“ต้องเป็นเพราะเบญจเพสแน่ๆ ร้อยวันพันปีช่วยหมามาตั้งเท่าไหร่ไม่เคยถูกกัด จู่ๆ วันนี้มาโดนกัดได้ยังไง เนื้อคู่ก็ยังไม่เจอ โชคร้ายก็เข้ามาอีก แม่ว่าเราต้องไปหาหลวงพ่อที่วัดเพื่อสะเดาะเคราะห์แล้วล่ะ”
คุณนายจันทร์วาดยกพัดสีหวานแนวพระมเหสีในละครจักรๆ วงศ์ๆ ขึ้นกระพือพัดดับความร้อน สีหน้าเป็นกังวลกลัวว่าลูกจะซวยทั้งปีหากถูกสุนัขกัด
“แม่คะแผลแค่นี้เองค่ะ จะโชคร้ายอะไรขนาดนั้น”
อิงดาวหันไปย่นจมูกใส่พี่ชายที่โทรมาฟ้องแม่ก่อนหน้า จากนั้นก็ยกหลังแขนให้มารดาได้เห็นบาดแผล แถมเจ้าของสุนัขยังรับผิดชอบทุกอย่างเสร็จสรรพ เธอไม่ต้องจ่ายค่าอะไรทั้งนั้น
“อ้าว ไหนพี่เมฆโทรมาบอกแม่ว่าลูกโดนหมาตัวโตเท่าเสือขย้ำ”
“แม่ก็รู้ว่าเฮียพูดอะไรต้องเอาหนึ่งร้อยมาหาร นั่นแหละคำตอบ”
“ไปๆ เข้าร้านได้แล้ว แดดแรงจนเหาบนหัวป่วยแล้วเนี่ย ไปอ้อนแม่ต่อในร้านไป” คนพี่เบี่ยงประเด็นแล้วยื่นมือไปยีผมคนน้อง แน่นอนว่าเธอปัดออก “ผมไปดูลูกน้องที่อู่ก่อนนะแม่พอดีมีงานอบสีค้างไว้”
“ไปเถอะลูก ขับรถดีๆ นะ”
คุณนายจันทร์วาดโอบเอวลูกสาวให้เดินเข้ามาภายในร้านทอง คนเป็นแม่ยังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง กลัวว่าความโชคร้ายนี้จะเกี่ยวพันกับช่วงอายุวัยเบญจเพสของเธอ ตามความเชื่อส่วนตัว
“ที่แท้เป็นหมามีสกุล แม่นึกว่าหมาจร”
“สะท้านมีเจ้าของค่ะ อีกอย่างคุณหมอก็ดูแลอิงอย่างดี”
“หืม...ถ้าเจอกันตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แม่จะเข้าใจว่าเป็นเนื้อคู่ลูกแล้วนะ” คุณนายจันทร์วาดทำท่าครุ่นคิด หรือนี่จะเป็นเนื้อคู่ของลูกสาวเธอ ที่อาจารย์กู๋ทำนายเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คู่กรณีมากกว่า”
“พูดแล้วแม่ก็อยากพาลูกไปสะเดาะเคราะห์ สายหมอก็ต้องพึ่ง สายมูก็ต้องพึ่งเช่นกันนะคุณลูกขา”
“โธ่แม่คะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะมูเดียวที่อิงพึ่งพาก็คือ มูกระทะค่ะ”
คนเป็นแม่ถึงกับยกมะเหงกขึ้นใส่ลูกสาว แต่ระหว่างนั้นลูกค้าประจำก็เข้ามาเลือกซื้อทองพอดี คุณนายจันทร์วาดจึงตรงดิ่งไปยืนหลังเคาน์เตอร์ทองคำ เพื่อเชียร์ขายทองลวดลายต่างๆ ให้กับลูกค้า ส่วนอิงดาวก็รีบส่งข้อความบอกน่านฟ้าตามที่บอกไว้
ING little Star : อิงกลับถึงบ้านแล้วนะคะคุณหมอ
แม้จะรู้สึกปวดแขนมาก ทว่าทั้งบ่ายอิงดาวยังขะมักเขม้นอยู่กับการวาดรูปปกนิยายที่วาดค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน โชคดีที่งานเสร็จเร็วและไม่มีจุดต้องแก้ หลังจากส่งงานเสร็จก็รับเงินส่วนที่เหลือจากนักเขียนที่ว่าจ้าง นี่คือเหตุผลที่อิงดาวเลือกทำงานอิสระ เธอถือคติว่าเมื่อกรอบเวลาในการทำงานกว้างขึ้นงานของเธอก็จะออกมาดี
ติ๊ง!
ระหว่างที่กำลังโพสต์ผลงานวาดปกนิยายรูปล่าสุดลงบนเพจ The little star เสียงข้อความจากห้องแชตแก็งสาวสวยสะท้านบู๊ตึ๊งก็ดังขึ้น ทำให้อิงดาวที่เป็นนักวาดเพียงคนเดียวในกลุ่มนักเขียนต้องรีบกดเข้าไปอ่าน
นางฟ้ากลางวงเหล้า : อิงคนสวย ได้ข่าวว่าโดนหมาแทะแขนเหรอคะ
ING little Star : โดนกระโดดงับค่ะ หมอนิวบอกเหรอคะ
ING little Star : (ส่งรูปหลังแขนที่มีรอยข่วนเป็นทางยาว)
นางฟ้ากลางวงเหล้าหรือนะนาง เธอเป็นพี่สาวของนินิว แน่นอนว่าเธอต้องรู้จากนินิวนั่นแหละ
นางฟ้ากลางวงเหล้า :ใช่ๆ อีนิวบอก แต่หมาน่าจะกัดอิงไปเลยนะ เพราะเจ้าของหมาหล่อมาก
ING little Star : หล่อมากจนใจเจ็บ เล่นเอาหัวใจคันคะเยอไปหมด แต่เรื่องหมากัดไม่เอาค่ะ แค่นี้ก็ต้องฉีดวัคซีนอีกหลายเข็มเลย
จันจิ นักเขียนอิสระ : เดี๋ยวนะ ที่คันนี่หัวใจหรือคันตรงไหนกันแน่คะยัยอิง
รินลดา นข.หิวเงิน : เอาคารามายมั้ยคะอิง
อิงดาวย่นหน้าแล้วดิ้นไปมา ทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องวัคซีนแต่ให้ความสำคัญกับความคันของเธอมากกว่า
นางฟ้ากลางวงเหล้า : (ส่งตำราวิธีจีบหมอ)
นางฟ้ากลางวงเหล้า : (ส่งวิธีปฏิบัติเมื่อมีแฟนเป็นหมอ)
คนถูกแนะนำรีบวางโทรศัพท์คว่ำหน้าวางลงบนโต๊ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตน้อยๆ ของเธอ ทำไมทุกคนเป็นห่วงเรื่องความโสดของเธอจัง
ตกเย็น
“พี่อิงเป็นยังไงบ้างคะ”
“พี่เหมือนจะมีไข้เลย น้ำค้างไปนั่งทำการบ้านห้องนอนตัวเองเถอะ เดี๋ยวติดไข้กับพี่นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้ำค้างฉีดวัคซีนทุกชนิดแล้ว รับรองไม่ป่วยง่ายๆ” น้ำค้างเอ่ยพร้อมทำท่าเบ่งกล้าม
“ไปทำการบ้านต่อเถอะ เดี๋ยวคืนนี้นอนดึกพรุ่งนี้ตื่นสาย”
“ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวน้ำค้างทำการบ้านเสร็จจะเดินมาหาใหม่นะคะ”
อิงดาวพยักหน้าแทนคำตอบ ส่วนเด็กหญิงน้ำค้างก็เดินกลับไปทำการบ้านต่อที่ห้องนอนของตัวเอง ช่วงเย็นหลังจากที่ไปช่วยงานที่ร้านทองได้สักพัก เธอก็รู้สึกปวดแขนมากขึ้น ทีแรกนึกว่าเป็นเพราะใช้กล้ามเนื้อแขนตอนวาดรูปมากเกินไป ทว่าหยุดใช้แรงแขนแล้วก็ยังปวดอยู่
ครืดๆ
สายเข้า -เฮียเหนือ-
“ค่ะเฮีย”
(เฮียกลับช้าหน่อยนะ แต่ไม่เกินสามทุ่ม)
เหนือเมฆรู้จากคนเป็นแม่ว่าน้องสาวไม่สบาย ทว่าลูกค้าของเขาก็เยอะจนต้องให้พนักงานทำโอทีดึกดื่นมาหลายคืน เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่มีวันหยุดเยอะและกำลังจะปีใหม่ คนจึงออกเดินทางไปเที่ยวกันเยอะขึ้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว การตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญก่อนออกเดินทาง
“เฮียทำงานไปเถอะค่ะ อิงไม่ได้เป็นอะไรมาก”
(ขากลับเฮียแวะซื้อบะหมี่เกี๊ยวแปะโก๋ไปฝาก)
“เผื่อเด็กหญิงน้ำค้างด้วยนะคะ” อิงดาวกำชับ
ตั้งแต่เล็กจนโต ถ้าไม่รวมตอนที่เหนือเมฆไปเรียนต่อที่อเมริกา ยามเจ็บไข้ได้ป่วยเขาก็จะช่วยพ่อแม่ดูแลน้องตลอด จนอิงดาวชินกับการที่ต้องมีพี่ชายเฝ้าอยู่ข้างๆ ยามป่วยไข้ไปโดยปริยาย
ติ๊ง! ติ๊ง!
ระหว่างที่กำลังบรรจงยกแขนปวดหนึบขึ้นถอดเสื้อยืดออกทางศีรษะอยู่นั้น ข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ในโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือก็ดังขึ้น พอเห็นว่าคนที่ส่งมาเป็นเจ้าของโปรไฟล์รูปสเต็ทโตสโคป คนที่ไม่สบายอยู่ก็ดีใจจนลืมอาการปวดต้นแขนไปเลย แน่นอนว่าเธอรอเขาตอบกลับอยู่ตลอดช่วงบ่ายจนถึงตอนนี้
NANFAH : ผมเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ตอนนี้คุณอิงเป็นยังไงบ้าง ปวดแผลมั้ยครับ
ING little Star : แผลที่สะท้านฝากไว้ไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่แขนข้างที่ฉีดวัคซีนมันปวดและบวมเป็นลูกแตงโมเลยค่ะ
ING little Star : (ส่งรูปรอยแดงบนต้นแขน)
“เฮ้ย! เอ๊ย โอ๊ย!”
เธอกดยกเลิกข้อความมือแทบขวิด แต่อาจจะสายเกินไปเพราะใต้รูปได้แจ้งว่าอ่านแล้ว
อิงดาวลืมไปว่าเธอถอดเสื้อออกแล้ว ตอนนี้ช่วงบนมีเพียงบราเซียร์ลายลูกไม้ปกปิด รูปนั้นนอกจากจะเห็นต้นแขนบวมแดงแล้ว ยังถ่ายติดเนินอกอวบอิ่มของเธอไปด้วย มุมกล้องที่ออกมาคิดไปในทางที่ดีไม่ได้เลย น่านฟ้าต้องคิดว่าเธออ่อยเขาแน่ๆ โอ๊ย! บล็อกไลน์เขาตอนนี้ทันมั้ย
NANFAH : คุณอิงคงเกร็งตอนฉีดยา แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ
ไม่นานน่านฟ้าก็ตอบกลับมา อิงดาวมองข้อความในแชตไลน์ด้วยหัวใจโดดเด้งเต้นระริก สกิลการตอบแบบว่องไวให้ความรู้สึกว่าเขากำลังเป็นห่วงเธอ ควรตอบกลับไปว่าอยู่ที่ไหนดีเล่า
ING little Star : อิงอยู่ที่บ้านค่ะ
NANFAH : ผมไปหาคุณอิงที่บ้านได้มั้ยครับ คุณต้องทานยาแก้ปวดและประคบเย็นด้วย เดี๋ยวผมเอายากับเจลประคบไปให้
ING little Star : ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอบอกอิงมาก็พอว่าทานยาอะไรได้บ้าง
NANFAH : ผมเป็นห่วง ขอผมไปเห็นกับตาน่าจะดีกว่า
อิงดาวเงียบไป คงมีก็แต่เสียงดังตึกตักที่ออกมาจากอกข้างซ้าย หัวใจที่เปล่าเปลี่ยวเหี่ยวเฉาเต้นแรงขึ้นไปกับคำว่า ผมเป็นห่วง ของคุณหมอน่านฟ้า แบบนี้เรียกว่าเป็นห่วงเธอมากเกินกว่าคนไข้ทั่วไปมั้ยนะ
ปกติคำพูดเหล่านี้มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทบางคนที่ใช้กับเธอ พอได้อ่านคำนี้จากคนที่เพิ่งรู้จักก็พาลให้รู้สึกวาบโหวงแปลกๆ อยู่เหมือนกัน