16.11 PM.
“มึงเลยหนีมาทั้งอย่างนั้นน่ะนะ?”
“ใช่”
ฉันพยักหน้าตอบเต๋อระหว่างที่เรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ ไม่ใช่สิระหว่างที่ฉันกำลังนั่งกินข้าวอยู่ต้องว่าแบบนี้เพราะตอนนี้เป็นเต๋อที่กำลังนั่งซักไซ้ฉันในเรื่องที่ฉันเพิ่งจะเล่าให้ฟัง
ส่วนเต๋อเป็นเพื่อนคนเดียวที่รับรู้ว่าฉันเห็นผีเพราะเราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม มันเป็นคนที่สังเกตอาการฉันจนเป็นฝ่ายถามเรื่องนี้ฉันจึงเล่าให้ฟัง แรกๆมันก็ไม่เชื่อหาว่าฉันบ้าแต่ไม่นานมันก็เชื่อคือฉันก็มีวิธีการที่จะพิสูจน์ในแบบของฉันอยู่ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าใครจะรับได้หรือไม่ได้เท่านั้น
“สงสารเขาว่ะ”
“สงสารกูก่อนไหมล่ะเกือบจะประสาทแดกอยู่แล้ว”
“มันขนาดไหนวะ”
“ไม่ได้มาแบบน่ากลัว” ฉันว่าพร้อมกับสบตากับเต๋อพลางวางช้อนส้อมลงบนจาน “ปกติที่กูเจอจะมีแต่มาขอส่วนบุญไม่ก็มาขอให้ช่วยแต่เขาไม่ใช่ เขาไม่ได้ขอส่วนบุญกู”
“แล้วมันขออะไรมึง?”
ฉันเม้มริมฝีปากพร้อมกับมองเต๋อที่กำลังมองอยู่อย่างมีคำถามก่อนจะหลบสายตามัน ถึงเราจะสนิทกันจนรู้ว่าฉันเห็นผีแต่เรื่องที่ฉันฝันแบบนั้นฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดนะ ใครจะไปพูดได้ว่าตัวเองฝันว่ามีอะไรกับผี
“ไม่ได้ขออะไรเลยนอกจากทำให้กลัว เหมือนเขาอยากหลอกกู”
“ผีน่ะเนาะ รึมันต้องการอะไรมากกว่านั้นรึป่าว?”
“อันนี้กูก็ไม่รู้”
“คือถ้ามันจะทำให้กลัวแล้วทำร้ายมึงอันนี้ก็ไม่ไหวนะ”
เต๋อมองฉันด้วยความเป็นห่วงขณะที่ฉันก็ทำแค่เท้าแขนไปกับโต๊ะพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความกังวล
“กูยังไม่แน่ใจว่าเขาเข้าหาเพื่ออะไรแต่มันมีอีกเรื่อง”
เต๋อขมวดคิ้วมองฉันด้วยความสงสัย
“คือผีที่กูเจออ่ะหน้าตาเหมือนกับคนที่เกือบขับรถชนกูเลย”
“ไงนะ?”
“มึงอันนี้กูไม่ได้เล่นเลย แล้วที่กูหนีมาก็เพราะกูเห็นผีตัวนั้นซ้อนทับกับเขาอ่ะ”
“ชื่อไรนะคนที่เกือบชนมึงน่ะ”
“กุนซือ”
“เรียนนิเทศป่ะ?”
“ใช่ ทำไมมึงรู้จัก”
“เคยอยู่กลุ่มทำงานเดียวกันตอนเรียนเสรีไง” ฉันขมวดคิ้วขณะที่เต๋อก็มองก่อนเขาจะพยักหน้าและโบกมือไปมาต่อหน้าฉัน “กูลืมๆ มึงลงอีกตัว”
“ปกติเขาเป็นยังไง แบบลักษณะท่าทาง”
ฉันเลือกที่จะถามเต๋อในสิ่งที่อยากรู้ทันทีขณะที่มันก็กรอกตาไปมาเหมือนนึกคิดอยู่นานเกือบนาที
“คิดรึหลับ?”
“แป๊บดิคือกูทำงานกลุ่มกะมันตอนปีก่อนไงมันก็นานเอาเรื่องอยู่นะ”
“นึกได้แล้วบอกจะไปจ่ายเงิน”
“เคๆ”
ฉันพยักหน้าและหยิบกระเป๋าเงินเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แต่ก่อนที่จะได้จ่ายหางตาฉันดันเหลือบมองออกไปนอกร้านที่ตอนนี้ข้างนอกเริ่มครึ้มลงแล้ว เหมือนเมฆฝนกำลังจะมาซึ่งนั้นมันไม่ได้น่ากลัวเท่ากับเงามืดที่ยืนอยู่ที่กำแพงร้านที่ปิดตัวในฝั่งตรงข้าม
ถึงไม่เห็นหน้าฉันก็พอรู้ว่าวิญญาณตนนั้นกำลังจ้องมองมาทางฉัน ฉันเบนสายตากลับทางเดิมและเดินไปจ่ายเงินทำตัวให้เป็นปกติเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้เห็นเขาแทน ปล่อยเบลอไปเหมือนทุกทีเดี๋ยวพวกเขาก็ไปเอง
หลายวันต่อมา
11.22 AM.
"มึงเหมือนคนไม่ได้นอนเลย"
ฉันเหลือบมองเต๋อที่ทักกันพร้อมส่ายหน้าไปมา
"พอดีเคลียร์งานดึกน่ะ"
"อ่อ พักผ่อนบ้างๆ"
"อืม ขอบใจมาก"
โกหกน่ะที่บอกว่าเคลียร์งาน ช่วงนี้มันมีงานด่วนซะที่ไหนประเด็นหลักที่ฉันไม่ได้นอนเลยเพราะหลายวันมานี่ฉันเอาแต่ฝันบ้าๆนั้นทั้งๆที่ฉันมีแผ่นยันต์อยู่กับตัว ฉันฝันจนสะดุ้งตื่นพร้อมกับความเมื่อยล้าที่เข้ามาแทนที่
นับวันความฝันมันเริ่มคล้ายความจริงเข้าทุกวัน วันแรกฉันตื่นมาพร้อมกับคราบน้ำตา วันสองฉันตื่นมาพร้อมกับร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่า แต่ที่หนักกว่านั้นคือวันนี้..ฉันมีรอยดูด แม้จะเป็นรอยแค่นิดเดียวแต่ฉันก็เห็นแต่ที่แย่กว่านั้นคือฉันเห็นหน้าเขาชัด ผีที่หน้าเหมือนกุนซือ
"มึงไหวไหมวะ?"
"ไหวๆ แค่ยังไม่ได้กินข้าว"
"กินน้ำก่อนไหม"
"ก็ดี" ฉันพยักหน้าพร้อมกับเต๋อที่ยื่นขวดน้ำมาให้ฉันจึงรับไว้ "ขอบใจ"
ฉันเปิดขวดน้ำและยกดื่มขณะที่หูก็ฟังอาจารย์สอนก่อนจะหันมาจดตามที่อาจารย์ให้เลคเชอแม้จะง่วงและเหนื่อยขนาดไหนฉันก็หลับไม่ได้
"วันนี้พอแค่นี้นะครับ"
อาจารย์พูดคำที่ฉันอยากได้ยินมาตลอดสามชั่วโมงพร้อมกับฉันและเต๋อที่รีบเดินลงไปหาข้าวกิน
"หน้ามึงซีดมากเลยว่ะบลู ขนาดกินข้าวแล้วก็ยังไม่ดูดีขึ้น"
"หรอวะ"
ฉันถามอย่างไม่อยากเชื่อหูก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดเปิดกล้องเพื่อดูหน้าตัวเองซึ่งมันก็ซีดจริง ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับหลับตาและลืมตาอีกครั้ง
กึ่ก!
ดวงตาฉันเบิกกว้างพร้อมกับอาการขนลุกไปทั้งตัวเพราะเมื่อกี้ที่ฉันมองตัวเองในจอมันคล้ายกับว่ามีเงาอะไรสักอย่างมาเท้าคางกับลาดไหล่ของฉัน! ฉันกลืนน้ำลายและรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองทันที
"มึงเป็นไร?"
"เปล่าๆ ไปกินกาแฟกันไหม?"
"เออก็ดีดูมึงไม่ไหวว่ะ"
ฉันพยักหน้าและเดินไปทางร้านกาแฟทันทีไม่อยู่ที่เดิมอีกต่อไป จริงๆเมื่อกี้มันมีอะไรแต่ฉันไม่อยากบอกเต๋อเพราะกลัวมันจะกลัวไปด้วย
"ฮัลโหลหวาน"
ขณะที่เรากำลังนั่งกินกาแฟที่ร้านอยู่หวานแฟนของเต๋อก็โทรเข้าซึ่งนั้นทำให้ฉันที่กำลังจะเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอต้องหุบปากก่อน ฉันไม่อยากให้เสียงตัวเองแทรกน่ะเพราะหวานชอบทะเลาะกับเต๋อเรื่องฉัน..เธอค่อนข้างจะขี้หึง
"ไม่มีเพื่อนหรอ?...แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน?...อืมๆเดี๋ยวเค้าเข้าไปหา..ครับรอแป๊บ"
เต๋อวางสายจากหวานและยิ้มแห้งให้ฉัน
"หวานไม่มีเพื่อนไปกินข้าวว่ะ"
"อ่อ มึงพาหวานไปเถอะเดี๋ยวกูจองที่ให้"
"เคๆ ไม่เลทๆ"
ฉันพยักหน้าและก้มดูนาฬิกาเพราะตอนนี้มันเพิ่งเที่ยง คืออาจารย์ปล่อยก่อนเวลาด้วยแต่ฉันกับเต๋อขี้เกียจกลับหอเพราะมีเรียนต่อตอนบ่าย ฉันเลือกที่จะหยิบหูฟังมาใส่และเปิดเพลงพร้อมเอนตัวพิงกับพนักโซฟาภายในร้าน..
...
..
.
"อึ่ก.."
ร้อนอีกแล้ว..ดวงตาฉันปรื้อมองร่างสูงที่กำลังคล่อมตัวถาโถมร่างกายลงมาหาร่างกายของฉัน ฉันเลื่อนสายตาขึ้นสบตากับเขาที่กำลังยกยิ้มพอใจที่เห็นว่าฉันกำลังทรมานอยู่
"เจอเธอแล้วบลู.."
ริมฝีปากหนากดจูบด้วยสัมผัสจาบจ้วงพร้อมกับปลายนิ้วที่ขยับลูบไล้ไปทั่วร่างกายฉันพร้อมกับความเสียวซ่านที่ถูกปลุกเร้าอย่างง่ายดายเพียงเพราะรสจูบดุดันนี้
"อื้ออ"
ฉันขยับมือขึ้นจับลงที่แขนของเขาพร้อมกับบีบมันแน่นเพื่อคลายความทรมานของตัวเองขณะที่ริมฝีปากเราก็ยังบดจูบไม่ละไปไหนคล้ายกับว่ายิ่งบดจูบยิ่งทำให้เราอยากมากขึ้น แต่จู่ๆร่างสูงก็ขยับตัวออกพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เขาลุกยืนเต็มความสูงทั้งๆที่ร่างกายเปลือยเปล่าก่อนเขาจะหันหลังเดินหายลับเข้าไปภายในความมืดโดยมีฉันที่ขยับลุกตาม
"ยะ อย่าไป!"
ฉันคว้ามือไปกับอากาศพร้อมกับมือของใครอีกคนที่จับแขนฉันพร้อมเขย่าอย่างแรงจนฉันต้องหันไปมองพร้อมกับแสงสว่างที่กระแทกเข้าตาจนทุกอย่างเบลอ
พรึ่บ!
"เธอ เฮ้...บลู!"
"อึ่ก!"
ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับเงยหน้ามองเขาไม่สิ กุนซือที่กำลังยืนเขย่าแขนฉันอยู่เขาขมวดคิ้วมองด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับฉันที่ยังอยู่ในความสติแตก
"บ้าจริง!"
ฉันฝันบ้าๆนั้นกลางร้านขณะที่คนภายในร้านต่างมองจ้องมาที่ฉันราวกับฉันเป็นตัวประหลาด ฉันขยับลุกและสะพายกระเป๋าพร้อมกับวิ่งหนีออกมาจากร้านอีกครั้ง ฉันมองถนนตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจออกตัววิ่งเพราะคิดว่าตัวเองมองดีแล้ว..
ปีดๆๆ!!
"กรี๊ด!"
พรึ่บ!
ฉันกรี๊ดอีกครั้งพร้อมกับร่างกายที่ถูกกระชากกลับไปทางด้านหลังเต็มแรงจนใบหน้าฉันซบอยู่กับอกแกร่งที่กำลังหอบหายใจแรงและถ้าเมื่อกี้เขาดึงฉันไม่ทัน..ฉันโดนรถชนแน่
"เป็นบ้าอะไรของเธอวะ!!?"
กุนซือตวาดเสียงดังลั่นพร้อมกับมองฉันที่เงยหน้ามองเขาด้วยความตกใจ เขา..กุนซือในตอนนี้ทำฉันกลัวฉันกลัวที่เขาตวาดแต่ไม่ได้กลัวเขาในแบบที่หวาดกลัวผี
"ไม่เห็นรึไงวะว่ารถมันพุ่งเข้าใส่ตัวเร็วขนาดไหน!?"
ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับน้ำบางอย่างที่ไหลออกจากจมูก ฉันยกมืออังไว้แต่มันก็ไม่ทันเพราะมันไหลลงมาเยอะมาก...ฉันก้มดูฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือดก่อนจะเงยหน้ามองกุนซือที่กำลังมองด้วยความตกใจ
"กุนซือ..กุนซือจริงๆใช่ไหม"
"ถามบ้าอะไรรีบห้ามเลือดก่อน..เฮ้ยบลู!"
โลกทั้งใบถูกแทนที่ด้วยสีดำอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้มันไม่ได้น่ากลัว หรือเพราะถูกโอบอุ้มโดยวงแขนที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นกันมันเลยไม่น่ากลัว..