แปลกใจ

1419 คำ
บ้านหลังใหญ่โตมโหฬารสีขาวสะอาดตา ตกแต่งหรูหราสมฐานะ ตระกูลอิทธิวิวัฒนากุล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และอาหารเครื่องดื่มชั้นนำระดับประเทศ ที่มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวที่มักบ้างานจนไม่มีเวลาแวะมาทานอาหารกับบิดาและมารดาที่บ้าน “สวัสดีค่ะคุณน้าโอภาส คุณน้าอัปสร” ชัญญาลูกสาวคุณหญิงประนอม พี่สาวของท่านโอภาส เดินเข้ามาภายในห้องรับแขกของบ้าน ยกมือไหว้เจ้าของบ้านท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนจนน่าเอ็นดู “ไหว้พระเถอะลูก ว่าแต่คุณแม่อยู่ไหนจ๊ะ” คุณหญิงอัปสรรับไหว้ เอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง “มาสิคะ นั่นไง” ยังไม่ทันที่ชัญญาจะบอกพิกัดมารดาของตัวเอง คุณหญิงประนอมก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าห้องรับแขกพอดี “สวัสดีค่ะ พี่ประนอม” คุณหญิงอัปสรยกมือไหว้คุณหญิงประนอมอย่างนอบน้อม เพราะเธอคือพี่สาวของสามีที่สนิทกันพอสมควร “จ้ะ สบายดีนะ” คุณหญิงประนอมตอบรับอย่างมีจริต เดินเข้าไปนั่งโซฟาว่างข้างลูกสาวของตน “สบายดีค่ะ พี่สบายดีนะคะ” คุณหญิงอัปสรเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบของพี่สามี ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากคุณหญิงประนอมทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศ นานครั้งจึงกลับมาที่ประเทศไทย “สบายดี ช่วงนี้พี่อยู่ไทยยาวหน่อย” คุณหญิงประนอมตอบกลับอย่างมีจริต เพราะช่วงนี้เธออยากกลับมาพักผ่อนที่ไทยด้วย จึงอยู่นานกว่าปกติ ซึ่งชัญญากลับเห็นชอบเป็นอย่างดี “พี่จะพักอยู่ที่บ้านเรารึเปล่า” ท่านโอภาสเอ่ยถามพี่สาวของตนเอง และพร้อมจัดห้องให้สำหรับพี่สาวและหลานสาวได้พักอาศัย “แน่นอนว่าพี่ต้องพัก กับน้องชายสุดที่รักอยู่แล้ว” คุณหญิงประนอมยิ้มหวานตอบกลับน้องชายตนเอง อย่างน้อยได้กลับมาอยู่กับครอบครัวของตัวเองที่ประเทศไทยเป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดแล้ว “ว่าแต่ครั้งนี้พี่จะอยู่นานไหม” “ประมาณหกเดือน มาดูงานที่นี่ แวะมาพักผ่อนด้วย ว่าแต่เจ้ายุไม่อยู่เหรอ” คุณหญิงประนอมกวาดสายตามองหาหลานชาย แต่กลับพบความว่างเปล่า บ้านหลังใหญ่โตดูเงียบสงัดเสมือนไร้ผู้คนอาศัย “รายนั้นไม่ค่อยกลับบ้านหรอกค่ะ” คุณหญิงอัปสรบอกกับพี่สามีตนเองเสมือนกำลังฟ้อง หาตัวช่วยก็ไม่ปาน “ขนาดป้ากลับไทยมาแท้ ๆ ยังไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านอีก ถ้าเจอจะหยิกเข้าให้” คุณหญิงประนอมบ่นอุบอิบ ติดงอนหลานชายเพียงคนเดียวที่ไม่มาให้เห็นหน้า “คงต้องฝาก พี่ประนอมจัดการแล้วค่ะ” คุณหญิงอัปสรตอบกลับด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มหวาน “ตาภาส คุณพ่อล่ะ” คุณหญิงประนอมพึ่งนึกขึ้นได้ ว่าบุคคลที่เธอยังไม่พบนอกจากหลานชาย ยังมีบิดาของตนอีกหนึ่งคน “คุณพ่อไปตีกอล์ฟกับท่านทินกรครับ สงสัยคงไปคุยเรื่องปรองดองกัน” “เจ้ายุไม่ขัดเรื่องนี้เหรอ” คุณหญิงประนอมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเธอทราบนิสัยหลานชายดี เวลาถูกบังคับให้ทำอะไรก็มักจะค้านหัวชนฝาเป็นประจำ จนฝ่ายที่ยอมถอยหนีคงหนีไม่พ้นผู้เป็นปู่ “ผมก็ไม่เห็นว่าลูกชาย จะประท้วงอะไรนะครับ” ครั้งนี้ท่านโอภาสเองก็สงสัยและมึนงง ไม่น้อย แต่ก็ยังหาคำตอบในเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน นอกจากรอฟังจากปากของจิรายุลูกชายเพียงคนเดียวของตน “แต่งกับหลานสาวตระกูล อัศวภัชรกุล พี่ก็ไม่ติดนะ” ตระกูลอิทธิวิวัฒนากุลและตระกูลอัศวภัชรกุล รู้จักกันมานาน หากได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเงินทองคงไม่รั่วไหลไปไหน แถมยังเสริมให้ทั้งสองตระกูลมั่งคั่งเป็นทวีคูณอีกด้วย “สรก็ไม่ติดค่ะ เคยเจอหนูคนนั้นตอนเด็ก แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว” คุณหญิงอัปสรก็ไม่ติด หากลูกชายไม่ได้โวยวายและยอมอย่างว่าง่าย อีกอย่างเธอก็เคยเห็นคู่หมั้นของลูกชายเมื่อตอนเด็ก ก่อนที่ยายหนูคนนั้นจะบินไปต่างประเทศ “แล้วทำไม ถึงยังไม่ตบแต่งสักทีล่ะ” คุณหญิงประนอมเอ่ยถามด้วยความสงสัย อายุอานามของจิรายุไม่ใช่น้อยแล้ว ณ ตอนนี้ย่างก้าวขึ้นเลขสามไปแล้วด้วย และเหตุใดทั้งสองตระกูลยังใจเย็นกันอยู่ “รอเจ้าสาวค่ะ เห็นบอกว่าเรียนต่อโทที่ต่างประเทศ ยังไม่กลับไทย” “ยังไม่กลับไทยเหรอคะ” ชัญญาที่นั่งฟังอยู่นานอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าสวยเริ่มเลิ่กลั่ก เพียงแค่เห็นสายตาทุกคู่จ้องมองมายังเธอ “ใช่จ้ะ หนูชัญญามีอะไรรึเปล่า” คุณหญิงอัปสรเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ยิ่งเห็นท่าทางเลิ่กลั่กปนตกใจของชัญญา ยิ่งทำให้อยากรู้เป็นเท่าตัว “เปล่าหรอกค่ะ หนูก็คิดว่าพี่ยุจะยกเลิกงานแต่งเสียอีก” “น้าก็แปลกใจ เหมือนกัน” เรื่องนี้ไม่มีใครทราบเหตุผลดีไปมากกว่าจิรายุ ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องรอลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบอกเล่าให้ฟังเท่านั้น @ ห้องพักผู้ป่วย VIP “สาวที่ไหน โทรเข้ามาไม่หยุดเลยวะ” อรรถพลเอ่ยถามจิรายุขึ้น เมื่อได้ยินเสียงมือถือที่ดังอยู่หลายสาย “ป้ากูเอง” จิรายุตอบกลับด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบปิดเสียงมือถือหนี เพราะยังไม่อยากสนทนากับป้าของตัวเองในเวลานี้ “ป้ามึงกลับไทยเหรอ” อรรถพลเอ่ยถามขึ้น มือถือของจิรายุจะมีสายเรียกเข้าจากป้า ก็ต่อเมื่อป้าประนอมอยู่ที่ประเทศไทย “อือ” จิรายุพยักหน้ารับ ล้มตัวลงนอนอย่างเผลอลืมอาการบาดเจ็บที่แผ่นหลังของตัวเอง จนต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด “สมน้ำหน้า ว่าแต่แบบนี้ น้องชัญญากลับมาด้วยรึเปล่าวะ” อรรถพลไม่ได้ถามเพราะพิศวาสชัญญา แต่ที่ถามเพราะเกิดความรำคาญใจทุกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ “ก็คงกลับมา ด้วยกัน” “กูก็แค่แปลกใจ ปกติเห็นตัวติดมึงแจ จนกูคิดว่ามีซัมติงกัน” “ซัมติงเหี้ยไร กูเห็นชัญญาเป็นแค่น้องสาว” ระหว่างเขากับชัญญาไม่ได้มีอะไรอย่างที่อรรถพลคิดสักนิด อีกอย่างเขาเห็นชัญญาเป็นแค่น้องสาวที่อยากมีพี่ชายคอยปกป้องเท่านั้น “มึงไม่คิด ผู้หญิงคิดรึเปล่าวะ” อรรถพลยังคงไม่ละความสงสัย “หยุดความคิดสกปรกของมึงครับ ไม่มีใครคิดทุเรศแบบมึงหรอก” “ครับ แต่ก็ไม่แน่ เพราะว่ามึงกับชัญญาไม่” ยังไม่ทันที่อรรถพลจะพูดจบประโยค เกวลินกลับเปิดประตูเข้ามาพอดิบพอดี จนทำให้บทสนทนาทุกอย่างหยุดลง “สวัสดีค่ะ คุณอรรถพล” เกวลินเอ่ยทักทายอรรถพลด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มหวาน อารมณ์ดีเมื่อหนังท้องอิ่มจนง่วงนอน “สวัสดีครับ คุณเกวมาพอดีเลย งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” “ค่ะ เดี๋ยวเกวลินไปส่ง” “ขอบคุณครับ” ในขณะที่เกวลินกำลังจะเดินหันหลังไปยังประตูห้องพัก กลับต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเข้มของประธานหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงพูดขึ้นดักทางเอาไว้เสียก่อน “ที่นี่โรงพยาบาลมัน เธอจะไปส่งทำไม” “ไอ้เวร” อรรถพลหันไปสบถใส่จิรายุอย่างไร้เสียงพูด แต่สามารถอ่านปากจนทราบถ้อยคำด่าทอ ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป “ท่านปวดหลัง อยู่รึเปล่าคะ” เกวลินเดินไปข้างเตียงคนป่วย เอ่ยถามประธานหนุ่มขึ้นอีกครั้ง และคำตอบที่ได้รับกลับทำให้หญิงสาวเริ่มเบาใจลงได้บ้าง “ดีขึ้นแล้ว” “งั้นก็พักผ่อนค่ะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์” เมื่อท้องอิ่มมาก ร่างกายตั้งการพักผ่อน จึงรีบห่มผ้าให้คนป่วยที่อยู่บนเตียง พลันบอกราตรีสวัสดิ์และเดินหันหลังกลับไปนอนโซฟาที่มีหมอนและผ้าห่มวางอยู่ ก่อนที่ร่างบางจะทิ้งตัวลงนอนและเผลอหลับไปในที่สุด โดยที่เธอไม่แม้แต่จะหันไปมองคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง ที่กำลังนอนตะแคงข้างมองมายังเธอ “ฝันดี” เสียงทุ้มพึมพำเบา ๆ หลับตาลง เมื่อรู้สึกเบาใจที่มีคนอยู่เป็นเพื่อนในโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาไม่ชอบตั้งแต่เด็ก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม