บทที่ ๑
พริ้งพราว หญิงสาวที่มีอายุ 22ปี เจ้าของใบหน้าที่งดงามราวเทพธิดาโดยไม่ผ่านมือหมอ จึงทำให้เธอเป็นที่ต้องตาต้องใจของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เคยมีใครที่จะผ่านเข้ามาจีบเธอได้เลย นั่นเป็นเพราะคุณหญิงโฉมสกาวนั้นหวงลูกสาวมาก เรียกได้ว่าแทบจะเป็นไข่ในหิน ทำให้ชีวิตวัยรุ่นของเธอ แทบไม่รู้จักผู้ชายเลยก็ว่าได้ คุณหญิงโฉมสกาวนั้นจะคอยชี้นำเธอในทุก ๆ เรื่อง เรียกได้ว่าเธอแทบจะไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองเลยก็ว่าได้
"พริ้งพราวพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงรุ่นของคุณอา แต่แม่ติดงานต้องไปสัมมนาที่กระบี่แม่จะให้เราไปกับคุณอาแทนแม่หน่อยนะ"
"ค่ะ"
"เรามีหน้าที่ดูแลคุณอา อย่าให้คุณอาดื่มเยอะละ"
"ค่ะ"
"ว่านอนสอนง่ายแบบนี้แหละ ถึงจะสมกับที่เป็นลูกสาวคุณหญิงโฉมสกาว"
"งั้นพริ้งขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ"
"ไปเถอะ"
เมื่อเธอคุยกับแม่เป็นที่รู้เรื่องด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงท่าทียินดียินร้าย ก็เดินนวยนาดหวังจะขึ้นห้องทันที เพราะฐานะของที่บ้านค่อนข้างดี มีชื่อเสียงในสังคมทำให้พริ้งพราวต้องรับบทลูกสาวที่เป็นกุลสตรีต่อหน้าทุกคน หากเธอทำกิริยาที่ไม่ดีต่อหน้าคุณแม่ขึ้นมา คุณแม่ที่ดูจะแสนดีจะเปลี่ยนเป็นเสือร้ายที่พร้อมขย้ำคนอื่นได้ทุกเมื่อ เธอจึงไม่มีทางเลือกมากสักเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งแปลกหรืออะไรหรอก เพราะนี่คือสิ่งที่เธอเจอมาตลอด22ปีนั่นแหละ
"งานเลี้ยงรุ่นของอาวัลลภ ทำไมต้องไปด้วยน่าเบื่อจะตายชัก"
ถึงแม้เธอจะรับปากคุณแม่อย่างดี แต่ในใจแล้วก็ไม่แปลกที่จะบ่นกระปอดกระแปด เพราะเธอเองนั้นไม่ชอบอาวัลลภสักเท่าไหร่ อาวัลลภได้แต่งงานเข้ามาในบ้านเมื่อสองปีก่อน คุณแม่หลงหัวปักหัวปำ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าหลงอะไรนักหนาภายนอกอาวัลลภดูดีมาก แสดงบทคนดีตบตาทุกคนได้แนบเนียน แต่ก็มีหลายครั้งที่คุณแม่ออกไปทำงานเธอแอบเห็นอาวัลลภชอบแทะโลมสาวใช้ในบ้านหลายต่อหลายครั้ง จนบางคนทนไม่ไหวลาออกไปก็หลายคน บางคนก็ดูจะเล่นด้วยกับคุณอาแต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสุดท้ายแล้วเรื่องจะไปจบที่ไหน คงไม่พ้นบนเตียงหรอก
เธอแบกร่างที่เซ็งจะตายชัก เดินขึ้นบันไดขึ้นมาที่ชั้นสองเพื่อจะกลับเข้าห้องนอนก็สวนกับอาวัลลภที่เดินออกจากห้องมาพอดี เธอไม่ได้สนใจทำเหมือนอาเป็นอากาศธาตุหวังจะเดินผ่านไปให้พ้น ๆ แต่โชคร้ายไปหน่อย อาวัลลภหยุดยืนขวางทางไว้ทำให้เธอต้องหลุดก้าวเท้าไปด้วย
"พรุ่งนี้ไปงานเลี้ยงกับอาใช่ไหม มีเสื้อผ้าหรือยัง"
"มีแล้วค่ะ ถ้าคุณอาไม่มีอะไรแล้วพริ้งขอทางด้วยค่ะ"
"ไม่เอาน่าพริ้ง ทำไมเราดูไม่ค่อยชอบอาเลยละ"
"ก็รู้นี่คะ เพราะฉะนั้นขอทางด้วยค่ะ"
"แหม .. คนสวย ๆ แบบพริ้งต้องมาทนอยู่ภายใต้การกดขี่ของคุณหญิงโฉมสกาวไม่อึดอัดหรอ อาเป็นห่วงนะ เลยชวนเราออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก"
"แหม .. ต้องขอบคุณอาวัลลภมากนะคะที่อุตส่าห์เป็นห่วง พริ้งง่วงแล้วขอตัวนะคะ"
เธอไม่รอช้าให้อาวัลลภพูดอะไรต่อ เธอเบี่ยงตัวออกมาเพื่อเดินผ่านไปทันที
"มีอะไรกันคะวัลลภ ยัยพริ้งกวนใจอะไรคุณหรือเปล่า"
"ไม่มีจ้ะคุณโฉม ผมกำลังจะลงมาตามคุณพอดีเลย เราเข้าห้องไปเล่นปูไต่กันดีกว่า"
"บ้า .. คุณก็.."
ตกดึกของคืนนั้น พริ้งพราวที่นอนไม่หลับก็อยากออกไปเดินสูดอากาศที่สวนหน้าบ้าน เธอสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ก่อนจะเดินออกจากห้องมา เมื่อเธอเดินผ่านห้องนอนใหญ่ของคุณแม่และอาวัลลภเธอก็ต้องชะงัก แสงไฟเล็ก ๆ ที่สาดออกมาในความมืดทำให้เธอต้องเอะใจ ทำไมคุณแม่ปิดประตูไม่สนิทกันนะ เมื่อเธอไปเรื่อย ๆ กำลังจะเดินผ่านก็ต้องตกใจอีกครั้ง
"อ๊า .. อ๊ะ!! วัลลภขาแรงอีก แรงอีก!"