9

1304 คำ
“ปล่อยฉันลง ฉันเดินเองได้ ถ้าแฟนฉันเห็นเข้าจะว่าไง” “งั้นบอกเขาไป ผมอุ้มแฟนเขาออกไป แฟนคุณควรทิปผมหนักๆ ถึงจะถูก เห็นตัวเล็กๆ แต่หนักตูดหนักนมเป็นบ้า เดินช้าแบบเมื่อกี้ ถ้าไม่อุ้มออกไปชาติหน้าจะถึงไหม” สิตาลฮึดฮัดใส่ อยากจะกรีดร้อง แต่ถ้าเขาโยนตุ้บลงพื้นล่ะ ดูอีตานี่ท่าทางเถื่อนๆ จะว่าไปถูกอุ้มก็สบายดีเหมือนกัน เดินในป่าไม่ใช่จะง่าย เธอเลยเงียบเสียงลง แล้วลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อแบบลูกครึ่งของเขา คางบึกบึนรับกับโหนกแก้มสูง มีไรเคราเขียวครึ้มขึ้นเป็นตออ่อนๆ ส่งให้ใบหน้าหล่อคมเข้มขึ้นอีก “ก็ได้ งั้นก็อุ้มดีๆ อย่าทำฉันตกล่ะ” สิตาลพูดขึ้น ทำเอาคนอุ้มก้มหน้าหล่อลงมามอง “ถ้าไม่เงียบ เดี๋ยวผมจะเหวี่ยงคุณออกจากป่า” “ป่าเถื่อน” “ที่จริงแล้วดูแลดีขนาดนี้ คุณควรมีของตอบแทนความเหนื่อยของผมถึงจะถูก” เขายิ้มบางๆ ออกจะกรุ้มกริ่มหน่อยๆ “ก็ทิปไง เดี๋ยวออกไปได้ฉันให้แน่” “ผมอยากได้อย่างอื่นด้วย แค่ทิปไม่พอหรอกมั้ง” “อะไรเหรอคะ” ดวงตาเจ้าเล่ห์ก้มลงมองใบหน้าสวยที่มองเขาอย่างสงสัย “ก็ตัวคุณไง...” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างแทบจะถลนออกมา แล้วตวาดเสียงเขียว “อีตาบ้า ปล่อยฉันลงเลย” “เดี๋ยวก่อนสิคุณ ผมยังพูดไม่จบเลย ผมหมายถึงที่ตัวคุณมีของอะไรที่มีค่าอีกบ้าง เช่น สร้อย แหวน เอาไว้ให้ผมเป็นที่ระลึก ว่าครั้งหนึ่งเคยเจองานหิน ต้องมาอุ้มคนหลงป่าออกจากป่า” สิตาลหรี่ตามอง “งั้นก็แล้วไป ส่วนของมีค่าไม่มีหรอก ค่าทริปเพื่อนยังออกให้เลย ฉันมีเงินติดตัวมานิดหน่อย คุณเอาไปก่อนก็แล้วกัน” “เห็นทีแรกนึกว่าโชคดี เจอคุณหนูหลงป่า กะว่าจะได้ทิปหนักๆ ไปกินเหล้าให้หายอยากสักหน่อย ที่แท้เจอคุณหนูตกอับเกาะเพื่อนมาเที่ยวซะงั้น” เขาเลิกคิ้วมองเธอแบบกวนๆ ส่วนสิตาลอายหน้าม้าน “ก็แล้วแต่คุณจะคิด” เธอก็ไม่ได้อยากมาทริปนี้ แต่เพื่อนรุ่นพี่ทั้งสองคะยั้นคะยอให้มาด้วยกัน โดยเฉพาะณกรณ์ แล้วยังจ่ายเงินไปแล้วล่วงหน้า เธอจะไม่มาได้ไง “ของมีค่าก็ไม่มี ทิปก็ให้น้อย งั้นคุณคงต้องจ่ายค่าเหนื่อยในครั้งนี้ด้วยอย่างอื่นแล้วละ” ราเมศบอกพร้อมกับก้มมองคนในอ้อมแขนด้วยดวงตาแวววาวพราวระยับ ราเมศอุ้มสิตาลมาถึงรถ แล้วก็วางเธอลงที่เบาะ ยักคิ้วกวนๆ พร้อมกับพูดใส่ “คุณมีอะไรที่มีค่ามากๆ จะจ่ายผมบ้างเนี่ย” “ก็บอกแล้วไง ฉันไม่ได้เอาของมีค่าติดตัวมา” ดวงตาคมกวาดมองเรือนร่างสวยแล้วรู้สึกปากคอแห้งผาก ก่อนจะลอบกลืนน้ำลาย “แต่ผมพอจะเห็นของมีค่าบนตัวคุณอยู่บ้าง ออกไปได้เมื่อไหร่ ผมทวงแน่” ราเมศย้ำทำให้สิตาลตะลึงค้าง จะอ้าปากเถียงว่าไม่ตกลง แต่เขาก็ปีนขึ้นมาขับรถแล้วสตาร์ตออกไปทันที ‘คนอะไร เขี้ยวเป็นบ้า’ คนมันดวงซวย อะไรก็ช่วยไม่ได้ เมื่อรถเอทีวีที่ราเมศขับมาได้เกือบสักครึ่งชั่วโมงนั้นเกิดเร่งไม่ขึ้นแล้วดับไปเสียดื้อๆ “อ้าวคุณ รถเป็นอะไร” สิตาลถามขึ้นทันทีเมื่อรถจอดนิ่งอยู่กับที่ ชายหนุ่มพยายามสตาร์ตรถ แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะติด ราเมศถอนใจเฮือก สีหน้าบึ้งตึง อาการแบบนี้ เขารู้ดีเชียวละ ปกติแล้วคนที่คลุกคลีกับเครื่องยนต์กลไกอย่างเขาไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อคืนฉุกละหุกไปหน่อย พอคนงานของปราบเอารถมาให้ก็ขับออกมาเลย ลืมสั่งให้เอาน้ำมันสำรองใส่แกลลอนมาด้วย “น้ำมันหมด” สิตาลเบิกตากว้าง แล้วเบ้หน้า “ซวยแล้ว ทำไมคุณไม่เติมมาให้เต็มถังล่ะคะ” “ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง” ราเมศประชด “ที่ผมทำน้ำมันหมด เพราะขับรถตามหาคุณที่หลงเข้ามาซะลึก น้ำมันที่เตรียมมาเต็มถังแล้วเลยไม่พอ” สิตาลหน้างอทันทีที่เขาพูดประชด เธอแค่ถามด้วยความเป็นห่วงแท้ๆ แต่ยอมรับแหละว่าหงุดหงิดนิดหน่อย “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ แค่รำพึงรำพันขึ้นมาเฉยๆ” “ครับ เชื่อมากเลย” ราเมศพูด “ลงมาได้แล้วครับ โชคดีที่อีกไม่ไกลมาก เราเดินอีกนิดก็ถึง” สิตาลยอมลงจากรถ แล้วเดินตามราเมศไปเพราะอยากกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆ พลางย้ำเตือนกับตัวเองว่าต่อจากนี้เธอจะไม่เข้าป่าอีกแล้ว ทว่าระยะทางใกล้ๆ ที่เขาบอกนั้นกลับไม่ได้ใกล้เลยสักนิด เพราะตอนนี้เธอเดินจนปวดน่องไปหมดแล้ว “นี่คุณ อีกไกลไหม” “เดินให้มันไวหน่อยสิคุณ อีกนิดเดียว” “เมื่อกี้คุณก็บอกนิดเดียว” “นิดเดียวจริงๆ สักกิโลหนึ่งได้” “กิโลหนึ่งในป่าที่ลัดเลาะไปมา มันไม่ใช่ใกล้เลยนะคะ” สิตาลค้าน พยายามเร่งเท้าเดินตามเขาให้ทัน ทว่าคนตัวโตหันมาจ้องเขม็งแล้วเดินดุ่มๆ ตรงมาหาอย่างรวดเร็ว “นี่เป็นอะไร มองฉันโหดๆ เหมือนโกรธกันอย่างนั้นแหละ” สิตาลชะงัก จะถอยหนีก็ไม่ทัน แต่แล้วต้องตกใจเพราะเขาอุ้มเธอขึ้นจนเท้าลอยหวือ “ว้าย คุณ” เขาจ้องมองคนในอ้อมกอด “ไม่ได้โกรธ แต่อยู่ในโหมดรำคาญ ที่เดินช้าแบบนี้หรือว่าอยากติดอยู่ในป่ากับผมนาน” สิตาลรีบส่ายหน้า “ไม่นะ” “น่ารำคาญ เรื่องเยอะ พูดจาไม่เข้าหู จริงๆ เลย คราวหลังอย่าหลงป่าอีกสิ จะได้ไม่ต้องลำบากตัวเอง ลำบากคนอื่นแบบนี้” ราเมศว่า แต่มือก็อุ้มคนตัวเล็กไว้แนบอกแล้วกระชับอย่างดี เพราะหนทางที่เดินค่อนข้างลำบาก เกรงว่าคนตัวเล็กที่ไม่ชำนาญทางจะลื่นตกลงไปแล้วจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา ถูกเขาอุ้มแบบนี้ยอมรับว่าเขินไปหมด สิตาลมองหน้าเขาเชิงขอร้อง “ปล่อยฉันลง ฉันเดินเองได้” “ปล่อยคุณเดินเอง ไม่รู้บ่ายโมงจะถึงหรือเปล่า ยิ่งช้ายิ่งแดดร้อน” เขาบอกเสียงห้วนสั้นแล้วไม่ฟังเสียงนกเสียงกาอีก ทำให้สิตาลได้แต่มองค้อนเขา แต่ก็เริ่มมองออกว่าผู้ชายคนนี้ปากร้าย แต่อยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัยมาก สิตาลอดใจเต้นแรงไม่ได้ พยายามไม่มองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา เพราะกลัวจะเผลอใจเต้นแรงให้เขาได้ยิน ราเมศเองก็เหมือนจะตั้งใจกับการเดิน เขาลำบากไม่ใช่น้อยที่อุ้มเธอมาด้วย แต่ก็ไม่บ่นสักคำ ทำให้สิตาลรู้สึกเกรงใจ ยิ่งเห็นเขาอุ้มเธออย่างระมัดระวัง สิตาลจึงมองเขาในแง่ดีมากขึ้น ถึงเขาจะปากเสียไปบ้าง แต่รวมๆ แล้วถือว่าเป็นคนมีน้ำใจไม่น้อย ผ่านไปอีกพักหนึ่ง ราเมศมองคนในอ้อมกอดที่กินแรงเขา ให้อุ้มออกมาแล้วยังเผลอหลับปุ๋ย จนถึงทางออกจากแนวป่า แล้วพูดขึ้น “ถึงแล้วคุณ” สิตาลยังคงหลับอยู่ เขาจึงก้มลงไปกระซิบที่ข้างหู “ได้หลับคาอกผู้ชายแบบนี้ คงฟินมากสิท่า หลับสบายเชียว” ราเมศยกยิ้มมุมปาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม