@ห้างสรรพสินค้า
พอมาถึงห้างฯ ยัยเดียกับยัยฮันน่าก็ชวนกันถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีกันแบบรัวๆ เรียกได้ว่าไปที่ไหนก็ต้องเช็กอินให้คนทั้งโซเชียลได้รับรู้ แถมยังตั้งแคปชั่นเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ไปไหนมาไหนเป็นชาติอีกด้วย
‘พาเพื่อนรักมาเปิดหูเปิดตา’
หลังจากถ่ายรูปลงไอจีกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ยัยฮันน่าก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าช็อปกระเป๋าแบรนด์ดังที่เล็งเอาไว้ทันที
กระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ถูกตั้งโชว์เอาไว้ตรงกลางร้านอย่างสวยงาม ซึ่งเวลานี้มันคือสวรรค์ของผู้หญิงอย่างฉันจริงๆ ทำเอาฉันลืมเรื่องออสตินไปอย่างสนิทใจ นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้ออกมาช็อปปิ้งอะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนสายตาของฉันก็แพรวพราวไปหมด กิเลสก็เกิดขึ้นมาทันที
“ฉิบหายแล้วงานนี้ สวยทุกสีเลยว่ะ” เสียงยัยฮันน่าที่กำลังลองสะพายกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่อยู่ก็พูดขึ้น สวยทุกสีเลยจริงๆ ตัดสินใจยากแน่งานนี้
“สวยจริง เอาคนละสีไปเลยมั้ย เผื่อวันไหนเบื่อจะได้เปลี่ยนกันใช้” ฉันรีบพูดขึ้น เมื่อเห็นว่ากระเป๋ามีอยู่สี่สีพอดี
“เออ…ความคิดดี” ยัยเดียรีบเห็นด้วยทันที ก่อนจะหันไปสนใจเลือกกระเป๋ากับยัยฮันน่าต่อ
“รินไม่เอานะ” ยัยรินรีบปฏิเสธขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะไม่อยากเป็นภาระใคร กระเป๋าใบนึงราคาก็เกือบแสน สำหรับยัยรินมันคือราคาที่แพงอย่างมหาศาล แต่สำหรับพวกฉันแล้วราคาแค่นี้ถือว่าสบายมาก
“ไม่เอาก็ต้องเอา” ยัยเดียพูดขึ้นก่อนจะละสายตาจากกระเป๋าแล้วมองหน้ายัยริน ด้วยสายตาที่บังคับกันสุดๆ ยัยเดียไม่เคยมองยัยรินเป็นคนใช้เลยซักนิด ทั้งสองคนโตมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกัน จนยัยเดียมองยัยรินเป็นเหมือนพี่น้องมากกว่าเป็นเพื่อนซะอีก
“แต่ใบเก่าที่เดียให้มามันยังใช้ได้อยู่เลยนะ” ยัยรินไม่พูดเปล่ารีบยกกระเป๋าแบรนด์ดังที่ยัยเดียเอาให้ใช้ขึ้นโชว์ทันที เรียกได้ว่าสภาพยังดีๆ อยู่เลย
“หัดใช้ของใหม่บ้างสิ” ยัยเดียยังคงตั้งใจเลือกกระเป๋าต่ออย่างไม่สนใจที่ยัยรินพูดเลยสักนิด
“มีคนซื้อให้จะไปปฏิเสธทำไม รีบรับไว้เถอะ ไม่ใช่ว่ามันจะซื้อให้บ่อยๆ ซักหน่อย” ฉันที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ก็พูดไปตามความเป็นจริง ของแบบนี้ใครเค้าซื้อให้กันบ่อยๆ ล่ะ นานทีปีหนเค้าถึงซื้อให้ มีโอกาสก็รีบรับไว้เถอะ
“กูเอาสีนี้นะ” ยัยฮันน่าพูดพร้อมกับยกกระเป๋าสีแดงราสเบอร์รี่ให้ทุกคนดู ซึ่งมันดูเหมาะกับยัยฮันน่ามากจริงๆ
“งั้นกูเอาสีนี้ ปีนี้กำลังมาเลย” ตามด้วยยัยเดียที่หยิบกระเป๋าสีเขียวขึ้นมาสะพาย เขียวเหนี่ยวทรัพย์กำลังมาแรงสุดๆ
“กูเอาสีดำ” ฉันพูดขึ้นอย่างไม่ต้องคิด ผู้หญิงอย่างฉันคงไม่เหมาะกับสีขาวหรอก เดี๋ยวจะทำกระเป๋าสกปรกเปล่าๆ
“งั้นยัยรินก็เอาสีขาว เหมาะแล้วแหละ ยัยรินรักษาของดีจะตาย” ยัยฮันน่ารีบพูดสรุปให้ยัยรินทันที
“งั้นไปจ่ายตังค์เถอะ หิวแล้วจะได้ไปหาอะไรกิน” ยัยเดียเองก็รีบไม่ต่างกัน เผลอแป๊บเดียวอยู่ในช็อปกระเป๋าจะสองชั่วโมงแล้ว
ฉันรีบหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋าให้ยัยฮันน่าไปจัดการให้ทันที เมื่อสายตาของฉันไปสะดุดกับคนสองคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน ฉันพยายามที่จะถอยให้ห่าง แต่ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งฉันถอยฉันก็ยิ่งเจอ (โลกนี้มันใจร้ายชะมัด)
“อ้าว! บังเอิญจังเลยเน้อะ” เป็นยัยเดียที่ทักออสตินกับแฟนขึ้น ทำเอาทุกคนต่างหันไปมองทั้งสองคนที่เดินเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะพี่ๆ” ไข่มุขรีบยกมือไหว้ทักทายทุกคน ยกเว้นฉัน! (ดูเหมือนจะมีมารยาทนะแต่สุดท้ายก็ไม่มี)
“เดี๋ยวกูไปดูของร้านนั้นก่อนนะ” ฉันรีบพูดแทรกขึ้นก่อนที่ทุกคนจะได้คุยกันต่อ
“รินไปด้วยนะ” ยัยรินพูดขึ้นแล้วเดินตามหลังฉันออกมาทันที ฉันก็ไม่ได้อยากจะเดินหนีหรอก ก็แค่ไม่ชอบพวกคนไม่มีมารยาทก็แค่นั้น ก็เลยเลือกที่จะเดินออกมา (จริงๆ ก็ไม่อยากจะร่วมสนทนาด้วยหรอกนะปล่อยให้ยัยเดียกับยัยฮันน่าคุยจะดีกว่า)
“คริส…คริสโอเคมั้ย” เมื่อเดินออกมาได้ไกลพอสมควรยัยรินก็ถามฉันขึ้นมา คงจะเป็นห่วงฉันแหละไม่งั้นคงไม่เดินตามฉันออกมาหรอก
“โอเคสิ ทำไมฉันจะไม่โอเค” ฉันพยายามพูดให้ทุกอย่างดูปกติทั้งน้ำเสียงและท่าทางที่ฉันแสดงออกมา
“ถ้าโอเคจริงจะเดินออกมาทำไมล่ะ” ยัยรินยังคงพูดต่ออย่างรู้ทันฉัน
“เฮ้อ! ก็แค่ไม่อยากอยู่ให้ใครต้องอึดอัด” ฉันตอบไปอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ไม่นานยัยเดียกับยัยฮันน่าก็ตามเข้ามาพร้อมกับถุงใส่กระเป๋าแบรนด์เนมขนาดใหญ่ ที่ดูแค่ถุงที่ถือก็รู้เลยว่าราคาแพงแค่ไหน
“จัดชุดใหม่ไปผับคืนนี้กันดีกว่า” ยัยฮันน่าพูดขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาถึง
“ดีเหมือนกันยิ่งเบื่อๆ อยู่” ตามด้วยยัยเดียที่สนับสนุนกันตลอด ไม่เคยปฏิเสธเพื่อนเลยซักครั้ง
“ไปก็ไป เดี๋ยวกูเลือกชุดให้เอง” ฉันหันไปพูดกับยัยรินที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็มากพอแล้ว” ยัยรินรีบปฏิเสธเสียงแข็ง คงจะเกรงใจจริงๆ แหละ
“เดี๋ยวกูจ่ายให้เอง” ฉันพูดก่อนจะหันไปเลือกชุด ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องออสตินอีก ปล่อยให้มันเป็นเรื่องบังเอิญเถอะ คงจะต่างคนต่างไป ไม่มาเจอกันอีกหรอก ห้างก็ออกจะใหญ่ขนาดนี้
“ไปลองชุดกัน!” ยัยฮันน่าพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนเลือกเสื้อผ้ากันไปเยอะแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะบังคับให้ยัยรินไปเปลี่ยนชุดตามที่ฉันเลือกให้
หลังจากที่ลองชุดกันไปซักพัก และตกลงที่จะซื้อทุกชุดที่หยิบมา อยู่ๆ ยัยเดียก็เดินมาสะกิดแขนยัยฮันน่า
“มึงดูซิ! ตามมาอีกแล้ว มึงว่ามันจะบังเอิญเกินไปรึป่าววะ” ยัยเดียหันไปพูดกับยัยฮันน่า แต่ฉันกับยินรินที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็รับรู้ในสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันด้วย
“กูก็คิดเหมือนมึงแหละ” ยัยฮันน่าก็เห็นดีเห็นงามตามยัยเดีย
“อาจจะบังเอิญก็ได้” ยัยรินที่โลกสวยก็พูดขึ้นมาอย่างไร้เดียงสา
“กูว่าไม่บังเอิญหรอก กระเป๋าก็ซื้อสีเดียวกัน แบบเดียวกันกับมึง แล้วยังจะมาซื้อเสื้อผ้าร้านเดียวกันอีก” ยัยฮันน่ารีบพูดเสริมขึ้นพร้อมกับมองหน้าฉัน
ฉันไม่พูดอะไร หันไปสนใจเลือกเสื้อผ้าต่อ นานๆ จะได้มาที ไหนๆ ก็ได้ออกมาช็อปแล้วก็ช็อปให้มันสุดๆ ไปเลยดีกว่า (แต่ความจริงคือไม่อยากจะเห็นภาพบาดตาบาดใจ)
“กูว่าไม่ใช่แล้ว ดูนางเลือกเสื้อสิ แบบเดียวกับมึงเป๊ะเลยอีคริส” เสียงยัยเดียพูดขึ้นมา แต่ฉันก็ยังคงเงียบไม่พูดอะไร ทั้งๆ ที่ในใจแทบจะไม่ไหวแล้ว ยิ่งฉันไม่สนใจ ยิ่งฉันหนี กลับเหมือนว่าฉันต้องเจออยู่ตลอด
“พี่ตินคะ…ชุดโป๊แบบนี้มีคนใส่ด้วยเหรอคะ มุขนึกว่าเศษผ้า” เสียงนางดังแว่วมา ทำเอาพวกฉันได้ยินชัดทุกคำ นางก็แรงเหมือนกันนะ เข้าใจพูดเปรียบเทียบอีก แล้วแต่ละชุดที่ยกขึ้นมาดู ล้วนแต่เป็นชุดที่พวกฉันหยิบใส่ตะกร้าจะไปจ่ายเงินแล้วทั้งนั้น