ตอนที่ 3 วันรวมญาติ

2435 คำ
ตอนที่ 3 วันรวมญาติ “นี่พวกเธอ...คุณหนูคาลวินล่ะ” ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ถามหาลูกชาย ซึ่งเมื่อครู่พวกพี่เลี้ยง พยาบาลพิเศษยังล้อมหน้าล้อมหลัง ช่วยกันเลี้ยงอยู่ภายในห้องเด็กอ่อน “คุณอีวานอุ้มคุณหนูคาลวิน ออกไปเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ” พี่เลี้ยงพิเศษคนหนึ่งตอบยิ้มๆ หากแต่คนฟังกลับไม่ได้ยิ้มตอบ ตรงกันข้ามดวงตาทั้งคู่นั้นถลึงออกมา บ่งบอกให้รู้ว่าประโยคคำตอบเมื่อครู่ ไม่เข้าหูซ้ำยังทำให้คุณแม่ลูกอ่อนโมโหขึ้นมาอีก “พ่อมันอุ้มไป แล้วพวกคุณไม่ต้องตามไปช่วยเลี้ยงลูกผมหรือยังไง ถ้าอีวานมันอุ้มลูกผมไปทำตกหัวร้าง คางแตกขึ้นมา ผมจะจับพวกคุณโยนลงไปในบ่อจระเข้ทุกคนเลย” “เอ่อ...ก็คุณอีวานบอกพวกเราว่าไม่...ไม่เป็นไร ไม่ต้องตามไปเฝ้าก็ได้นี่คะ” “ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอีวานไม่มีสิทธิ์ในตัวลูกชายผม” โครม! ตีนยกขึ้นมาถีบตะกร้าของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กอ่อน จนล้มคว่ำลงไปนอนตะแคง พยาบาลวิชาชีพที่มีหน้าที่ช่วยผมเลี้ยงลูกกระโดดถอยหลังไปยืดเกาะกันอยู่มุมห้อง “เอ่อ ขอโทษค่ะ...” “นี่จะเป็นการเตือนครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย อย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก...เข้าใจมั้ย” ผมจิกหางตาคาดโทษพี่เลี้ยงทั้งสามคน จากนั้นเดินกระทืบตีนโครม ๆ ออกมาตามหาลูกชายจนทั่วคฤหาสน์ ไอ้บ้านมาเฟียรัสเซียเอาแต่ใจนี่ซอกเล็กซอกน้อยก็เยอะเต็มไปหมด แล้วไม่รู้ว่าอีวานมันพาลูกผมไปหลบอยู่มุมไหนของบ้าน “อีวานล่ะ” ผมถามบอดี้การ์ดฝรั่งตัวใหญ่คนหนึ่งที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงบันไดทางขึ้นบ้านไปชั้น 3 “คุณอีวาน อยู่ในห้องทำงานชั้นใต้ดินครับ” เมื่อได้คำตอบ ผมเดินเลี้ยวไปตามโถงทางเดินของคฤหาสน์ จนกระทั่งมาถึงบานประตูไม้โอ้คสีน้ำตาลขนาดใหญ่ บอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมขยับมือดึงประตูเปิดให้อย่างรู้หน้าที่ “อือ อ้า” เสียงเล็กของลูกชายร้องอ้อแอ้แว่วมาเข้าหู ขณะไอ้คนที่มันขโมยลูกผมมา ยืนหันหน้าไปทางตู้เลี้ยงจระเข้ตัวอ้วนพีที่มันว่ายลอยเข้ามาใกล้อยู่ชิดติดขอบกระจก “เอ้” “ใช่ พี่เข้...มันน่ารักใช่มั้ยลูก” ‘น่ารักกับผีน่ะสิ น่ารักไปคนเดียวเถอะ’ “ใครใช้ให้คุณเอาลูกผมมา” ผมเดินไปหยุดอยู่ด้านข้าง หันไปมองลูกชายที่กำลังมองจระเข้น้ำจืดขนาดยักษ์ด้วยความสนใจ ครั้งแรกที่ผมเห็นสัตว์เลี้ยงประเภทนี้ ยอมรับว่าใจสั่นอยู่ไม่น้อย แต่พอรู้ว่าไอ้กระจกกั้นนี่มันหนามากพอจะป้องกันอันตรายจากไอ้สัตว์เลื้อยคลาน ครึ่งบกครึ่งน้ำเลือดเย็นนั้นได้จึงเบาใจ ตอนแรกนึกสงสัยอยู่ว่าจระเข้ 4-5 ตัวที่ว่ายวนไปวนมาในบ่อนั้นมันไม่ยักแข็งตาย เพราะรัสเซียในช่วงฤดูหนาว แม้แต่น้ำในแม่น้ำยังกลายเป็นน้ำแข็ง นับประสาอะไรกับบ่อเลี้ยงจระเข้ในบ้าน ถึงมันจะมีขนาดกว้างยาวและลึกมากเท่าบ้าน 2 ชั้นก็เถอะ แต่อยู่ไปสักพักผมถึงได้รู้ว่า อีวานมีระบบจัดการที่ดี ทั้งฮีทเตอร์ เครื่องปรับอุณหภูมิน้ำ ดูแลพวกมันราวกับพวกมันเป็นหมา แมวสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอม “ฉันพาลูกมาเล่นกับเพื่อน คาลวินจะได้ไม่เหงา” “เพื่อน! นี่คุณเห็นลูกผม เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เลือดเย็นชอบกินไก่สดคาวๆ หรือไง เอาลูกผมคืนมาเลย” ผมตรงเข้าไปช้อนมืออุ้มเอาลูกชายที่นอนดิ้นอยู่ในห่อผ้าคืนมา “ไม่ยักรู้ว่านายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้” “เรื่องอื่นผมอาจยอมคุณได้บ้างนะอีวาน แต่ไม่ใช่เรื่องลูก” ผมอุ้มลูกเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟาหนังสีดำ ตั้งอยู่ด้านข้างมือวางตบสะโพกเล็กของลูกชายแล้วก้มลงไปหยอกล้อเรียกรอยยิ้ม “จริงสิจีน วันนี้คุณหมอที่โรงพยาบาลโทรมาหาฉัน เรื่องนัดฉีดวัคซีนครบหนึ่งเดือนให้ลูก” อีวานเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะใหญ่ ซึ่งมีไว้สำหรับวางเครื่องดื่มทำให้ตับแข็ง บรั่นดีสีสวยถูกรินเติมใส่เข้าไปในแก้วสั้น จากนั้นเจ้าของคฤหาสน์ราคาหลักร้อยล้านเหรียญ เดินวนกลับมานั่งลงข้างผม “อืม...จำได้ นี่คุณ แล้วเมื่อไหร่ไอ้พายุหิมะอะไรนี่ มันจะหมดสักที ผมอยากพาลูกกลับเมืองไทยแล้ว” “กลับเมืองไทย?” เสียงแข็งทวนซ้ำคำพูดของผม “ใช่ เราหย่ากันแล้ว...ผมไม่อยู่ให้เกะกะลูกตาคุณหรอกน่า เผื่อว่าวันดีคืนดี คุณอยากพาใครมานอนกกที่นี่ ทางจะได้สะดวก” “ถ้านายอยากกลับเมืองล่ะก็ นายจะไปไหนก็ไปฉันไม่เคยห้าม แต่นายต้องทิ้งคาลวินไว้กับฉัน” “ฝันไปเถอะ ตามกฎหมายลูกเป็นสิทธิ์ของผม” “ฉันเคยบอกนายไปแล้ว ฉันยอมเซ็นใบหย่าให้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้นาย เอาลูกชายของฉันไปนะจีน” “คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามผม” “สิทธิ์ของความเป็นพ่อไง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ยอมให้นายเอาลูกชายของฉันกลับเมืองไทยแน่นอน” “ถ้าอย่างนั้นคุณต้องไปฟ้องศาลเอา เพราะไม่ว่ายังไงผมจะไม่อยู่ที่นี่แน่ รวมถึงคาลวินด้วย ต่อให้คุณมีชื่ออยู่ในใบเกิดของลูก เซ็นรับรองบุตร แต่อย่าลืมนะว่า สิทธิ์ของการเลี้ยงดูยังเป็นของแม่เต็มหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว ผมกับคุณเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” “ฉันเคยบอกนายไปแล้วนะจีนว่า ที่นี่กฎหมาย...ใช้กับฉันไม่ได้” คิ้วเข้มของอีวานขยับยกขึ้นอย่างกวนตีน “ถึง กฎหมาย มันจะใช้กับคุณไม่ได้ แต่นี่เป็นเรื่องของ กฎเมีย ไม่ว่าผมจะต้องแลกด้วยอะไร...คุณจะไม่มีวันพรากลูกไปจากผมได้แน่นอน” “นายก็เหมือนกัน ไม่ว่าะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ยอมให้นายเอาคาลวินไปจากฉัน...” “ฮึก...ฮึก...” เสียงสะอื้นดังมาจากลูกน้อยในอ้อมกอด ปากเล็กบิดเบี้ยวเหมือนกำลังจะร้องไห้ “คาลวิน...ตกใจเหรอลูก โอ๋ โอ๋ แม่เสียงดังไปอย่างนั้นเหรอ แม่ขอโทษนะครับ...ไม่ร้องนะ” ผมเหวี่ยงตาดุไปให้สามีเก่า จากนั้นขยับตัวลุกขึ้นยืน เมื่อลูกชายปล่อยเสียงสะอื้นไห้ชุดใหญ่ออกมา “เฮ้...พ่อกับแม่ เราไม่ได้ทะเลาะนะลูก เราแค่คุยกัน พ่อไม่ให้ลูกไปไหนหรอก....ไม่ต้องกลัว” อีวานวางแก้วเหล้าทิ้งไว้บนโต๊ะจากนั้นมาชะโงกหน้าคุยกับลูกชาย “ฮึก ฮึก” “คาลวินอยากอยู่กับพ่อใช่มั้ยลูก” “อือ” เจ้าของน้ำตาหยดโตเม้มปากเบะ จ้องตากับคนเป็นพ่อนิ่ง “ต้องอย่างนี้สิลูกพ่อ” อีวานเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วพร้อมกับยิ้มยั่วโมโหให้ผม “อย่าเอาลูกมาเป็นโล่นะอีวาน...ผมไม่มีวันใจอ่อนง่าย ๆ หรอก” ผมอุ้มลูกเดินกลับไปยังห้องเด็กอ่อน เพื่อส่งต่อให้พี่เลี้ยงทั้งสามคน ช่วยดูแลระหว่างนั้นพยายามเค้นสมอง คิดหาหนทาง ในการกลับเมืองไทย ที่รัสเซียอีวานมีอิทธิพลมากพอสมควร การที่ผมจะพาลูกชายคนเดียวของเขาบินออกจากประเทศ คงไม่ง่ายเหมือนตอนที่ผมมา “นี่กำลังวุ่นวายอะไรกันอยู่อย่างนั้นเหรอ” ผมเดินออกมายังห้องโถงขนาดใหญ่ส่วนกลางของบ้าน หลังกลับจากพาลูกน้อยไปฉีดวัคซีนตามที่คุณหมอนัด เห็นคนจำนวนหลายสิบคนทั้งหน้าคุ้น หน้าไม่คุ้น กำลังชุลมุนยกโต๊ะ จัดเก้าอี้วุ่นวาย บอดี้การ์ดหลายคน ยืนตัวตรงทำหน้าขรึมอยู่มุมหนึ่งติดผนังห้อง ส่วนอีวานมาเฟียเจ้าของบ้าน นั่งไขว่ห้างกระดิกขา สูบซิก้าพ่นควันผุยๆ อยู่บนโซฟาสีทองอร่าม “คุณอีวาน สั่งให้พวกเราเตรียมจัดงานฉลองอายุครบหนึ่งเดือน ให้กับคุณหนูคาลวินค่ะ” แม่บ้านคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินถือแจกันดอกไม้สดขนาดใหญ่หันมาตอบคำถาม “อะไรนะ ฉลองอายุครบหนึ่งเดือนอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่อง” ปากพูดกับแม่บ้าน แต่สายตามองเลยไปยังฝรั่งตัวใหญ่ที่ค่อยๆ ขยับลุกเดินตรงมาหาผม “อีวาน...นี่คุณจะจัดงานอะไร” “มันเป็นธรรมเนียมของตระกูลเรา เมื่อลูกชายคนแรกอายุครบหนึ่งเดือน ฉันต้องเชิญญาติทุกคนมารวมตัวพบปะ เพื่อที่จะแนะนำสมาชิกคนใหม่ให้กับทุกคนได้รู้จัก” “ทั้ง ๆ ที่อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะกลายเป็นคนอื่น และไม่อยู่ที่รัสเซียด้วยซ้ำอย่างนั้นหรือ” ผมตอกย้ำเจตนาเดิมหนักแน่น “นั่นมันเป็นความคิดของนายฝ่ายเดียวต่างหาก” “สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้ มันก็เป็นความคิดของคุณเองแค่ฝ่ายเดียวเหมือนกัน” การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นภรรยาของชาวต่างชาติ นอกจากความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว ที่ผมพอจะทำใจยอมรับได้บ้าง แต่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นอากาศมากเท่าครั้งนี้ อีวานนอกจากเวลาอยู่บนเตียงเขาไม่ใช่คนช่างพูด และผมเองก็ไม่มีอุปนิสัยช่างเจรจา หรือมีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อใคร ยิ่งไม่ใช่คนยิ้มแย้มแจ่มใสจนอาจเรียกได้ว่าผมเป็นคนหน้านิ่ง งานฉลองครบรอบ 1 เดือนของลูกชายผมจึงไม่ต่างอะไรจากสะเก็ดหิมะเล็กๆ ที่ปลิวเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่ว่าจะย่างเดินไปทางไหนเหมือนตัวเองเป็นสิ่งแปลกปลอม “นี่ถ้านายแต่งงานกับคนระดับเดียวกัน คงดีกว่านี้นะอีวาน...ไม่น่าไปคว้าคนไทยมาเป็นเมียเลย” “นั่นสิ ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง เขามีเมียเป็นคนไทย เห็นว่าพวกนี้จ้องจับฝรั่งรวยๆ นายไม่น่าพลาดเลยนะ” “ฉันคงภูมิใจในตัวหลานชายมากกว่านี้ ถ้าหากเขาจะมีสายเลือดของคนรัสเซียเต็มตัว ไม่ใช่พวกครึ่ง...” โครม! ผมยกตีนถีบขาโต๊ะสำหรับตั้งอาหารว่างหน้าตาสวยๆ ที่อีวานสั่งให้คนนำมาจากโรงแรมใหญ่ สายตาญาติของผัวฝรั่งทั้งฝั่งปู่ย่า ตายาย ญาติโกโหติกา หันมามองผมเป็นตาเดียว “ครึ่งอะไร พูดให้ดี ๆ นะ” ผมคว้ามือบีบรอบคอของคนที่บังอาจวิจารณ์ลูกชายผม “นี่นายทำบ้าอะไร...อีวานหยุดเมียนายเดี๋ยวนี้นะ” “คุณนั่นแหละหยุด หุบปากซะ” “นี่นายกล้าขึ้นเสียงกับพวกเราอย่างนั้นเหรอ...” “ผมกล้ามากกกว่านั้นอีก ถ้าคุณยังไม่หยุดพูดจาหมา ๆ” โครม! แรงทั้งหมดที่มี ผมใช้มันไปกับการเหวี่ยงร่างสูงใหญ่ของญาติผู้ชาย ไอ้คนปากไม่มีหูรูด ไปชนเข้ากับโต๊ะกลมตัวหนึ่ง ซึ่งมีญาติผัวนั่งล้อมวงกำลังกินอาหารกันอย่างสุขสำราญ รอยยิ้มเสียงพูดคุยหัวเราะอันตรธานหายไปจนเงียบกริบ “อีวาน!” เสียงของใครบางคนดังขึ้นเหมือนอยากให้อีวานเข้ามาห้าม ผมไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำว่าอีวานมีท่าทียังไง เมื่อเห็นผมทำร้ายร่างกายญาติผู้น้องคนนี้ “อีวาน ใครก็ได้หยุดมันสิ” “เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลยนี่ ตอนนี้ทำไมเรียกหาให้คนช่วยล่ะ” “แกมันไอ้พวกคนไทย...ชั้น...” ผัวะ! มือรวบกำเป็นหมัด สะบัดตบเข้าไปข้างแก้มขาวของฝรั่งตัวยาวจนมันหน้าสะบัด ฝรั่งตัวใหญ่ถึงกับกรามข้าง อ้าปากกว้างเกร็งกระดูกขากรรไกร ก่อนจะหันมาสบถด่า “คนไทยชั้นต่ำ....” ผัวะ! “ไอ้พวก...” ผัวะ! “เอาสิ...พูดอีกคำสิ” มือจิกเส้นผมกระชากดึง จนศีรษะยกขึ้นมาจากพื้นห้อง "แกมันไอ้...." “ฟังให้ดีนะ ผมไม่ได้มาที่นี่ เพื่อเป็นเบี้ยล่างสำหรับรองมือ รองตีนใคร อย่าคิดว่าผมตัวคนเดียว แล้วจะพูดจาดูถูกเหยียดหยามผมยังไงก็ได้ ผมมาที่นี่เพราะอีวานยกย่องให้เกียรติ แต่งผมเป็นเมียอย่างสมศักดิ์ศรี และผมอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาที่มีเกียรติ ถึงแม้ตอนนี้ผมกับอีวานเราจะหย่าขาดจากกันแต่นั่น...ไม่ได้หมายความว่าเกียรติและศักดิ์ศรีของผมมันจะลดลง จนยอมให้ใครมาดูหมิ่นผมได้ง่ายๆ คาลวินคือลูกชายผม จำ....จำใส่กะโหลกกลวงๆ ของคุณเอาไว้ให้ดี ผมไม่มีวันยอมให้ใครมาพูดจาดูถูกลูกชายของผม” พลั่ก! ผมกระแทกศีรษะใหญ่นั้นกลับลงไปนอนแผ่บนพรมผืนเดิม จากนั้นลุกกลับขึ้นมายืน กวาดตามองหาอดีตสามีและลูกชาย ท่ามกลางสายตาของญาติทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายอีวาน “เธอกล้ามากนะที่ทำอย่างนั้น” ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามากระตุกยิ้ม ยกมุมปากหยักแสดงอาการเหมือนหยามผมไม่ต่างกัน “ผมกล้ามากกว่านี้อีก” ผมเมินสายตาคู่นั้น เดินไปยังหัวโต๊ะซึ่งมีคุณปู่ของอีวานกำลังนั่งหน้าขรึม ถลึงตาดุมองผมอย่างไม่เป็นมิตร ท่อนแขนแข็งแรงอุ้มลูกชายของผมไว้แนบตัว “เธอทำร้ายหลานชายของฉันนะจีน” เสียงดุพูดขึ้นเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ “ครับ...นั่นยังน้อยไปด้วยซ้ำ เขาควรจะโดนอะไรที่หนักกว่านี้” “รู้อะไรมั้ยจีน ตระกูลเราไม่เคยให้ใครมาหยาม” “งั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้นคุณควรลงโทษเขาให้หนัก เพราะเขาหยามเกียรติเหลนคนแรกของคุณ....เอาล่ะ ส่งลูกของผมมา” ผมยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อขอลูกชายคืน “ฉันเพิ่งอุ้มเขาได้แค่ห้านาที เท่านั้นเองนะ” “นั่นนานพอแล้ว...” ผมยื่นมือลงไปช้อนอุ้มลูกชายมาจากมือของคุณทวด หยิบขวดนมแล้วเดินออกมาจากงานเลี้ยงอย่างใจเย็น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม