บทที่ ๒
เสียงที่เธอได้ยินไม่ผิดแน่ เป็นเสียงคุณแม่แน่นอน เธอค่อย ๆ ย่องไปแอบดูตรงช่องประตูที่ไม่ได้ถูกปิด แต่เนื่องจากห้องที่กว้างมากทำให้แทบไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงเท่านั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอค่อย ๆ แง้มประตูให้เปิดกว้างอีกหน่อยเพื่อจะแอบดูด้านใน แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงที่เดินแก้ผ้าตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อนผ่านไป ภาพนั้นติดตาเธอเป็นอย่างมาก รูปลักษณ์ของผู้ชายที่ไม่ถูกบดบังด้วยเสื้อผ้ากับแท่งเอ็นที่มีขนาดมหึมานั้นทำให้เธออ้าปากค้าง แต่แล้วเธอกับต้องตกใจอีกครั้งเมื่ออาวัลลภหันมาเห็นเธอที่กำลังแง้มประตูแอบดู เขาไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร เขาเดินตรงมาที่ประตูที่เธอยืนอยู่ช้า ๆ ด้วยสภาพที่ล่อนจ้อนเปล่าเปลือยโชว์แท่งเอ็นอันมหึมาแบบนั้น เมื่อเขามาหยุดตรงหน้าที่เธอยืนอยู่ พริ้งพราวถึงได้สติสะดุ้งถอยหลังออกเล็กน้อย
"ไม่รู้หรอว่าการแอบดูคนอื่นเอากันมันเข้าข่ายโรคจิตนะ"
"เอ่อ.."
"อาไม่บอกแม่หรอก เพราะถ้าแม่รู้พริ้งคงโดนดุแย่เลย"
"ขอบคุณ.."
"แต่อามีข้อแม้"
"ข้อแม้อะไรคะ"
"ตอนนี้อายังนึกไม่ออก ไว้อานึกออกจะบอกละกัน"
อาวัลลภยิ้มให้ด้วยใบหน้าเหนือกว่า ก่อนจะปิดประตูลงทิ้งให้เธอยืนเป็นรูปปั้นอยู่หน้าห้อง เมื่อเธอได้สติแล้ว จึงรีบหันหลังกลับเข้าห้องทันทีไม่ไปมันแล้วเดินลงเดินเล่น เธอคิดได้เช่นนั้นก็รีบจ้ำอ้าวเข้าห้องของตัวเองทันที เธอทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนหนานุ่มกลิ้งไปมา แต่ภาพเปลือยเปล่าของอาวัลลภกลับติดตาเธอเป็นอย่างมาก ภาพที่อาวัลลภหันแท่งเอ็นอันพอง ๆ นั้นเดินเข้ามาหาเธอที่แอบมองอยู่ยังติดตาไม่จางหายสักนิด เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปเรื่อยเปื่อยเพื่อสลัดภาพนั้นจนหลับไป
เช้าวันถัดมา
"คุณแม่ไปแล้วหรอพี่นิ่ม"
"ไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะคุณพริ้ง คุณพริ้งจะทานข้าวเลยไหมคะ เดี๋ยวนิ่มยกมาจัดโต๊ะให้"
"ไม่ละ พี่นิ่มมีอะไรทำก็ไปทำเถอะ"
"ค่ะ"
เมื่อพี่นิ่มเดี๋ยวกลับไปทำงาน เธอที่ทำหน้าเบื่อหน่ายก็เดินมานั่งดูทีวีที่ห้องโถงใหญ่ เป็นการฆ่าเวลาเพราะไม่รู้จะทำอะไร มหาวิทลัยก็ปิดเทอมแล้วด้วยสิ
"ดูอะไรหรอ ขออาดูด้วยคนซิ"
เธอสะดุ้งตัวโยน เมื่อได้ยินเสียงอาวัลลภเดินมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่เขาจะอ้อมมานั่งข้าง ๆ เธอ เธอเองก็ยังไม่ทันตั้งตัวว่าถ้าเจอหน้าอาวัลลภเธอจะต้องทำตัวยังไง มันจึงทำให้เธอได้แต่นั่งนิ่ง ๆ แบบคนทำตัวไม่ถูก ภาพอาวัลลภที่เดินแก้ผ้ามาหาเธอเมื่อคืนกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง
เธอเองสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเป็นอย่างมากความรู้สึกถูกแบ่งแยกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งบอกว่าให้เธอลืม ๆ มันไปซะ นั่นคือสามีของคุณแม่ แต่อีกด้านกลับทำให้อยากรู้อยากลอง ถ้าแท่งเอ็นนั้นมาอยู่ในตัวเธอจะเป็นยังไงกันนะ
"เป็นอะไรไป เงียบเชียว"
"เปล่าค่ะ อาวัลลภดูเลยค่ะ พริ้งจะขึ้นห้องแล้ว"
"ไม่เอาน่า อาดูคนเดียวเหงาแย่"
เธอเองก็ไม่ได้ตอบอะไร ยื่นรีโมตทีวีให้อาเลือกดูได้ตามสบาย อาวัลลภเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ จนมาถึงช่องหนึ่ง ภาพในจอฉายให้เห็นหญิงชายคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกอดจูบลูบคลำกันอย่างไร้เซนเซอร์ เมื่ออาไม่ได้เปลี่ยนช่องยิ่งทำให้พริ้งพราวหน้าแดงเรื่อขึ้นมา มีความรู้สึกที่บิดมวนอยู่ในช่องท้อง สายตาก็จับจ้องไปที่ทีวีจอใหญ่ไม่กระพริบ
"เป็นอะไรไปพริ้งพราว หน้าแดงเชียว ไม่สบายรึเปล่า"
"เปล่านี่คะ"
เธอตอบอย่างขอไปที แต่เลือดในตัวสูบฉีดเป็นอย่างมาก อาวัลลภที่เห็นอาการของเธอก็ค่อย ๆ ขยับตัวเองมานั่งข้าง ๆ และเนื่องจากเธอเองนั่งอยู่ริมโซฟาแล้วจึงไม่สามารถหนีไปไหนได้ มือหนาของอาวัลลภแตะไปที่ขาอ่อนที่โผล่ออกมาจากกางเกงขาสั้นของเธอ ทำให้พริ้งพราวสะดุ้งเล็กน้อยหันมามองหน้าอาวัลลภก็เห็นสายตาที่ฉ่ำเยิ้มของเขาอย่างปิดไม่มิด
มือหนาของเขาลูบไล้ไปมาอย่างช่ำชอง จากเนื้อขาขาว ๆ ไล่ลูบไล้ไปที่เอวคอด สร้างความสยิวให้เธอเป็นอย่างมาก พริ้งพราวได้แต่ตบตีกับความรู้สึกตัวเอง ใจหนึ่งก็บอกให้ลุกหนีแต่อีกใจก็อยากลอง จึงทำให้เธอเริ่มเคลิบเคลิ้มไปตามความรู้สึก อาวัลลภไม่รอข้า กระโจนเข้าไปตะปบจูบเธออย่างชำนาญ ฟันขาวขบเม้มริมฝีปากเธอเบา ๆ เป็นหยอกล้อ ลิ้นหนาไล่เลียไปตามขอบฟันของเธอก่อนจะใช้ความชำนาญในการเปิดให้ลิ้นหนาเข้าไปหยอกล้อลิ้นน้อย ๆ
เขาดูดดึงริมฝีปากของเธออย่างดุดัน สลับเบาบางนิ่มนวล ราวกับผึ้งน้อยกำลังหยอกล้อเกสรดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น เขาไม่ทิ้งเวลาให้เสียเปล่า มือสากเลื่อนไปนวดคลึงเข้ากับหน้าอกอวบอิ่มของเธอ มือก็สอดเข้าไปใต้ชั้นในหยอกเย้ากับยอดปทุมถัน เขี่ยเม็ดบัวที่บัดนี้แข็งขึ้นเป็นตุ่มไตอย่างช่ำชอง สร้างความเสียวซ่านให้เธอเป็นอย่างมาก