หลายวันต่อมา
@บ้านจัสมิน 09.30 น.
“แม่คะ นั่นแม่จะออกไปไหนเหรอคะ?” ร่างบางที่นั่งอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนอยู่ตรงโซฟา เอ่ยถามคนเป็นแม่ที่กำลังจะเตรียมตัวออกไปข้างนอก
“พอดีวันนี้แม่มีธุระด่วนน่ะลูก หนูอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม แล้วก็ถ้ามีใครมากดออดเรียก หนูอย่าออกไปเปิดเด็ดขาดนะ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ แล้วใครจะมาเหรอแม่”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่แค่พูดเผื่อไว้เฉยๆน่ะ ยังไงเดี๋ยวไว้เจอกันตอนเย็นนะจ๊ะ” พูดจบจินดาภาก็ออกจากบ้านไปด้วยความเร่งรีบ ซึ่งจัสมินก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังแม่ของเธอไปด้วยความงุนงง
จัสมิน เธอมีชื่อจริงว่าเจสิตา ปัจจุบันอายุ 21 ปี เป็นนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ เอกการบัญชี เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยX
เธออาศัยอยู่กับแม่ที่บ้านสองคน เพราะพ่อของเธอจากไปด้วยโรคมะเร็งลำไส้ตั้งแต่ที่เธอเรียนอยู่ชั้นมอปลาย บ้านที่เธออยู่ตอนนี้ กับเงินก้อนใหญ่ที่อยู่ในบัญชี คือสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อได้ทิ้งไว้ให้เธอกับแม่เพื่อใช้ดำรงชีวิตในแต่ละวันก่อนที่ท่านจะจากไป
ครืด!! ครืด!!
เสียงโทรศัพท์ที่จู่ๆก็ดังขึ้นมา ทำให้จัสมินที่มองตามแผ่นหลังแม่ของเธอไป จำต้องหันมาสนใจมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
เธอหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะเห็นรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอ
สายเรียกเข้า คริสตัล
ชื่อนี้ทำให้จัสมินรีบกดรับสายในทันที ก่อนที่จะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ว่าไงคะ”
(แกตื่นยัง?)
“ตื่นตั้งแต่แปดโมงกว่าแล้ว แกมีอะไร?”
(ขอไปหาได้ไหม อยู่บ้านคนเดียวมันเหงาอะ)
“แล้วพี่แกล่ะ?”
(เมื่อคืนเฮียไคไม่ได้กลับอะ เห็นบอกว่าที่ร้านลูกค้าเยอะ)
“อ่อ งั้นให้ฉันขับมอเตอร์ไซต์เข้าไปรับแกมั้ย?”
เพราะจากประตูบ้านเข้าไปด้านในตัวบ้านก็ไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
(เดี๋ยวเดินออกไปก็ได้ แค่นี้เอง ว่าแต่เช้านี้แม่แกทำอะไรกินเหรอ?)
“วันนี้แม่ไม่ได้ทำกับข้าวอะ เพิ่งออกจากบ้านไปเมื่อกี้เลย”
(อ้าวเหรอ งั้นฉันจะกินอะไรดีอ่า หิว)
“ที่บอกว่าเหงานี่ ข้ออ้างป่ะ ความจริงคือจะมาหาอะไรกินที่บ้านฉัน?”
จัสมินรู้ทันเพื่อนสาวคนสนิทของเธอ เพราะปกติคริสตัลมักจะให้เธอไปหาที่บ้านซะมากกว่า
(เหงาจริงๆ ที่บ้านเงียบมาก คุณป้าแม่บ้านก็ลากลับบ้านตั้งสามสี่วัน)
“งั้นเดี๋ยวฉันทำไข่เจียวหมูสับให้กิน แกจะมาเลยใช่มั้ย?”
(อ่า กำลังจะะออกไปตอนนี้เลย)
เพราะบ้านจัสมิน กับบ้านคริสตัลอยู่ติดกัน ทั้งสองจึงเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็กๆ เล่นจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน เรียนที่เดียวกัน ตัวแทบจะติดกันตลอดเวลา จะอยู่ห่างกันก็ตอนกลางคืนที่ต้องนอนบ้านใครบ้านมัน
ออด!! ออด!!
เสียงออดหน้าบ้านที่ดังขึ้นมา ทำให้ร่างบางที่กำลังตั้งกระทะจะทอดไข่ จำต้องปิดเตาแก๊สแล้วออกไปเปิดประตู โดยที่เธอคิดว่าเป็นคริสตัลที่มาถึงแล้ว
“ทำไมแกมา…”
คำพูดสุดท้ายถูกกลืนหายลงไปในลำคอ หลังจากที่เห็นบุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้านเป็นชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน ไม่ใช่เพื่อนสาวของเธอแบบที่ควรจะเป็น
“ที่นี่ใช่บ้านคุณจินดาภามั้ย?”
“อ เอ่อ ใช่ค่ะ มีธุระอะไรกับแม่หนูเหรอคะ?”
จัสมินเอ่ยตอบหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่เป็นคนถามเธอ ก่อนที่อีกคนจะพูดขึ้นมา
“ไปเรียกแม่หนูออกมาคุยกับพี่หน่อยได้มั้ยจ๊ะน้องสาว”
“แม่หนูไม่อยู่ค่ะ มีอะไรฝากไว้ได้เลยนะคะ เดี๋ยวหนูบอกแม่ให้”
จัสมินทำใจดีสู้เสือ ถามบุคคลที่อยู่ตรงหน้าของเธอไป ก่อนจะได้รับคำตอบที่น่าตกใจกลับมา
“งั้นฝากบอกแม่หนูด้วยว่า ถ้าไม่หาเงินจำนวนห้าล้านมาใช้หนี้ภายในอาทิตย์นี้ เตรียมตัวตายได้เลย”
พูดจบชายฉกรรจ์ทั้ง4คนก็ขึ้นรถกระบะแล้วขับออกไปทันที เหลือแค่จัสมินที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ตอนเย็น
“แม่คะ”
ทันทีที่จินดาภากลับเข้ามาภายในบ้าน ร่างบางก็รีบวิ่งปรี่เข้าไปหาแม่ของเธอ เพื่อจะเอ่ยถามบางสิ่งบางอย่าง
“มีอะไรเหรอลูก ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“แม่ไปติดหนี้ใครมาคะ วันนี้มีผู้ชายสี่คนมาตามหาแม่ที่บ้าน”
“ว ว่าไงนะ!!”
“วันนี้มีผู้ชายน่ากลัวๆ ขับรถกระบะมาตามหาแม่ที่บ้านค่ะ พวกเขายังฝากบอกอีกว่าถ้าหาเงินห้าล้านมาคืนภายในอาทิตย์นี้ไม่ได้ ให้เตรียมตัวตาย”
ฟุ่บ!!
จินดาภาถึงกับเข่าอ่อนในทันทีที่ได้ยินประโยคจากลูกสาวของเธอ
“สรุปเรื่องมันเป็นยังไงคะแม่? คนพวกนั้นเป็นใคร แล้วทำไม่แม่ถึงเป็นหนี้เยอะแยะขนาดนั้น”
เป็นคำถามที่เธออยากรู้มากๆในตอนนี้
“คือว่าแม่….ฮึก!! แม่ขอโทษนะจัสมิน แม่มันไม่ดีเอง แม่แอบไปเข้าบ่อนมา แล้วเล่นเสีย พวกนั้นมันก็เลยมาตามทวงหนี้จากแม่”
“นี่แม่พูดจริงเหรอคะ? ไหนแม่สัญญากับพ่อก่อนตายไง ว่าจะไม่กลับไปเล่นการพนันอีก”
“แม่ขอโทษนะลูก คือเพื่อนแม่มันมาชวน พอดีมันมีบ่อนมาเปิดใหม่ ตอนแรกๆก็เล่นได้ ได้เยอะมากเลยนะ แต่ว่าช่วงหลังๆมันกลับเสีย แล้วแม่ก็อยากได้ที่เสียไปกลับคืนมา ก็เลยไปกู้เงินจากเจ้าของบ่อน”
คำตอบของจินดาภาทำให้จัสมินถึงกับเข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้น เธอไม่คิดว่าแม่ของเธอจะสร้างเรื่องได้ขนาดนี้
“งั้นเราก็เอาเงินที่พ่อทิ้งไว้ให้ไปใช้หนี้ก็ได้นี่คะ เงินที่อยู่ในบัญชีแม่ พ่อทิ้งไว้ให้เกือบสิบล้านเลยนี่นา”
จินดาภาได้แต่มองหน้าลูกสาวตัวเองอย่างรู้สึกผิด จนจัสมินเริ่มรู้สึกได้ “แม่อย่าบอกนะคะว่าเงินก้อนนั้น ไม่มีแล้ว”
สิ้นประโยคของจัสมิน จินดาภาก็ปล่อยโฮออกมาในทันที เพราะเธอเอาเงินก้อนนั้นที่ตั้งใจจะเก็บไว้ส่งลูกเรียนจนจบไปละลายในบ่อนกาสิโนหมดแล้ว
แล้วตอนนี้เธอก็กำลังจะเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองเพื่อเอาเงินออกมาใช้หนี้ที่เธอก่อ ซึ่งเธอก็ตัดสินใจบอกกับจัสมินลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ