"นายครับเรื่องที่ให้ไปสืบเรียบร้อยแล้วครับ"มาร์คยื่นเอกสารในมือส่งให้อีริค
"มีนา อภิวัฒน์"เขาอ่านชื่อของผู้หญิงที่พึ่งช่วยไว้เมื่อคืนและหันไปมองมาร์คด้วยความสงสัย
"ครับ เธอเป็นลูกสาวคนโตของคุณทรงพลครับ"
"ลูกสาวคนโต ทำไมคนที่ออกงานสังคมถึงมีแค่คนเดียว ลูกสาวคนนี้นายทรงพลไม่เคยพูดถึงเลย จนคนอื่นเข้าใจว่าเขามีลูกสาวคนเดียว"อีริคพูดด้วยความสงสัยก่อนก้มลงอ่านประวัติส่วนตัวของเธอต่อยิ่งประหลาดใจเมื่อเห็นว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยเธอทำงานพาร์ทไทม์มาโดยตลอด แปลกจนเขาไม่อยากเชื่อว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลอภิวัฒน์จริงๆเพราะที่ผ่านมาแม่และน้องสาวของเธอใช้ชีวิตอู้ฟู่ฟุ่มเฟือยและติดหรูมาก
"ลูกสาวคนนี้เขาไม่เคยพูดถึงเลยจริงๆครับ ไม่เคยออกงานสังคมที่ไหน ไม่มีรูปที่ถ่ายพร้อมครอบครัวตอนออกงานเลยครับ"มาร์คให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้านาย
อีริคนิ่งและคิดว่าลูกสาวที่ทรงพลยอมส่งมาขัดดอกให้เขาคงหนีไม่พ้นมีนาลูกสาวนอกสายตาที่ครอบครัวไม่เคยเห็นค่า ถึงว่าทำไมเขาถึงยื่นข้อเสนอที่พ่อแม่ทั่วไปไม่ทำกัน
บ่ายวันเสาร์
รถตู้สีดำวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านของทรงพล วันนี้เป็นวันที่มีนาต้องเดินทางไปทำงานขัดดอกที่บ้านของอีริค เมื่อรถตู้มาจอดที่หน้าบ้านมีนาขนกระเป๋าออกมาและยืนมองบ้านที่เธอเคยอยู่ บ้านที่เป็นความทรงจำของเธอตั้งแต่เกิด ดูไปน้ำตาก็ไหลไปเพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกมั้ย ใจหนึ่งก็เสียใจที่แม้แต่วันที่เธอต้องจากบ้านไปก็ไม่มีใครอยู่บ้านเพื่อรอส่งเธอแม้แต่คนเดียวจนเธอเผลอคิดว่าหรือการไปจากที่นี่อาจจะทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นกว่านี้ก็ได้
"มีกระเป๋าแค่นี้หรือครับ"คนขับรถถามมีนาเมื่อเห็นเธอถือกระเป๋ามาแค่สองใบและกล่องหนังสืออีกหนึ่งกล่อง
"มีแค่นี้ค่ะ ออกรถได้เลยค่ะ"มีนามองบ้านที่เคยอยู่ขณะที่รถค่อยๆเคลื่อนออกไปจนมองไม่เห็น น้ำตาก็ไหลรินอาบสองแก้ม ความรู้สึกที่ว้าเหว่ เดียวดาย เสียใจไม่รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดกับเธอต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ชีวิตเธอต่อจากนี้จะดีหรือร้ายเธอคิดไม่ออกเลย การต้องเผชิญโลกข้างนอกคนเดียวต่อจากนี้จะเป็นเช่นไรเธอเองก็ไม่อยากคาดเดา สิ่งเดียวที่รู้ตอนนี้คือครอบครัวของเธอไม่มีใครบอกลาหรือให้กำลังใจเธอสักคนทั้งที่เธอทำทุกอย่างเพื่อพวกเขาแต่กลับไม่มีใครทำเพื่อเธอเลย
"แม่ว่าตอนนี้จะมีคนมารับตัวพี่มินไปรึยังคะ"เมษาถามแม่ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งทำผมอยู่ในร้านเสริมสวยอย่างสบายใจ
"คงมารับไปแล้วแหละลูก ไม่ต้องไปสนใจหรอกพี่เค้าน่ะเอาตัวรอดได้ เค้าทำงานตั้งแต่เด็กอดทนจะตายไม่ได้บอบบางเหมือนลูกเมษาของแม่"
"จริงด้วยค่ะ ทำผมเสร็จแล้วเราไปช้อปปิ้งต่อกันนะคะ"
"ได้สิจ๊ะลูก"
ทันทีที่รถแล่นเข้ามาจอดในรั้วบ้านของอีริคหัวใจของมีนาก็เต้นแรง ความรู้สึกของเธอตอนนี้ทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า ทั้งกลัว แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วทางเดียวที่มีคือก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเอง
"ถึงแล้วครับ นายรออยู่ในบ้านครับ"คนขับรถลงไปขนกระเป๋าและกล่องหนังสือของมีนาเดินนำเธอเข้าไปในบ้าน
มีนาสูดหายใจเอาอากาศเข้าไปลึกเต็มปอดและหลับตาเพื่อให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินตามเข้าไปในบ้าน
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อมีนาคนที่คุณพ่อส่งมาให้ทำงานใช้หนี้คุณค่ะ"มีนาสวัสดีทักทายชายหนุ่มที่นั่งหันหลังดูทีวีอยู่
มีนายืนบีบมือตัวเองนิ่งตัวสั่นเทาด้วยความกลัวเพราะคนที่เธอพึ่งทักทายไปเมื่อครู่นั่งนิ่งไม่ตอบกลับ ทำให้เธอรู้สึกว่าการมาของเธออาจทำให้เขาไม่พอใจนัก
ขณะที่เธอยืนก้มหน้าตัวสั่นอยู่อีริคก็ลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าเธอและเอามือเชยคางเธอขึ้นมา มีนาเมื่อเห็นว่าคนที่เธอต้องมาทำงานใช้หนี้คือผู้ชายคนที่ช่วยเธอในวันนั้นได้แต่ยืนนิ่งตาเบิกโพลง อ้าปากค้างด้วยความตกใจไม่คิดว่าเธอต้องมาเจอเขาอีกครั้งในฐานะลูกหนี้เช่นนี้
"ตกใจ?"อีริคเลิกคิ้วถามมีนา
"ค่ะ แสดงว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าคนที่ต้องมาทำงานใช้หนี้คุณคือมิน"
"ผมไม่มีสิทธิ์รู้ข้อมูลของลูกหนี้?"
"มินไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ ขอโทษที่พูดจาไม่เหมาะสมค่ะ"มีนารีบขอโทษเขาเมื่อรู้ว่ากำลังทำให้เขาไม่พอใจ
"หึ ดีรู้จักขอโทษแบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย"
"มินขอเอาของไปเก็บก่อนได้มั้ยคะ แล้วจะรีบมาทำงานค่ะ"
อีริคไม่ตอบแต่เดินนำเธอไปที่ห้องพักที่อยู่ชั้นล่างซึ่งเป็นห้องของแม่บ้าน
"ให้เวลายี่สิบนาทีเสร็จแล้วไปเจอผมที่ห้องนั่งเล่น"
"ค่ะ"มีนารีบขนของเข้าไปเก็บในห้องและเดินสำรวจรอบห้องอย่างน้อยก็ทำให้เธออุ่นใจได้บ้างที่ห้องนี้แม้จะไม่ใหญ่แต่ก็ค่อนข้างดีเพราะภายในห้องมีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือและยังมีห้องน้ำในตัวถือว่าเป็นห้องพักที่ไม่เลวเลย หลังเก็บของเรียบร้อยแล้วมีนาจึงรีบออกไปพบอีริคที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น
"ลุกขึ้นมานั่งข้างบน"อีริคบอกหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่พื้นตรงหน้าเขา
"ไม่เป็นไรค่ะ มินนั่งตรงนี้เหมาะสมแล้วค่ะ"
"ผมบอกให้ลุกขึ้นมานั่งข้างบน ผมไม่ชอบพูดซ้ำหลายรอบ"อีริคบอกมีนาเสียงต่ำจนทำให้เธอรู้สึกกลัวจึงรีบลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเขาทันที
เธอนั่งก้มหน้าน้ำตาคลอ ตัวสั่นสองมือบีบกันแน่นด้วยความกลัว อีริคที่สังเกตเห็นอาการของเธอจึงถามเธอขึ้น
"กลัวหรอ ทีตอนรับปากจะมาทำไมไม่กลัว ทีแบบนี้มาทำเป็นกลัว"
"ขอโทษค่ะ ครั้งต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ"มีนาขอโทษเขาและคิดในใจว่าแม้แต่อาการกลัวเธอก็ยังไม่มีสิทธิ์ นอกจากลมหายใจชีวิตเธอมีอะไรที่เป็นของเธอบ้าง แต่ก็ได้แต่กลืนน้ำตาให้ไหลลงไปในคอเพื่อไม่ให้เขาเห็น
"ดี ต่อไปมาคุยเรื่องหน้าที่ของเธอกัน ขอให้เธอรู้ไว้ว่าเหตุผลที่มาที่นี่ก็เพื่อทำงานขัดดอกให้พ่อเธอและเพื่อเป็นตัวประกันว่าพ่อของเธอจะหาเงินมาคืนผมให้ได้"
"ถ้าพ่อหาเงินมาคืนไม่ได้ คุณจะทำยังไงคะ เอ่อมินแค่สมมตินะคะ"เธอรีบบอกเขาเมื่อเห็นอีริคจ้องมองเธอตาเขียว
"เธอก็คงต้องอยู่ทำงานใช้หนี้ที่นี่ตลอดไปหรือจนกว่าเธอจะหาเงินมาใช้หนี้ผมจนหมด"
มีนาเมื่อได้ฟังคำพูดจากปากของเขายิ่งรู้สึกท้อและหดหู่เพราะเธอมองไม่เห็นหนทางที่จะใช้หนี้เขาหมดและไม่เชื่อว่าพ่อของเธอจะยอมหาเงินมากมายขนาดนั้นมาใช้หนี้เพื่อไถ่ตัวเธอกลับบ้าน