“รับไปซะ สิบล้านแลกกับการหย่า พรุ่งนี้เช้าเราจะไปที่เขตด้วยกันเพื่อเซ็นต์ใบหย่า”
เสียงเข้มพูดโดยไม่มีการอารัมภบทหลังญาติผู้ใหญ่เดินออกจากห้อง ทำให้ร่างบางในชุดเจ้าสาวแสนสวยราคาหลักแสนที่นั่งพับเพียบบนเตียงกว้างสีชมพู มาลัยมงคลยังคล้องอยู่ที่คอเงยหน้ามองคนพูดด้วยสายตาไหววูบก่อนจะหลุบตามองต่ำ ขยับขาที่มีอาการเหน็บชาเพราะนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานานให้ย้ายออกจากกัน ทำทีเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่สามีหมาดๆ พูดออกมา
ทั้งที่ความเป็นจริงเธอได้ยินชัดทุกถ้อยคำที่สามีเอื้อนเอ่ย
แต่งงานยังไม่ทันข้ามวันกลับถูกสามีจ้างหย่าภายในห้องหอแสนสวยที่ญาติผู้ใหญ่เพิ่งอวยพรให้รักกันหวานชื่น อยู่ด้วยกันยืนนานถึงขั้นถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ถ้าเป็นเจ้าสาวคนอื่นคงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ถูกเจ้าบ่าวพูดจาทำร้ายจริงใจอย่างโหดร้าย
ทว่าไม่ใช่เธอ ที่เป็นคนเลือกเดินในเส้นทางนี้ ทำได้แค่นั่งนิ่งก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองได้เลือก
เจ็บปวด...ก็ต้องข่มไว้ในใจ
เสียใจ...ก็ต้องเก็บไว้ในอก
“ทำไม? หรือมันน้อยไป?” คนพูดหรี่ตามอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการดูแคลน “แต่ฉันว่ามันไม่น้อยนะ มันมากเกินไปด้วยซ้ำ หรือเธอคิดว่าตัวเองมีค่ามากกว่าเงินสิบล้านบาท? หึ ไม่มั้ง”
ดวงตาสวยที่มีนัยน์ตาเศร้าเป็นเอกลักษณ์มองกระดาษใบเล็กที่อยู่ในมือหนาด้วยสายตานิ่ง พยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ให้ลึกสุดใจ สิบล้านบาทมันไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ อย่างที่เขาว่า ตัวเธอคงมีค่าไม่เท่ากับเงินสิบล้าน ชีวิตที่ผ่านมายี่สิบสามปีของเธอเคยมีเงินในบัญชีมากสุดก็แค่หลักหมื่น ซึ่งก็อยู่ได้ไม่กี่วันเงินหมื่นที่มีก็ค่อยๆลดลงเพราะรายจ่ายมากมายที่ต้องใช้ในแต่ละวัน
อายุยี่สิบสามปีกับตำแหน่งเสาหลักของครอบครัว...มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
การนิ่งอาจจะเคยเป็นทางออกของหลายๆปัญหา ทว่าไม่ใช่ตอนนี้ที่เหมือนว่าการนิ่งของร่างบางบนเตียงจะไปกระตุกอารมณ์โมโหของคนพูดให้ลุกโชนยิ่งกว่าเดิม
“เธอจะทนอยู่ไปทำไม ยังไงซะอีกสองปีเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี สู้เอาเงินก้อนนี้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนรักของเธอไม่ดีกว่าเหรอ หรือคิดว่าแต่งงานกับฉันแล้วจะได้มากกว่าเดิม ถ้ายังหลับฝันอยู่ก็ตื่นซะ...เธอจะไม่มีวันได้อะไรนอกจากเงินสิบล้านนี้”
“มนยังไม่มีคนรัก และมนจะอยู่เป็นภรรยาของคุณจนครบสองปี”
ชีวิตที่วันๆ เอาแต่ทำงาน ทำงาน และทำงาน จะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟนหรือคนรัก แม้กระทั่งการแต่งงานครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็นให้เธอต้องรับข้อเสนอบางอย่างก็ไม่มีทางที่นางชินก้นครัวอย่างเธอจะกลายมาเป็นเจ้าสาวของผู้ชายที่เพรียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติอย่างเขาได้
แม้ไม่ใช่เจ้าชาย ทว่าก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธ...‘คุณพิช’ หรือ‘นายพิชญุตม์ กิจจาพัฒนพงศ์’ อย่างแน่นอน
“ฉันไม่อยากรู้ว่าเธอจะมีคนรักหรือไม่มี และฉันก็ไม่ต้องการ ไม่เคยอยากได้เธอเป็นเมีย แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่คิดว่าเธอคือเมียฉัน รับเงินนี้ไปซะแล้วพรุ่งนี้เราจะไปที่เขตด้วยกันเพื่อเซ็นต์ใบหย่า”
“แต่ตามกฎหมายมนคือภรรยาที่ถูกต้องของคุณ”
“นี่เธอ!” พิชญุตม์ถึงกับสะอึก ใบหน้าหล่อเหลาซับสีแดง ริมฝีปากหนาเม้มแน่น เมื่อถูกย้อนซึ่งหน้า เรื่องที่คิดว่าง่าย กลับกลายเป็นเรื่องยาก
ผู้หญิงคนนี้กำลังหัวหมอกับเขา
“สรุปจะเป็นเมียฉันให้ได้สินะ อยากนอนกับฉันว่างั้น? ได้! เธอได้นอนกับฉันสมใจแน่”
มนนัทธ์ธรอยากจะแย้งว่าเธอไม่อยากนอนกับเขา ทว่าสิ่งที่ทำได้คือการนั่งนิ่งมองดูร่างสูงที่เดินลงเท้าหนักๆไปที่ตู้เก็บของมุมห้อง หยิบของบางอย่างออกจากตู้ก่อนจะเดินด้วยท่าทีไม่ต่างจากขาไปกลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่
เขาโยนมันลงบนเตียงห่างจากจุดที่เธอนั่งไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร แรงเหวี่ยงทำให้แผงยาคุมกำเนิดมากกว่าสิบแผงหลุดออกมาจากถุงกระจายอยู่บนที่นอน
“เอาไปซะ ถ้าอยากจะนอนกับฉันก็กินยานี่ให้ฉันเห็นทุกวัน ห้ามขาดแม้แต่วันเดียว”
“มนจะไปฉีดยาคุมค่ะ”
พิชญุตม์ชะงัก คิ้วเข้มยกขึ้นสูงคล้ายแปลกใจ ดวงตาคมหรี่มองคนพูดอย่างสำรวจ
“รอบคอบดีนี่ แต่ฉันไม่ไว้ใจ เธอต้องกินยาคุมนี่ให้ฉันเห็นทุกวัน รู้ใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงให้เธอกินยาคุม เพราะฉันไม่ต้องการมีลูกกับเธอยังไงล่ะ แล้วรู้ไหมว่าการที่ผู้ชายนอนกับผู้หญิงที่เขาไม่คิดว่าเป็นเมียและไม่อยากมีลูกด้วย...มันหมายความว่ายังไง”
“เผื่อคุณไม่รู้ว่าไม่มีการคุมกำเนิดไหนได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ฉลาดพูดดีนี่” เป็นอีกครั้งที่พิชญุตม์ต้องสะอึก มุมปากกระตุก ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อ่อนปวกเปียกอย่างที่เห็นแค่ภายนอก
เธอร้ายกว่าที่เขาคิด
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้เธอคุมฝ่ายเดียวแน่นอน เพราะฉันเองก็จะใช้ถุงยางทุกครั้งที่นอนกับเธอ ฉันไม่คิดว่าลูกๆของฉันจะแข็งแรงถึงขั้นทะลุถุงยางออกมาแล้วฝ่าด่านยาคุมกำเนิดของเธอไปได้หรอกนะ”