“คุณอีริคครับได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับอย่าพึ่งทำอะไรผมเลย ผมขอโอกาสครั้งสุดท้ายนะครับ”
“หึ เป็นหนี้ห้าสิบล้านมาบอกให้ให้โอกาสอีกครั้งมันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอคุณทรงพล สงสัยบริษัทกับบ้านของคุณผมคงต้องยึดขายทอดตลาดแล้วมั๊ง”
อีริคบอกทรงพลนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่ตอนนี้กำลังนั่งคุกเข่าตัวสั่นเทาก้มศีรษะให้เขาอยู่
“เอาอย่างนี้ได้มั้ยครับ ผมส่งลูกสาวไปขัดดอกให้คุณก่อนได้มั้ยครับ ขอเวลาผมแค่หนึ่งปีผมสัญญาจะหาเงินมาคืนคุณให้ครบเลยครับ”ทรงพลนิ่งคิดสักพักก่อนจะยื่นข้อเสนอที่แม้แต่อีริคเองก็ไม่อยากเชื่อว่าจะออกจากปากของคนเป็นพ่ออย่างเขา
“คุณเป็นพ่อประเภทไหนถึงยอมส่งลูกสาวให้ไปขัดดอก คุณรู้ใช้มั้ยว่าต้องเจออะไรบ้างหนี้เยอะขนาดนี้ผมคงไม่ได้ให้ลูกสาวคุณมานั่งกินนอนกินในบ้านผมเฉยๆหรอกนะ”
“ผมทราบครับ คุณจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นตามที่คุณอีริคต้องการเลยครับ ขอแค่ให้โอกาสผมอีกครั้งและอย่าทำอะไรครอบครัวเรา ผมสัญญาว่าจะรีบหาเงินมาคืนให้เร็วที่สุดเลยครับ”
“หึ ดี ในเมื่อคุณกล้าเสนอผมก็กล้ารับวันเสาร์นี้บอกลูกสาวคุณเตรียมตัวไว้เลยผมจะส่งคนไปรับ”
“ได้ครับ ขอบคุณครับๆๆ”
ทรงพลขอบคุณอีริคและรีบวิ่งออกจากห้องทำงานเขาทันที
“นายครับทำแบบนี้มันจะดีหรือครับ”มาร์คมือขวาของอีริคถามผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง เพราะจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ที่เขาพึ่งปล่อยไปยังไงก็ไม่มีทางหาเงินมาคืนเขาแน่
“จัดการทีหลังก็ยังไม่สาย อยากจะรู้มันจะมาไม้ไหน”อีริคบอกลูกน้องเพราะเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าคนแบบนี้ที่ยอมขายได้แม้แต่ลูกสาวตัวเองไม่มีทางที่จะทำตามสัญญาที่พูดไว้แน่นอน ถ้าไม่เป็นเพราะลุงของเขาขอร้องในตอนนั้นไม่มีทางที่เขาจะให้คนแบบนี้ยืมเงินไปลงทุนเด็ดขาด เพราะทรงพลคือเพื่อนรักของลุง เขาจึงยอมให้เงินก้อนนี้ให้เขาไปลงทุนอีกอย่างเขาเองก็อยากให้ลุงได้เห็นธาตุแท้ของคนคนนี้ที่คอยแต่จะปอกลอกลุงเขา แต่น่าเสียดายที่คุณลุงเสียไปก่อนจึงไม่ได้เห็นธาตุแท้ของเพื่อนรักคนนี้
สามปีก่อนตั้งแต่ที่เขาให้เงินก้อนนี้ทรงพลไปลงทุน ทรงพลก็ไม่เคยทำตามคำพูดที่ให้ไว้สักอย่าง งานก็ไม่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน แต่กลับเอาเงินให้ลูกเมียใช้ชีวิตหรูหราในแวดวงไฮโซ เมื่อเขาบอกว่าจะส่งลูกสาวมาขัดดอกก็นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะไฮโซอย่างลูกสาวเขาจะทำอะไรได้
บ้านตระกูลอภิวัฒน์
“เป็นยังไงบ้างคะคุณ”ดารณีรีบตรงเข้ามาถามทรงพลทันทีที่เห็นสามีเดินเข้ามาในบ้าน
“ยังดีที่มันยังให้โอกาสไม่อย่างนั้นแม้แต่บ้านหลังนี้เราก็จะไม่มีให้อยู่แล้ว แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไรคะ”ดารณีถามสามีด้วยความสงสัย
“เราต้องส่งลูกสาวเราไปขัดดอก”
“ห๊ะ คุณว่าอะไรนะคะ จะให้ส่งลูกสาวเราไปขัดดอก นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ”
“คุณใจเย็นๆสิฟังผมก่อน ลูกสาวเราไม่ได้มีแค่เมษาคนเดียวสักหน่อย คุณลืมไปแล้วหรือว่ายังมีมีนาอีกคน”สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มร้าย
เย็นวันนั้นขณะที่ทั้งสี่คนนั่งทานข้าวเย็นกันอยู่ทรงพลก็แจ้งทุกคนเรื่องสถานการณ์ในบ้านตอนนี้
“พ่อมีเรื่องจะบอกลูกๆทั้งสองคนว่าช่วงนี้บ้านเรากำลังเจอวิกฤติพ่ออยากขอความร่วมมือจากทั้งสองคนให้ช่วยพ่อหน่อย”ทรงพลตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องหนี้สินให้ลูกสาวฟัง
“เมษาไม่เอาด้วยหรอกนะคะ หนี้คุณพ่อเป็นคนก่อก็ต้องหาทางใช้เองสิคะ”เมษาบอกผู้เป็นพ่อโดยที่ไม่สนใจใยดีผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย
“มีนาล่ะลูก”ดารณีเป็นฝ่ายถามบ้าง
“เอ่อ ถ้าจะให้หนูช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านบ้างก็น่าจะพอได้อยู่ค่ะ เดี๋ยวหนูหางานพิเศษทำเพิ่มหลังเลิกเรียนค่ะ”มีนาบอกทุกคนเพราะอยากช่วยพ่อจริงๆ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ค่าเล่าเรียน ค่ากินค่าอยู่ของเธอจะเป็นเงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แต่ถ้าครอบครัวของเธอลำบากเธอก็พร้อมจะทำงานหนักขึ้นเพื่อช่วยเหลือครอบครัว
“โถ ลูกสาวแม่กตัญญูอะไรขนาดนี้”ดารณีแสร้งทำเป็นลูบหัวมีนาด้วยความสงสารและเห็นใจ
“พ่อมีทางที่ง่ายกว่านั้นโดยที่ลูกไม่ต้องลำบากมาก คือลูกแค่ไปอยู่บ้านคุณอีริคคอยช่วยงานเขาเล็กๆน้อยๆแค่นั้นก็พอแล้ว”
“อะไรนะคะ นี่พ่อจะให้หนูไปอยู่บ้านเจ้าหนี้ พ่อจะให้หนูไปขัดดอกหรอคะ”มีนาถามพ่อด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าพ่อจะยอมให้ลูกสาวตัวเองไปอยู่บ้านใครก็ไม่รู้ โดยเฉพาะผู้ชายคนนี้ที่ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่โหดมาก
“มีนาใจเย็นๆฟังพ่อก่อนนะ ถ้าพ่อไม่ทำแบบนี้บ้านหลังนี้รวมทั้งบริษัทก็จะถูกเขายึดไปจนหมด ถึงตอนนั้นครอบครัวเราก็จะไม่มีอะไรเหลือเลยนะ พ่อสัญญาไปอยู่แค่ไม่นานไม่เกินหนึ่งปีพ่อต้องหาเงินไปคืนเขาได้แน่นอน”ทรงพลพยายามหว่านล้อมลูกสาวโดยมีดารณีนั่งตีหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ
“เราไม่ต้องมีบ้านหลังใหญ่ ไม่ต้องมีบริษัทก็ได้นี่คะ เราขายทั้งหมดเพื่อใช้หนี้เขาก็ได้แล้วไปหาซื้อบ้านหลังเล็กๆอยู่กันไม่ดีกว่าหรอคะ”มีนาเสนอ
“ไม่ได้เมษาไม่ยอม ทำแบบนั้นเมษาก็อายเพื่อนแย่ พี่มีนาไปอยู่บ้านเขาน่ะดีแล้ว คนอื่นจะได้ไม่ต้องลำบากด้วย”
“นะลูกถือว่าช่วยพ่อสักครั้ง”
ทั้งทรงพลและดารณีพยายามเกลี้ยกล่อมมีนาจนสุดท้ายเธอก็ยอมใจอ่อนตอบตกลง ถึงแม้ว่าภายในใจตอนนี้จะเจ็บปวดมากและมีคำถามมากมายเข้ามาในหัว เธอได้แต่เก็บความเจ็บปวดและความน้อยใจเอาไว้ในใจไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น
ทุกครั้งที่ต้องเสียสละก็จะเป็นเธอตลอดที่ต้องเป็นฝ่ายยอมแม้แต่ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเธอก็เลือกเรียนมหาวิทยาลัยรัฐเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ตอนที่พ่อแม่บอกว่าค่าใช้จ่ายในบ้านไม่พอเธอก็อาสาจะหาเงินส่งตัวเองเรียนจนถึงปีสี่อีกแค่ไม่ถึงปีเธอก็จะเรียนจบแล้ว ผิดกับน้องสาวเธอที่อยากได้อะไรพ่อแม่ก็หาให้ทั้งหมดไม่เคยต้องลำบากอะไร ครั้งนี้ก็เหมือนกันคนที่ถูกกดดันให้ไปทำงานขัดดอกก็คือเธอ จนบางครั้งเธอเองก็คิดสงสัยว่าเธอใช่ลูกของพ่อกับแม่จริงๆหรือเปล่า แต่เพราะความรักครอบครัวทำให้เธอเก็บความเจ็บช้ำน้ำใจนั้นเอาไว้ในใจ
“มินตกลงก็ได้ค่ะ แต่พ่อต้องสัญญานะคะว่าจะไม่ให้มินอยู่ที่นั่นนาน”
“พ่อสัญญาลูกพ่อสัญญา ลูกนี่เป็นลูกที่ดีจริงๆ เตรียมตัวไว้นะวันเสาร์นี้จะมีคนมารับลูกที่บ้าน”
“เร็วขนาดนี้เลยหรอคะ มินยังไม่…”
“จะช้าจะเร็วก็ต้องไปอยู่ดีนั่นแหละพี่มินจะเล่นตัวทำไม น่ารำคาญ”เมษาบ่นมีนาด้วยท่าทางโมโห
คืนนั้นมีนาได้แต่นอนคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงค่ำ เธอถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไหวจริงๆใช่ไหม คิดไปน้ำตาก็ไหลไปจนเพลียหลับไปทั้งน้ำตา