ตอนที่ 6
ฉากรักอันเร่าร้อนในห้องน้ำได้จบลงอย่างกะทันหัน ทว่า...ความปั่นป่วนในใจของโรสจรินทร์ยังคงดำเนินต่อไป เธอพยายามปรับเครื่องแต่งกายให้เข้าที่ จัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย แต่ไม่อาจซ่อนแววตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากบทรักอันดุเดือดที่เตชินมอบให้ได้ เพราะมันยังคงคุกรุ่นอยู่ภายในร่างกายของเธอ พร้อม ๆ กับความรู้สึกโล่ง ๆ ที่กายสาวปราศจากชั้นในโดยสิ้นเชิง ดีนะที่วันนี้เธอไม่เลือกสวมใส่กระโปรงตัวสั้นกว่านี้ ไม่งั้นคงต้องเป็นเรื่องแน่ ๆ
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เตชินและโรสจรินทร์ก็ก้าวเข้ามาในห้องประชุมในเวลาไล่เลี่ยกัน แสงไฟสีขาวสว่างจ้าของห้องประชุมราวกับกำลังเปิดเผยทุกความลับที่เพิ่งเกิดขึ้น สีหน้าของโรสจรินทร์ดูเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ปากของเธอเม้มแน่นเพื่อระงับความรู้สึกที่ยังคงค้างคาอยู่
คุณลูกตาลหัวหน้างานเดินเข้ามาหาโรสจรินทร์ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย
“ไหวไหมหนูโรส หน้าซีดเชียว ไปกินอะไรผิดมาเหรอ”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่ตาล” โรสจรินทร์ส่ายหน้าเบาๆ พยายามฉีกยิ้มที่มุมปาก
“หนูไหวแน่นะ”
“ไหวค่ะพี่ตาล ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
การประชุมผ่านไปจนถึงช่วงเวลาที่โรสจรินทร์จะต้องออกไปนำเสนอผลงานของเธอ เตชินมองด้วยความชื่นชมอยู่ห่างๆ ขณะที่การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่น
“ดิฉันเชื่อว่าคอนเซ็ปต์ ความงามที่แท้จริงคือความมั่นใจในแบบของตัวเอง จะเป็นจุดแข็งสำคัญในการสร้างความแตกต่างให้กับ Blooming Well ในตลาดเครื่องสำอางที่มีการแข่งขันสูงค่ะ” โรสจรินทร์เริ่มต้นการนำเสนอด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เธอฉายสไลด์ภาพที่แสดงถึงผู้หญิงหลากหลายเชื้อชาติ สีผิว และรูปร่าง ที่ต่างก็เปล่งประกายความงามจากภายในออกมาอย่างมั่นใจ เตชินมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนยากจะคาดเดาความคิด แต่แววตาคมกริบของเขากวาดมองไปเรือนร่างของเธอโดยเฉพาะกระโปรงที่หญิงสาวสวมใส่ เขาหยุดและจ้องนานเป็นพิเศษ จนโรสจรินทร์รู้สึกประหม่า พอเธอพูดจบเขาก็พูดขึ้นทันที
“แนวคิดนี้น่าสนใจนะครับ...คุณโรสจรินทร์”
“แต่คุณมั่นใจแค่ไหนครับ...ว่ากลุ่มเป้าหมายของบริษัทผมจะเชื่อมั่นในคอนเซ็ปต์นี้ แล้วจะเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ของผม” โรสจรินทร์ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะรีบอธิบายต่อ
“เรามีแผนการตลาดที่แข็งแกร่งค่ะคุณเตชิน ทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ และแคมเปญโฆษณาที่เน้นการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงที่เป็นกลุ่มลูกค้าของ Bloming Well”
คุณลูกตาลที่นั่งเงียบๆ อยู่มุมห้อง รู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจกับสิ่งที่ลูกน้องสาวคนเก่งกำลังนำเสนอ โรสจรินทร์เป็นคนคิดคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมาทั้งหมด ตั้งแต่แนวคิดหลักไปจนถึงรายละเอียดของแคมเปญ และตอนนี้เธอก็ยังคงจดจ่ออยู่กับสีหน้าของเตชิน เพราะอยากรู้ว่าเขาจะคิดอย่างไร จะยอมเซ็นต์สัญญาในโปรเจกต์โฆษณาที่เธอนำเสนอหรือไม่ แล้วเสียงเข้มของเขาก็เอ่ยถามอีกครั้ง
“คุณมีตัวอย่างแคมเปญให้ดูไหมครับ” เตชินถามด้วยสีหน้าจริงจัง โรสจรินทร์รีบฉายสไลด์ถัดไปทันที เป็นภาพสเก็ตช์โฆษณาและภาพประกอบแคมเปญต่างๆ ที่เธอเป็นคนออกแบบตลอดหลายวันที่ผ่านมา หญิงสาวอธิบายรายละเอียดของแต่ละแคมเปญอย่างคล่องแคล่วและน่าเชื่อถือ คุณลูกตาลมองภาพเหล่านั้นด้วยความหวังที่จะได้งานถ่ายโฆษณาให้กับบริษัทของเตชิน
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะการนำเสนอของโรสจรินทร์
“คอนเซ็ปต์นี้ดูเหมือนจะธรรมดาเกินไปนะคะท่านประธาน ดิฉันว่าผู้บริโภคทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจได้ง่ายๆ” นลินทิพย์ เลขาฯสาวของเตชิน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม เตชินหันไปมองเลขาฯ ที่นั่งข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยถามความคิดเห็นของเธอ
“คุณมีความเห็นอื่นหรือครับ”
“แน่นอนค่ะ ท่านประธาน ดิฉันคิดว่า Blooming Well ควรจะเน้นความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า” นลินทิพย์ตอบพลางยิ้มมุมปาก
“ดิฉันว่าเราควรจะเน้นเรื่องส่วนผสมพรีเมียม นวัตกรรมล้ำสมัย และผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง ไม่ใช่มาพูดลอยๆ ให้ลูกค้าคิดเอาเองแบบนี้”
โรสจรินทร์รู้สึกเจ็บแปลบในใจกับคำพูดของนลินทิพย์ สิ้นเสียงของเลขาฯ คุณลูกตาลก็พยายามโต้แย้งช่วยลูกน้องทันที
“แต่คุณเตชินคะ ตลาดเครื่องสำอางตอนนี้ไม่ได้เน้นแค่ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวแล้วค่ะ ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น”
“ความหมายที่ลึกซึ้ง?” นลินทิพย์หัวเราะเบาๆ
“คุณคิดว่าผู้หญิงจะซื้อเครื่องสำอางเพราะความมั่นใจจากภายใน อย่างที่ลูกน้องคุณนำเสนองั้นหรือคะ” น้ำเสียงของเลขาฯ สาวเย้ยหยัน
โรสจรินทร์รู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่านกับคำพูดดูถูกของนลินทิพย์ เธออยากจะโต้แย้งและอธิบายให้เข้าใจว่าคอนเซ็ปต์นี้มีความสำคัญแค่ไหน แต่พอเห็นแววตาที่แม่เลขาฯ คนนั้น มองเตชินก็รู้เลยว่ามันคงไม่ใช่เหตุผลนั้นเพียงอย่างเดียว เธอจึงทำได้เพียงกัดฟันด้วยความหึงหวงอดีตแฟนหนุ่ม อีกอย่างโรสจรินทร์ก็ไม่อยากใช้อารมณ์ เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหายเอาได้ ทว่า...สายตาของเธอก็เผลอไปสบกับสายตาของเตชินที่จับจ้องมา แววตาของเขาดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเธอ ราวกับทั้งสองคนอ่านใจกันออก
หลังจบการนำเสนอโปรเจกต์โฆษาณาคุณลูกตาลก็ตัดสินใจเข้าไปคุยกับเตชินอีกครั้งเป็นการส่วนตัว
“คุณเตชินคะ ดิฉันขอโอกาสให้น้องโรสเถอะค่ะ เธอเป็นคนผิดชอบโปรเจกต์นี้ แล้วนี่ก็เป็นผลงานชิ้นแรกที่น้องโรสทุ่มเทอย่างสุดฝีมือ ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการให้น้องโรสแก้ไขก็บอกมาได้เลยนะคะ” คุณลูกตาลบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและผายมือมาทางโรสจรินทร์ที่ยืนอยู่ เธอถึงกับเหงื่อตก มือไม้เย็นเฉียบ และไม่คาดคิดว่าที่หัวหน้าชวนมาคุยกับเตชินอีกครั้ง จะเป็นโยนเผือกร้อนมาให้เธอในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งมันก็เข้าทางเตชินพอดี ก่อนที่เขาจะหันมามองโรสจรินทร์ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยขึ้น
“ก็ได้ครับ คุณลูกตาล ผมจะให้โอกาสโอกาสคุณโรสอีกครั้ง เห็นแก่ผลงานชิ้นแรก” น้ำเสียงของเตชินเอ่ยขึ้นกับหัวหน้าของเธอ และมันยิ่งทำให้หัวใจของโรสจรินทร์เต้นระรัวหนักขึ้นไปอีก
“หนูโรส พี่ว่าหนูรีบไปหาหมอเถอะ ดูสิหน้าซีดกว่าเดิมอีกนะเนี่ย!” คุณลูกตาลกำชับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในจังหวะนั้นเอง เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็เอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวผมอาสาไปส่งคุณโรสหาหมอเองครับคุณลูกตาล เราจะได้คุยเนื้อหางานกันใหม่” เตชินพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยประกายเจ้าเล่ห์ที่ส่งตรงมายังโรสจรินทร์โดยเฉพาะ คุณลูกตาลหันไปมองเตชินด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็เพื่อให้ได้งานนี้เธอจึงไม่ขัดข้อง ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้โรสจรินทร์อย่างโล่งใจ
“งั้นฝากน้องโรสด้วยนะคะคุณเตชิน”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” เตชินตอบกลับเสียงเรียบ พลางเหลือบมองโรสจรินทร์ที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูมีชัยชนะอย่างชัดเจน
โรสจรินทร์รู้สึกเหมือนถูกสายตาของเตชินจองจำไว้ เขารู้ดีว่าคงไม่ได้แค่คุยเรื่องงาน แต่เขากำลังจะพาเธอเข้าไปในโลกของเขาอีกครั้ง โลกที่เธอพยายามหนีมาตลอดห้าปี เกมสวาทของเตชินกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว และเธอไม่รู้เลยว่าจุดจบของเกมนี้ มันจะจบลงเมื่อไหร่