้วกันนะ" ฝ่ายสามีหลุดยิ้มพอใจ ท่าทียั่วยวนของภรรยาเด็ก ที่แบบรู้ความคิดและออดอ้อนเขาได้แบบทุกอย่าง
"ค่ะ นั่งดูวรยาตลอดไปเลยได้ยิ่งดีนะคะ"
........................