ด้านจัสมิน
“ยัยคริส พี่แกจะยิงคนจริงๆ เหรอ?”
“ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นฉันนะ จะยิงไส้แตกเลย” ฉันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินยัยคริสตัลพูดแบบนี้ รู้สึกเสียวหน้าท้องอย่างบอกไม่ถูกเลยเอาจริงๆ
“ทำไมแกโหดจังอะ”
“ก็ยิงป้องกันตัวไง ฉันไม่ใช่จะยิงสุ่มสี่สุ่มห้าซะที่ไหนล่ะ”
“เราแจ้งตำรวจกันดีมั้ยแก ฉันกลัวจะมีคนมาตายในบ้านฉัน”
“ความคิดดี งั้นเดี๋ยวฉันโทรเอง” ยัยคริสพูดจบมันก็กดโทรศัพท์มือถือของมันหาตำรวจทันที
“ยัยคริส วางก่อนๆ พวกมันไปกันแล้วอะ” ฉันที่แอบดูสถานการณ์ตรงบานกระจกรีบหันไปบอกยัยคริสให้วางโทรศัพท์ลงก่อน เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นแล้ว
ซึ่งพอไอ้คนที่มาทวงหนี้กลับไป เราสองคนก็รีบเปิดประตูแล้วออกไปหาเฮียไคที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยความรวดเร็ว
“เฮียไคเป็นไงบ้างคะ” ฉันรีบถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงทันที
“เฮียไม่เป็นไร ว่าแต่มีใครพอจะบอกเฮียได้บ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้น คนพวกนั้นมาทวงหนี้อะไร”
“เอ่อคือว่า…...” ยัยคริสหันมามองฉันเป็นเชิงถามว่าเราควรบอกเฮียไคว่ายังไง
“คือคนพวกนั้นมาทวงหนี้ที่แม่จัสค่ะ” แล้วสุดท้ายฉันก็จำต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เฮียไคฟัง หลังจากที่เล่าเสร็จ….
“เฮียว่าจัสไปแจ้งตำรวจไว้ก่อนดีกว่า แล้วหลังจากวันนี้ก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านเฮียก่อน จนกว่าจะติดต่อแม่ของจัสได้”
“เป็นความคิดที่ดีมากค่ะ คริสก็ว่าจะขอเฮียให้ยัยจัสย้ายไปอยู่ที่บ้านเราชั่วคราวอยู่พอดีเลย”
“แต่ว่าจัส เกรงใจ ความจริงจัส อยู่คนเดียวได้นะคะ”
“อยู่ได้ยังไง วันนี้ดีที่พวกมันไม่พกอาวุธมา แต่ถ้าวันอื่นมันบุกมาอีกแล้วเราจะทำยังไง จะสู้กับพวกมันไหว?”
ประโยคของเฮียไคทำให้ฉันนั่งคอตกเลย ที่เฮียไคพูดมาจริงทุกคำ ถึงแม้ว่าฉันจะเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาบ้าง แต่ถ้าจะให้สู้กับผู้ชายร่างหนาอย่างพวกนั้นทีเดียวสามสี่คนฉันก็คงจะสู้ไม่ได้
“งั้นจัสขอรบกวนเฮียไคด้วยนะคะ”
“คิดซะว่าเฮียเป็นพี่ชายของเราอีกคนก็ได้ ส่วนเรื่องหนี้สิบล้าน ถ้าจัสอยากให้เฮียช่วยก็บอก”
“เฮียก็ให้ยัยจัสยืมเลยสิคะ เงินเฮียมีตั้งเยอะตั้งแยะ”
“ยัยคริส!! พูดบ้าอะไรของแก” ฉันรีบหันไปกระซิบที่ข้างกกหูยัยคริสตัลทันทีที่มันพูดจบ ใครมันจะไปบ้าให้คนอื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องยืมเงินกัน อีกอย่างเงินตั้งสิบล้านเฮียไคคงจะยอม
“ได้นะ เดี๋ยวเฮียให้จัสยืมไปใช้หนี้ก่อน ไว้มีค่อยเอามาคืน หรือจะให้เฮียหักเงินเดือนที่ร้านก็ได้”
“ว้าวๆ ป๋ามากค่ะเฮีย งั้นเดี๋ยวกลับบ้านไปเขียนเช็คเงินสดเลยนะ” ยัยคริสตัลนะยัยคริสตัล พูดอะไรไม่คิดจะปรึกษากันบ้างเลย
“ขอบคุณเฮียไคมากๆ นะคะ แต่จัสไม่รบกวนเรื่องเงินดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจัสลองหาวิธีอื่นดู” เงินตั้งสิบล้านไม่ใช่น้อยๆ ใครจะกล้ายืมกัน แล้วนี่ฉันควรจะทำยังไงกับชีวิตของฉันดีนะ เฮ้อรู้สึกท้ออย่างบอกไม่ถูก
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่จัสมินได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านของไคโร โดยเธอขนแค่ของใช้ที่จำเป็นอย่างเช่นเสื้อผ้า หนังสือ ที่ต้องใช้ไปเรียนในแต่ละวันมาแค่นั้น
ส่วนแม่ของเธอ เพิ่งจะโทรติดต่อมาเมื่อวานหลังจากที่ติดต่อไม่ได้มาเกือบหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งอาทิตย์ที่จัสมินกินแทบไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วงแม่ของเธอ
เป็นห่วงทั้งๆ ที่แม่ได้สร้างเรื่องราวใหญ่โตให้เธอขนาดนี้ แต่ถึงยังไงเธอก็เกลียดแม่เธอไม่ลงอยู่ดี ได้แต่ภาวนาขอให้แม่เธอมีชีวิตรอดปลอดภัย ส่วนเรื่องหนี้ที่แม่เธอได้ก่อเอาไว้เธอก็กำลังทำงานหาเงินมาใช้หนี้แทนอยู่
“ยัยจัส แกมีผ้าอนามัยมั้ย?”
คริสตัลที่เดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถามจัสมินที่นอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนที่นอน
“ไม่มีอะ ประจำเดือนแกมาเหรอ?”
“อือ ของฉันก็หมด ทำไงดี”
“งั้นเดี๋ยวฉันออกไปซื้อมาให้ แกรอแป๊บนึงนะ” พูดจบจัสมินก็เด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนในทันที
“เดี๋ยวๆ แกจะไปยังไง?”
“ก็ขี่มอเตอร์ไซต์ไปไง แป๊บเดียวไปกลับไม่เกินยี่สิบนาที”
“แกหยุดคิดได้เลย เกิดไอ้พวกนั้นมันดักฉุดแกข้างทางจะทำยังไง?” พวกนั้นที่คริสตัลหมายถึง คือพวกที่มันมาตามทวงหนี้เมื่ออาทิตย์ก่อนนั่นแหละ
“แล้วแกจะปล่อยให้เลือดไหลโดยไม่ใส่ผ้าอนามัยเหรอ?”
“เดี๋ยวให้เฮียไคขับรถไปส่ง แกรอฉันแป๊บนึงนะ” พูดจบคริสตัลก็หันไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองมา ก่อนจะกดโทรหาคนที่พูดถึงเมื่อกี้
(ว่าไงคริส?) รอสายไม่นานเสียงทุ้มปนงัวเงียก็ดังขึ้นมา
“เฮียไคคะ อยู่ห้องป่ะ?”
(อืม มีอะไร ทำไมไม่เดินมาหา)
“คริส รบกวนเฮียไปส่งยัยจัสที่ร้านสะดวกซื้อทีได้มั้ย พอดีคริสประจำเดือนมา อยากได้ผ้าอนามัยค่ะ”
(งั้นบอกจัสมินรอเฮียแป๊บนึงนะ ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนสักสิบนาที)
“เร็วๆ นะเฮีย คริสไม่มีผ้าอนามัยสำรอง”
(เร็วกว่านี้งั้นก็คงต้องไปทั้งชุดนอนอะ)
“ได้นะคะ แค่ขับรถไปส่งเอง ไปทั้งชุดนอนเลยก็ได้”
(ใครเค้าจะซกมกเหมือนเรา แค่นี้แหละ เดี๋ยวเฮียไปอาบน้ำก่อน) สายถูกตัดไปหลังจากที่ไคโรพูดประโยคนั้นจบ ซึ่งทุกๆ คำพูดจัสมินเองก็ได้ยินหมดเลยเพราะคริสตัลเล่นเปิดลำโพงซะดังขนาดนั้น
ยี่สิบนาทีต่อมา
“ไปซื้ออะไรต่อมั้ย?”
“ไม่ค่ะ เรารีบกลับบ้านกันเถอะ” จัสมินหันไปตอบไคโรทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถเสร็จ เพราะตอนนี้เธอได้ของที่คริสตัลฝากซื้อจนครบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผ้าอนามัยหรือยาแก้ปวดประจำเดือน
“โอเค งั้นกลับกันเลยนะ” สิ้นประโยคของไคโร รถก็เคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนสายหลักอย่างช้าๆ ซึ่งพอขับมาได้ไม่นานรถก็เกิดอาการส่ายไปส่ายมา จนไคโรต้องรีบจอดข้างทางแล้วลงไปดูก่อนจะพบว่า ยางรถด้านหน้าฝั่งคนขับได้แบนราบติดกับถนนไปแล้วเรียบร้อย
“เวรฉิบ!!”
“มีอะไรเหรอคะ?” จัสมินที่นั่งอยู่เบาะด้านข้างคนขับเอ่ยถามในทันที
“ยางแบน เฮียขอยืมโทรศัพท์จัสหน่อยสิ”
“เอ่อ จัสไม่ได้เอาโทรศัพท์มาค่ะ” เพราะเธอคิดว่าออกมาซื้อของแค่แป๊บเดียวไม่จำเป็นต้องพกมาด้วย เธอจึงชาร์จแบตทิ้งไว้ที่ห้อง
“ซวยแล้ว เฮียก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์มา”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ ขับไปต่อไม่ได้แล้วเหรอ?”
“อืม ขับไม่ได้แล้ว”
“ที่หลังรถมียางอะไหล่ไหมคะ?”
“มีนะ แต่ว่าเฮียเปลี่ยนไม่เป็น”
ไคโรตอบไปตามความจริง เพราะทุกครั้งที่รถมีปัญหาเขาก็มักจะโทรเรียกรถสไลด์ให้มารับไปไว้ที่ศูนย์ตลอด
“เดี๋ยวจัสเปลี่ยนเองค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะขับรถไม่เป็น แต่ตอนที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ ท่านเคยสอนให้เธอเปลี่ยนยางอะไหล่รถยนต์อยู่บ่อยครั้ง จนเธอทำได้ และตั้งแต่นั้นมาเธอก็รับหน้าที่เป็นคนเปลี่ยนยางอะไหล่รถประจำบ้านไปเลย
“หืม!! ทำเป็นจริงดิ?”
“จริงค่ะ เดี๋ยวเฮียไคยกยางอะไหล่หลังรถออกมาให้จัสทีนะคะ แล้วก็อุปกรณ์ด้วย”
จัสมินกล่าวก่อนจะลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่ง โดยที่ไม่ลืมจัดการรวบผมสีแดงน้ำตาลของตัวเองที่ยาวพะรุงพะรังนั้นขึ้นเป็นมวยแล้วใช้หนังยางรัดแบบลวกๆ
ซึ่งในจังหวะนั้นเองไคโรที่กำลังจะเดินไปยังหลังรถก็หยุดชะงักทันที เนื่องจากคนตรงหน้าของเขาตอนนี้ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์
เพราะเขาไม่เคยเห็นจัสมินในเวอร์ชันนี้มาก่อน ทุกที เห็นแต่ปล่อยผม ไม่เคยเห็นรวบผมขึ้นหมดจนเห็นใบหน้าเรียวสวยได้รูปชัดเจนขนาดนี้
“เฮียไคคะ! เฮียไค!!”
“หืม!”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อ้อ เปล่าๆ ไม่มี เดี๋ยวเฮียไปเอายางอะไหล่ให้ก่อนนะ”
ไคโรที่ถูกหญิงสาวเอ่ยเรียกจนได้สติกลับมา รีบเดินไปยังหลังรถด้วยหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ
แรงชนิดที่ว่าเขาต้องยกมือข้างนึงขึ้นมาทาบบนหน้าอกแกร่งของตัวเอง เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง แต่อวัยวะในอกด้านซ้ายของเขากำลังเต้นแรงกว่าปกติจริงๆ