ตอนที่ 3 เฉยชา

1310 คำ
“อาทิตย์นี้ไม่ต้องเข้ามาหาฉันที่นี่เพราะหนูเจ้าจะมาอยู่ด้วย” พอกล่าวถึงแก้วตาดวงใจน้ำเสียงอ่อนลงแฝงความอบอุ่น โดยไม่มีเสียงเล็ดลอดโต้กลับจากฝ่ายหญิง อาชาเองพลิกตัวเดินกลับเข้าห้อง ไปยืนมองร่างน้อยซึ่งหลับปุ๋ยไปแล้ว กระนั้นสายตาไม่วายมองไปยังถังขยะ มือกำแน่นโดยอัตโนมัติต้องระงับใจเป็นอย่างสูงไม่ให้อารมณ์พลุ่งพล่านและไม่คิดเลยว่าอารดาจะเข้าหาข้าวหอม “พ่อใหญ่” จวบจนเสียงเล็กๆ ดึงให้ออกจากภวังค์ความคิดแล้วหันไปมองพลางทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ละเมอหรือลูก” เขามองอย่างเอ็นดู ใบหน้าขยับไปหอมแก้มยุ้ยเบาๆ ใช่ว่าหัวใจจะมีแต่รูพรุนยังพอมีพื้นที่ซึ่งปกคลุมด้วยไออุ่นรัก การมีจันทร์เจ้าเสมือนช่วยเยียวยาหัวใจในระดับหนึ่ง ไม่ให้ตายด้านและมีแต่ความโกรธสุมแน่นในอกพลางปิดเปลือกตาลงพร้อมดึงลูกสาวเข้ามาในวงแขน หลับไปอย่างสุขใจขณะที่ใครอีกคนกำลังฝันร้าย เมื่อทิ้งตัวลงนอนไม่นานข้าวหอมก็หลับไป ทว่าเจ้าหล่อนกลับกำลังเผชิญอยู่กับความกลัวที่ฝังลึกในความทรงจำมาเนิ่นนาน “ไม่นะ อย่าทำข้าว...” ในความฝันรอบตัวมีแต่ความมืดดำ เบื้องหน้ามีชายร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังยกยิ้มให้ เท้าเรียวจึงขยับถอยหลังออกห่าง สายตาปริ่มด้วยหยดน้ำใสๆ เกิดอาการหวาดกลัวจับใจ สองมือกำผ้าห่มไว้แน่นและต้องต่อสู้ตามลำพัง โดยวันหนึ่งหวังว่าจะสามารถลบเลือนออกไปจากหัวใจได้อย่างหมดสิ้น แต่คงไม่มีวิธีไหนดีเท่ากับการดับด้วยใจของตนเองแล้วทุกอย่างจะหายลับไปไม่ย้อนกลับมาเล่นงานอีก “อย่าเข้ามา…” เสียงสั่นๆ พึมพำในลำคอ มือยกขึ้นคล้ายต้องการผลักคนในความฝันให้ออกห่าง ก่อนลำตัวจะกระเด้งขึ้นราวตกใจสุดขีด เนื้อตัวไหวจากแรงสะอื้น น้ำตาร่วงรินในทันใด ใช่ว่าอาชาจะมีแผลใจเพียงคนเดียว หล่อนเองก็เช่นกันเพียงแต่พยายามรักษามันอย่างเงียบๆ หญิงสาวมีอาการหอบสะท้าน ท่ามกลางความมืดก็ได้แต่ทิ้งตัวลงแล้วนอนกอดตนเอง พยายามตั้งสติบอกว่าแค่ฝันไป เหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้วและจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก “เดี๋ยวมันก็ผ่านไปข้าวหอม สู้อีกหน่อยนะ” ให้กำลังใจพร้อมทั้งฮึดสู้และเชื่อว่าความเข้มแข็งที่มีจะตีฝ่าความอ่อนแอให้กระเจิงหาย อีกไม่นานจะสามารถฝังกลบรอยแผลเหวอะหวะให้ค่อยๆ กลืนหายไปกับกาลเวลาแล้วความสุขจะเติมเต็มเข้ามาอย่างล้นใจ ----------------- ตอนที่ 3 เฉยชา ยามพระอาทิตย์ดวงโตเคลื่อนกลับมาสู่ท้องฟ้ากว้าง ร่างบอบบางของข้าวหอมก็ลุกขึ้นจากเตียง กิจวัตรประจำวันของเธอยังเหมือนเดิมทุกอย่าง กระนั้นก็ยังมีหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปนั่นคือการต้องร่วมโต๊ะอาหารกับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ลำตัวโตของอาชานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ขณะข้างกายมียอดดวงใจนั่งอยู่ถัดไปซ้ายมือ ซึ่งไม่ว่าหญิงสาวจะเดินเข้ามาประจำตำแหน่งแล้วแต่ชายหนุ่มไม่แม้จะปรายตามอง ความเย็นชาที่แผ่ออกจากตัวของเจ้าของบ้านทำให้ข้าวหอมรู้สึกชาหนึบไปทั่วทั้งหัวใจ อีกทั้งความขื่นขมยังลามเลียไปทุกพื้นที่อณูความรู้สึก พลันยกยิ้มชืดชาปลอบใจของตัวเอง ก่อนแต่งงานเธอเองก็ต้องรับมือกับมันอยู่เป็นประจำจึงเริ่มจะชินชา จากนั้นดวงหน้าหวานประดับรอยยิ้มมอบให้แก่สายตาคู่ใสที่จดจ้อง เธอรู้สึกอิจฉาเด็กตัวเล็กๆ ขึ้นมาที่ได้รับความรักจากคนเป็นพ่อ รวมถึงผู้ให้กำเนิดอย่างพวงชมพู อึดใจต่อมาสีหน้าเจือด้วยความเศร้า แวบหนึ่งมีอาการเสียดลึกในอกเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำ “ครายคะ?” คำถามได้ดังออกจากปากเรียวเล็กทำให้ทุกความคิดของข้าวหอมหยุดชะงัก ถึงถ้อยคำจะไม่ชัดเจนและถูกความหมายแต่คนทั้งสองก็เข้าใจในคำถามนั้นดี ส่วนคนต้องตอบอย่างอาชาเงยใบหน้านิ่งเรียบขึ้นมองตามนิ้วป้อมๆ ของบุตรสาวที่ชี้ไป แน่นอนว่าจุดหมายนั้นคือหญิงสาวร่างบอบบาง “นี่น้าข้าว ลูกน้องของพ่อเองค่ะ” คำตอบจากปากหยักทำให้ข้าวหอมถึงกับสะอึก รอยยิ้มของเธอแทบวูบหาย ช่างไร้หัวใจสิ้นดี ผู้ชายคนนี้หัวใจของเขากลายเป็นหินไปแล้วหรืออย่างไร มันถึงไม่รู้สึกรู้สากับวาจานั้นเลย ด้านคนพูดยังวางท่าขรึมถึงจะเห็นสายตาตัดพ้อจากร่างระหง “ซาหวัดดีค่ะน้าข้าว” เสียงใสๆ ดังขึ้นอีกรอบ สองมือน้อยๆ พนมขึ้นไหว้ด้วยกิริยาน่าเอ็นดูทำให้ข้าวหอมต้องยิ้มกว้าง ทิ้งความเสียใจไว้ด้านหลัง “ซาหวัดดีค่ะหนูเจ้า” หญิงสาวทำเสียงเล็กๆ ตามจันทร์เจ้า เด็กคนนี้ช่างน่ารักแตกต่างจากคนเป็นพ่อสิ้นเชิง แล้วก็ดึงสายตาไปมองโครงหน้าหล่อเหลา ไม่มีความวูบไหวในม่านตาสีเข้มนั้นเลยราวกับว่าอาชาเป็นผู้ชายไร้หัวจิตหัวใจ ก็อย่างว่าเขาเคยบอกว่า หัวใจได้ตายด้านไปหมดแล้ว แม้แต่เศษเสี้ยวความรู้สึกก็ไม่มี แต่อย่างไรหัวใจดวงเล็กๆ ของหญิงสาวเชื่อว่า จะช่วยเยียวยาและรักษาให้ใจอันแห้งกร้านกลับมากระชุ่มกระชวยจนทอดสายตามองลึกเข้าไปในนัยน์ตาคมกริบ เธอรู้ว่าภายในนั้นมีรอยแผลเหวอะหวะซุกซ่อนอยู่จนนึกสงสาร อาชาเจอมาหนักกว่าหล่อนมากโข จากนั้นไร้เสียงสนทนาระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสอง มีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของจันทร์เจ้าเท่านั้นที่คอยซักถามบิดาในเรื่องที่สงสัย บางหนบางทีก็หันไปยิ้มหวานๆ ให้กับลูกน้องของบิดาที่พ่วงสถานะภรรยา “ข้าวไปทำงานก่อนนะคะ” สักครึ่งชั่วโมงต่อมาข้าวหอมก็หันไปหยิบกระเป๋าใบเก๋ขึ้นพาดบ่าพร้อมบอกแก่ชายร่างโต แม้รู้ว่ามันไม่ได้สลักสำคัญกับอาชาเลยสักนิด อีกฝ่ายไม่เคยอยากรู้ว่าเธอจะไปไหนหรือว่าทำอะไร ก่อนเห็นเขาขยับตัวลุกขึ้นพร้อมอุ้มลูกสาวไว้ในวงแขน อาชาพาจันทร์เจ้าเดินไปขึ้นรถเพื่อไปบริษัทโดยไม่ได้หันมาไยดีต่อถ้อยคำจากปากนุ่ม ส่วนหญิงสาวก็เดินไปยังรถของตัวเอง รถโฟล์คคันเล็กค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบ้านเพื่อตรงไปยังร้านดอกไม้ ซึ่งร่างบอบบางเป็นเจ้าของ ทว่าขับมาได้ไม่ถึงห้านาทีเจ้ารถคันเล็กที่สภาพค่อนข้างเก่ากลับมีอาการกระตุก ก่อนจะดับเอาเสียดื้อๆ ทำให้หญิงสาวต้องกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ “ทำไมต้องมาเกเรด้วยคะพี่เต่า” เท้าเรียวรีบก้าวลงจากรถมายืนหน้าเซ็งอยู่ข้างถนน แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้ มือยกขึ้นลูบรถเบาๆ และพี่เต่าของเธอก็ชอบเกเรบ่อยครั้ง กระนั้นก็ยังไม่สามารถตัดใจทิ้งแล้วซื้อใหม่ได้ อาจเพราะผูกพันกันมานาน กระทั่งสายตาได้เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวไป หญิงสาวนั้นอดที่จะหันมองไม่ได้ ก่อนยิ้มเศร้า “คุณใหญ่ใจร้าย” ข้าวหอมบริภาษสั้นๆ ออกมา เมื่อรถคันที่อาชานั่งมาไม่แม้แต่จะเหลียวแลหรือให้ความช่วยเหลือ กลับเคลื่อนตัวผ่านไปโดยไว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม