บทที่ 5
หนีไม่พ้น
3 วันผ่านไป
คอนโด x
ฉันขับรถกลับมาที่คอนโดอีกครั้งเพราะหลังจากนี้ฉันคงต้องซุกหัวนอนอยู่ที่นี่เพราะคุณพ่อคุณแม่ฉันท่านเห็นด้วยที่ฉันจะต้องหมั้นหมายกับใครสักคนเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว
เปิดประตูห้องเข้ามาก็ไม่เจอใครทั้งนั้นคงจะออกแรดกันเหมือนเดิมแต่พวกเขาจะให้ฉันอยู่ห้องไหน ห้องพี่ลีออง? หรือห้องพี่อองรี?
ฉันเดินไปเปิดประตูห้องพี่ลีอองสรุปว่าล็อกสงสัยคงจะให้ฉันอยู่ห้องพี่อองรีสินะแต่พอฉันจับกลอนประตูสรุปว่า... ล็อก!!
"เฮ้ยแล้วจะให้ฉันอยู่ห้องไหนละ!"
ฉันเดินมานั่งทิ้งตัวบนโซฟาหมอนกับผ้าห่มนี่มันคืออะไรของใครอย่าบอกว่าเป็นของ...ฉัน ชัดเจนมีโน้ตแปะอยู่ที่หมอนไว้ให้ฉันด้วย
'หลับให้สบายนะ'
"อีพวกชั่ว!!"
ต่อให้ฉันแค้นมากแค่ไหนแต่เวลานี้ฉันควรจะนอนได้แล้วพรุ่งนี้มีเรียนเช้าที่สำคัญฉันต้องปลุกไอ้แฝดนรกแต่เช้าด้วยเพราะพวกเขามีเรียนตอน 9 โมง
"ความแค้นนี้ฉันจะเก็บมันไว้ก่อนระเบิดเมื่อไหร่พวกพี่ตายแน่!"
วันต่อมาฉันตื่นแต่เช้าเพื่อเอากับข้าวที่ฉันให้แม่บ้านใส่ปิ่นโตแช่เย็นเอาไว้อุ่นให้ร้อน หุงข้าวตามที่แม่บ้านสอนมาถึงมันจะแฉะไปนิดแต่ก็กินๆ ไปเถอะไม่ตายหรอก ฉันเดินมาเคาะห้องพี่อองรีจนได้ยินเสียงขานรับดังขึ้นฉันก็เดินมาเคาะห้องพี่ลีอองแต่พี่ลีอองตื่นแล้วเขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้คงจะกลัวฉันแกล้งไม่ปลุกสิท่า
เมื่อประตูห้องขอพี่ลีอองกับพี่อองรีเปิดออกมาฉันก็เห็นสาวสวยคู่ขาคนใหม่ของทั้งสองคนเดินออกมาด้วยบอกไว้ก่อนข้าวพวกนี้ไม่พอหรอกนะกินไม่ได้ก็ไปหาแดกข้างนอกเอา
"ไม่เห็นบอกว่ามีแขกกับข้าวไม่พอหรอกนะฉันเอามาน้อย"
"ทำไมแม่บ้านพูดจาไม่เพราะเลยคะพี่ลีออง"
แม่บ้านพ่อมึงสิ! ใส่ชุดนักศึกษาแต่งหน้ากระเป๋าราคาแพงขนาดนี้มึงมองว่ากูเป็นแม่บ้านเอาตาหรือตาตุ่มมองกันแน่
"น้องเปียโนกลับก่อนก็ได้นะครับเดี๋ยวพวกพี่จะอ่านหนังสือต่ออีกหน่อย"
"ใช่น้องไวโอลินก็กลับก่อนได้เลยนะไว้ถึงมหาวิทยาลัยพี่อองรีจะโทรหา"
คงจะบรรเลงเพลงรักกันทั้งคืนสิท่าอุบาทว์จริงๆ สองหนุ่มเดินมานั่งประจำที่กับข้าวที่ฉันเอามาพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นกับข้าวจากที่บ้าน ฉันจะให้แม่บ้านทำใส่ปิ่นโตใส่กล่องเอาไว้แล้วมาอุ่นทานกับพวกเขาเป็นประจำเวลาที่ฉันต้องมาช่วยงานทำการบ้านต่างๆ
"เมื่อคืนเสียงดังขอโทษด้วยก็แล้วกันพอดีว่าฉันเล่นเปียโนทั้งคืน"
"นั่นสิฉันเองก็เล่นไวโอลินทั้งคืนเหมือนกัน"
"ทุเรศทั้งๆ ที่ฉันนอนอยู่ตรงนี้เนี่ยนะหัดเกรงใจกันบ้างแต่ช่างเถอะเมื่อคืนฉันใส่หูฟังไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแต่ถ้าจะให้ฉันมาอยู่ที่นี่พวกพี่ก็ต้องเกรงใจเรื่องนี้บ้างอีกอย่างฉันไม่ใช่แม่บ้านที่จะมาคอยเก็บเศษซากอะไรให้พวกพี่แล้วนะ"
"แล้วเธอจะมาอยู่ฟรีๆ ให้ฉันจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้เนี่ยนะงานบ้านเธอต้องทำผ้าพวกฉันเธอก็ต้องซัก"
"พี่ลีอองมันจะมากเกินไปแล้วนะถ้าจะให้ฉันทำขนาดนั้นฉันคงไม่ต้องเรียนกันพอดีหนังสือฉันก็ต้องอ่านงานบ้านฉันก็ต้องทำอีก!"
"เอาแบบนี้เรื่องงานบ้านอะไรนิดๆ หน่อยๆ ทำได้ก็ทำห้องนอนของพวกฉันเธอไม่ต้องเก็บเพราะฉันกับไอ้ลีอองหิ้วผู้หญิงมากินทุกคืนอยู่แล้ว"
เจริญ! ฉันนั่งกินข้าวไม่สนใจสายตาของพี่ลีอองกับพี่อองรีที่มองมาเลยชีวิตนี้ในเมื่อหนีไม่พ้นก็คงต้องอยู่จนกว่าคุณพ่อคุณแม่ของฉันจะเห็นใจว่าฉันไม่สามารถเข้ากับใครได้จะได้เลิกตีกรอบให้ฉันเสียที
มหาวิทยาลัย
ฉันจอดรถตรงที่ประจำก่อนจะเดินไปเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พลอยกับน้ำได้ฟังพวกมันสองคนทั้งสงสารทั้งเอ็นดูฉันที่ฉันต้องไปอยู่ในสภาวะจำยอมแบบนั้น
ใครๆ หลายคนอาจจะมองว่าพี่ลีอองกับพี่อองรีเป็นผู้ชายที่หล่อเท่สถานะดีบ้านรวยครอบครัวทำธุรกิจหลายอย่างโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ทำคอนโดมิเนียมแม้แต่คอนโดที่ฉันนอนก็เป็นคอนโดของครอบครัวพวกพี่สองคนด้วย
"แบบนี้ถ้าฉันกับไอ้น้ำจะไปหาแกพวกพี่เขาจะว่าไหมเรายังมีงานกลุ่มที่ต้องทำด้วยกันนะ"
"นั่นสิ"
"เดี๋ยวฉันจะลองคุยกับพี่ลีอองดูได้ สองคนนั้นคนที่ดูเรื่องมากอาจจะเป็นพี่ลีอองแต่พี่ลีอองก็แยกแยะได้ฉันไม่ได้พาพวกแกไปปาร์ตี้แต่ไปทำงานกลุ่มส่งอาจารย์คงไม่ว่าอะไรหรอก"
ในขณะที่ฉันกำลังนั่งคุยเรื่องงานเรื่องเรียนต่างๆ นักศึกษาวิศวะก็ถูกอาจารย์พาเดินมาดูลานกิจกรรมด้านหน้าสองคนที่เด่นสง่าเพราะความหล่อก็คือที่ลีอองกับพี่อองรีถ้าตัดเรื่องนิสัยชั่วๆ ออกไปก็คงไม่ต่างจากเทพบุตรทั้งหล่อ รวย ผู้หญิงที่ไหนเห็นก็ต้องมองทั้งนั้น
"อาจารย์สมพิศบอกว่าจะให้นักศึกษาวิศวะช่วยกันทำศาลาตรงลานกิจกรรมแบบนี้พวกเราก็คงได้เห็นหนุ่มวิศวะทุกวันเลยสิจริงไหมยัยน้ำยัยมุก"
"ใช่แบบนี้แกก็คงได้เจอหน้าพี่ลีอองกับพี่อองรีทุกวันเลยกลับไปก็ได้อยู่ด้วยกันมาเรียนก็ได้เจอกันด้วยฮ่าๆๆ"
"พวกแกหุบปากไปเวรกรรมอะไรของฉันนักหนาหนีไม่พ้นจริงๆ!"