BOY FRIEND PART_5
หนึ่งเดือนต่อมา
@TK PUB (ผับของไทเกอร์)
หลังจากไปเที่ยวทะเลกลับมาเพื่อนๆ ก็นัดกันไปเที่ยวตามปกติ อย่างน้อยๆ ก็นัดเที่ยวกันอาทิตย์ละครั้ง เพราะช่วงนี้ปิดเทอมอาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนตอนที่เปิดเรียนอยู่
ถึงเพื่อนๆ จะนัดกันไปเที่ยวหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ออสตินก็ยังปฏิเสธที่จะไปด้วยทุกครั้ง อ้างว่าติดธุระบ้างแหละ ติดงานบ้างแหละ ไม่ว่างบ้างแหละ ไม่รู้ว่าจะเหตุผลเยอะไปไหน ตอนนี้เรียกได้ว่าที่ไหนมีฉัน ที่นั่นจะไม่มีออสติน จนบางครั้งมันก็ทำให้ฉันรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ
“นี่กูกำลังเป็นตัวปัญหาใช่มั้ยวะ!” ฉันถามขึ้นด้วยท่าทางเซ็งๆ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้ฉันอดคิดแบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“มึงจะคิดมากไปทำไมวะ” ยัยนาเดียพูดขึ้นมาอย่างปลอบใจฉัน (ฉันรู้สึกได้)
“คริสอย่าคิดมากนะ ตินเขาอาจจะไม่ว่างจริงๆ ก็ได้” ตามด้วยเสียงของยัยไอรินที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ที่ยังคงพูดอย่างให้กำลังใจฉันไม่ต่างกัน
“ถ้าวันไหนมันว่างมันก็คงมาเองแหละ” กวินที่กำลังนั่งมองสาวๆ โต๊ะข้างๆ อยู่ก็หันมาบอกฉัน
“มาๆ ชนแก้วกันหน่อย มึงจะไปคิดมากทำไม” ยัยฮันน่าที่ยืนเต้นอยู่ไกลออกไปก็พูดขึ้นมาซะเสียงดังเชียว สงสัยจะกลัวว่าฉันจะไม่ได้ยิน
เสียงแก้วชนกันดังขึ้นจากนั้นทุกคนก็ยกดื่มกันจนหมดแก้ว อย่างกับคนที่ไม่ได้กินน้ำมาเป็นอาทิตย์
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ทุกคนเริ่มเมาได้ที่กันแล้ว ยัยฮันน่าก็ชวนฉันออกไปเต้น เสียงดนตรีในผับที่เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ทำเอานักท่องราตรีเต้นกันจนลืมเหนื่อย
ในขณะที่ฉันกำลังเต้นอยู่สายตาของฉันก็ดันไปเจอกับใบหน้าที่คุ้นเคยที่นั่งอยู่ไม่ไกล นี่เหรอที่บอกว่าไม่ว่าง! นี่เหรอที่บอกว่าติดงาน! อยู่ๆ คำถามมากมายต่างก็วิ่งเข้ามาในหัวของฉัน คนที่บอกเพื่อนๆ ว่าไม่ว่างแต่ตอนนี้กลับนั่งอยู่กับแฟนตัวเอง และยังมีเพื่อนของยัยไข่มุขนั่งอยู่ด้วยกันอีกเป็นสิบ
สายตานิ่งๆ ของออสตินหันมาสบตากับฉันเพียงแค่เสี่ยววินาที ก่อนที่ออสตินจะหันไปมองทางอื่น ความรู้สึกมากมายกลับถาโถมเข้ามาในใจฉัน นี่ออสตินไม่อยากจะเจอหน้าฉันถึงกับต้องโกหกเพื่อนๆ แบบนี้เลยเหรอ
ฉันยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมด เพื่อดับความรู้สึกมากมายที่อยู่ภายในใจ ก่อนที่ฉันจะเลิกสนใจเรื่องของออสติน แล้วหันมาเต้นกับเพื่อนๆ ต่อโดยไม่คิดที่จะสนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น
ในระหว่างที่ฉันกำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่กับยัยฮันน่า และยัยเดีย ก่อนที่ทั้งสองคนจะไปเข้าห้องน้ำ อยู่ๆ ก็มีผู้ชายร่างกายกำยำเดินเต้นเข้ามาใกล้ๆ ฉัน
ฉันหันไปมองผู้ชายที่ยืนเต้นอยู่ใกล้ๆ ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ พื้นที่ว่างมีตั้งเยอะไม่รู้ว่าจะมาเต้นเบียดฉันทำไม
“นี่! เป็นพวกโรคจิตเหรอ!” ฉันพูดขึ้นเสียงดังเมื่อไอ้ผู้ชายคนเดิมมันมาจับก้นฉัน
“ขายเท่าไหร่เหรอ?” ผู้ชายคนนี้ไม่ได้สนใจในสิ่งที่ฉันพูดไปเลยสักนิด แถมยังมาถามคำถามไร้สาระอีก
“ฉันดูเหมือนขายมากเหรอ!” ฉันถามกลับด้วยสายตาที่เอาเรื่อง
ไร้เสียงตอบกลับ มีเพียงสายตาที่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่แสนจะดูถูก
“แต่งตัวขนาดนี้ใครจะไปเชื่อว่าไม่ขาย หรือคิดจะโก่งราคา” ทั้งสายตาและคำพูดที่ดูถูกฉัน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครมาดูถูกฉันทั้งสายตาและคำพูดแบบนี้เลยสักครั้ง สงสัยจะรู้จักผู้หญิงอย่างคริสตัลน้อยไปซะแล้ว
ฉันกำแก้วเหล้าที่อยู่ในมือเอาไว้แน่นด้วยความโกรธ ความอดทนที่ฉันมีอยู่เริ่มจะหมดลงไปทุกที ก่อนที่ฉันจะยกแก้วเหล้าที่มีน้ำแข็งเพียงไม่กี่ก้อนและน้ำที่มีอยู่เพียงน้อยนิดขึ้นมาแล้วสาดใส่หน้าไอ้ผู้ชายปากไม่ดีคนนี้ทันที
“โอ้ย!” กลับกลายเป็นฉันที่ต้องร้องเสียงหลงออกมา เมื่อไอ้ผู้ชายคนนี้ผลักฉัน จนฉันล้มลงก้นกระแทกพื้นเสียงดัง
“เจ็บตรงไหนมั้ย” อยู่ๆ ออสตินก็วิ่งเข้ามาช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะถามฉันด้วยความเป็นห่วง (ในฐานะเพื่อน) แต่ฉันยังไม่ได้ตอบอะไร ไอ้ผู้ชายโรคจิตก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“มึงเป็นใครวะ มาเกี่ยวอะไรด้วย” ไอ้ผู้ชายคนนั้นถามขึ้นเสียงดัง ตอนนี้ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างหันมามองกันเป็นสายตาเดียว
ผัวะ!!
ออสตินหันไปชกหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นทันที ก่อนที่กวินกับไทเกอร์ที่เป็นเจ้าของผับวิ่งเข้ามาช่วย
ไทเกอร์สั่งให้พนักในร้านลากตัวไอ้ผู้ชายโรคจิตคนนั้นออกไปจากร้านทันที ส่วนฉันยังคงยืนนิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอเจอเข้าจริงๆ มันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ถ้าเกิดไม่มีออสตินกับคนอื่นๆ เข้ามาช่วย ป่านนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
และตอนนี้เหมือนมีใครกำลังจับมือฉันเอาไว้ ก่อนที่ฉันจะหันไปมอง ก็เป็นมือของออสตินที่จับมือฉันไว้ตลอด อยู่ๆ สมองของฉันก็คิดไปถึงเรื่องราวเมื่อก่อน ตอนที่ออสตินยังไม่มีแฟน ออสตินคอยดูแลฉันเป็นอย่างดีไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ฉันเลยซักคน ยิ่งคิดความรู้สึกของฉันมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น จนฉันเผลอใจให้กับเพื่อนสนิทของตัวเอง (ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า)
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย? เจ็บตรงไหนรึป่าว?” หลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยออสตินก็หันมาถามฉันด้วยสายตานิ่งๆ ตามสไตล์
“ไม่” ฉันตอบไปเสียงเบาพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเผื่อว่าออสตินจะไม่ได้ยิน
“เดินกลับโต๊ะเองได้มั้ย หรือจะให้ไปส่ง” ออสตินยังคงถามด้วยความเป็นห่วง (คงจะห่วงในฐานะเพื่อนล่ะมั้ง)
“เดินไปส่งหน่อย” ฉันตอบไปแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าปากไวกว่าความรู้สึกไปอี๊กกก
ดีใจได้ไม่นาน ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ก้าวขาเดินออกไปไหน สายตาของฉันกับออสตินก็ไปเจอกับไข่มุขที่ยืนมองมาที่ฉันกับออสติน ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ก่อนที่นางจะสบัดหน้าแล้วเดินหนีออกไปจากตรงนี้ทันที
บางครั้งฉันก็เข้าใจความรู้สึกนางนะ แต่นางจะไม่เว้นช่องว่างมองฉันกับออสตินในฐานะเพื่อนกันซักหน่อยเหรอ อย่างน้อยๆ ฉันกับตินก็เป็นเพื่อนกัน (ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ต้องการสถานะนี้อีกแล้วก็ตาม)