เกวลินเดินหอบกระเป๋าเดินเข้ามาภายในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี ในชุดเสื้อผ้าสบายพร้อมนอน โดยมีประธานหนุ่มนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงเพียงลำพัง
ชีวิตที่ทำแต่งานกลับต้องกลายเป็นผู้ป่วยที่ต้องพักผ่อน ยิ่งทำให้ประธานหนุ่มจดจ่อบานประตูที่กำลังจะเปิดเข้ามา เพราะนั่นเสมือนสีสันที่พึ่งเข้ามาในชีวิต
เพียงแค่เห็นเกวลินวางกระเป๋าสัมภาระของเขาและเธอลง เสียงทุ้มต่ำจึงเอ่ยบอกสั่งให้ผู้ช่วยเลขาปอกผลไม้ที่อยู่ข้างเตียงให้ทาน
“ปอกผลไม้ ให้ผมที”
“ขอโทษนะคะ ท่านประธาน เงินเดือนสามหมื่นห้าใช้งานขนาดนี้เลยเหรอคะ” ใบหน้าสวยเริ่มแสดงอาการหงุดหงิดใจออกมา ยิ่งคิดถึงเงินเดือนที่ได้รับกับภาระอันใหญ่หลวงที่ต้องรับผิดชอบ จึงทำให้เธอเผลอลืมตัวพูดโพล่งออกมา
“หึ! ทำไม่ได้?” จิรายุหัวเราะในลำคอหนา ยกยิ้มมุมปาก พลันเอ่ยถามผู้ช่วยเลขาด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
“ฉันสามารถฟ้องกรมแรงงานได้เลยนะคะ” ใช้งานหนักขนาดนี้ แถมเวลานี้ยังเป็นเวลาเลิกงานที่เธอควรได้รับการพักผ่อน แต่ไหง กลับต้องติดแหง็กเฝ้าท่านประธานอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย
“งั้นผมเพิ่มให้ เดือนละห้าหมื่นบาท” เมื่อเห็นท่าทีงอแงที่พร้อมจะเดินออกจากห้องพัก ทุกเมื่อ ทำให้ประธานหนุ่มยื่นข้อเสนอที่ทำให้เกวลินตาลุกวาวขึ้นมาอีกครั้ง
“โอเคค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะปอกให้ทาน แต่” เกวลินตอบตกลงด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เดินไปยังผลไม้ที่วางอยู่และไม่ลืมหันหน้าไปคุยกับประธานหนุ่มเสมือนลืมพูดบางอย่างให้รับทราบ
“อะไรอีก”
“รบกวนท่านโทรไปแจ้งฝ่ายบุคคล เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” หากเธอไม่ได้ยินประธานบริษัทโทรสั่งลูกน้อง เธอไม่มีทางหยิบมีดที่วางอยู่ด้านข้างกระเช้าผลไม้เด็ดขาด
“ผมเป็นเจ้านายคุณ” จิรายุย้ำสถานะตัวเองให้หญิงสาวได้รับทราบ ใบหน้าชายหนุ่มยังคงเรียบเฉย พลันส่ายศีรษะเอือมระอา
“แต่ตอนนี้ นอกเวลางานนะคะ” นอกเวลางานไม่มีคำว่า เจ้านาย–ลูกน้อง มีเพียงสถานะเพื่อนร่วมโลกเท่านั้น
“เฮ้อ! ผมไม่น่ารับคุณเข้ามาเป็นภาระเลย” ตั้งแต่เธอเข้ามาทำงานไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ เสมือนชีวิตของเขามีภาระเพิ่มอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วภาระและความหนักใจของเขาควรต้องลดลงด้วยซ้ำ
“โธ่ท่าน! ตอนนี้ใครเป็นภาระใครคะ ดิฉันยังไม่ได้คิดค่าน้ำมันเดินทางไปเก็บของที่คอนโดฯ ท่านเลยนะคะ”
“คุณจะเก็บทุกบาท ทุกสตางค์” จิรายุเลิกหางคิ้วเข้มเอ่ยถามเกวลินขึ้น หวังได้ยินคำตอบที่เสนาะหู แต่! ชายหนุ่มกลับลืมไปเสียสนิทว่าผู้หญิงคนนี้ เป็นคนที่พูดตรงเหมือนขวานผ่าซาก
“ถ้าเป็นไปได้ ก็แน่นอนค่ะ ท่านรวยจะตาย” แน่นอนว่าเธอไม่ยอมเสียเปรียบคนรวยแน่นอน
ไม่ว่ายังไง ต้องได้รับผลประโยชน์ที่น่าพึงพอใจ (เพราะเธอเป็นลูก หลาน นักธุรกิจใหญ่ ที่ถูกสอนให้ได้รับผลประโยชน์ที่คุ้มค่า)
“ครับ” จิรายุตอบรับเพียงประโยคสั้น ๆ เอื้อมมือไปหยิบมือถือที่อยู่ข้างเตียง กดต่อสายหาฝ่ายบุคคลเพิ่มเงินเดือนให้กับผู้ช่วยเลขาทันที
เพียงแค่ได้ยินคำสั่งที่หลุดออกจากปากของประธานหนุ่ม กลับเรียกรอยยิ้มกว้าง เสียงฮัมเพลงเบาหลุดออกจากปากเกวลินดั่งคนอารมณ์ดี
“ผมให้คุณปอกผลไม้ ไม่ใช่ให้คุณเฉือนเนื้อทิ้ง” ผลแอปเปิลหน้าตาประหลาดวางอยู่ตรงหน้าของจิรายุ ผลแอปเปิลรูปร่างบิดเบี้ยว แหว่ง จนแทบไม่มีเนื้อ ทำให้ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้
“อ้าว! ก็ท่านบอกให้ปอกเปลือกไงคะ นี่ไง ไม่มีเปลือกหลงเหลือแม้แต่นิดค่ะ” เธอทำผิดตรงไหน ในเมื่อท่านประธานบอกให้ปอกเปลือกผลไม้ ซึ่งเธอก็ทำตามครบถ้วน ไม่ให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว
“คุณ เล่นตลกอะไร” ณ ตอนนี้ จิรายุเริ่มสับสนภายในใจ ชายหนุ่มเริ่มแยกไม่ออกว่าสิ่งที่เกวลินทำนั้น เธอกำลังกวนประสาทเขาอยู่หรือเปล่า?
“โอ๊ย! ท่านคะ ถึงรูปร่าง หน้าตาจะประหลาด แต่รับรองว่าอร่อยแน่นอนค่ะ”
“ผมว่า คุณคงหิว เชิญไปทานมื้อเย็นด้านล่างของโรงพยาบาลเถอะ”
“เป็นความคิดที่ดีค่ะ แต่ว่าท่านจะไม่มีคนช่วยดูแล” เกวลินลืมไปเสียสนิทว่าเธอยังไม่ได้ทานเข้าเย็น
เพราะมัวแต่ไปเก็บของที่คอนโดฯ ประธานหนุ่ม และไหน ต้องรีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมานอนเฝ้าต่ออีก เพียงนึกขึ้นได้ท้องของเธอกลับร้องลั่นขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวไอ้อรรถ จะมา” จิรายุสะบัดมือไล่ให้เกวลินออกไปทานอาหารเย็น เพราะเขาอยากให้สมาธิทบทวนและปรับอารมณ์สวิงของตัวเองในเวลานี้
“งั้นดิฉันขอตัวไปทานมื้อเย็นก่อนนะคะ มีอะไรโทรเรียกได้เสมอค่ะ” เกวลินที่กำลังจะเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย ไม่ลืมหันกลับมาบอกกับประธานหนุ่มด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป
ระหว่างที่เกวลินกำลังจะเดินไปยังลิฟต์ เพื่อไปยังโรงอาหารของโรงพยาบาล กลับต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยเอ่ยทักทายเธอ
“อ้าว! มาทานอาหารเย็นเหมือนกันเหรอ” หมอชมจันทร์เอ่ยทักทายเกวลินเสมือนคุณหมอกับญาติคนไข้ที่พึ่งรู้จักกัน
“ใช่ค่ะ คุณหมอชมจันทร์” เกวลินตอบกลับด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“หมอก็นึกว่า เกวลินเป็นห่วงคุณว่าที่สามี จนไม่ยอมทานอะไร” หมอชมจันทร์เอ่ยแซว เกวลินท่าทางมีนัยสำคัญ สายตาล้อเลียนจนเกวลินต้องตอบกลับด้วยประโยคกระแนะกระแหน
“ทำไม คุณหมอปากเสียจังคะ”
“หมอเห็นนะ สายตาประหลาด ดูลึกซึ้งของท่านประธาน ที่มองผู้ช่วยเลขาของตัวเอง” เหตุการณ์ที่ผ่านมา กลับทำให้คุณหมอเห็นสายตาของจิรายุที่ใช้มองเกวลิน สายตาที่มีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่จนรู้สึกเอะใจ
“เกวว่า คุณหมอต้องทำงานหนักจนตาพร่ามัวแน่เลยค่ะ” เธอเข้ามาทำงานกับประธานหนุ่มไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่หากจะมีอะไรประหลาด คงหนีไม่พ้นเจ้านายที่มีนิสัยชอบหว่านเสน่ห์กับลูกน้องแค่นั้นเอง
“แต่ ฉันเห็นจริง ๆ นะคะ” หมอชมจันทร์ยังคงย้ำประโยคเดิม เพราะเธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาพร่ามัวเหมือนที่ถูกกล่าวหาแน่นอน
“เลิกพูดเรื่องอื่นได้แล้ว พาฉันไปทานอาหารเย็น เดี๋ยวนี้” เกวลินสั่งหมอชมจันทร์ให้รีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะเวลานี้เธออยากมีเวลาพักผ่อน ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของท่านประธานมายุ่งเกี่ยว
“ได้ค่ะ คุณผู้ช่วยเลขา หมอจะนำทางไป เดี๋ยวนี้” หมอชมจันทร์ผายมือเชิญเกวลินเดินออกจากลิฟต์ ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับเพื่อนสาวของตนเอง
“แกว่าแต่ฉัน ฉันก็คิดว่าเห็นอะไรผิดปกติเหมือนกันนะ” เกวลินที่พึ่งนึกอะไรออก รีบพูดโพล่งขึ้น ดวงตากลมโตหรี่ตาจับผิดคุณหมอคนสวยเสมือนมีเรื่องให้จับพิรุธ
“อะไร?” หมอชมจันทร์ขมวดคิ้วเป็นปม งุนงงกับประโยคคำพูดของเพื่อนสาวตัวเองไม่น้อย พลันอยากรู้จึงต้องหยุดเดินเพื่อรอคำตอบ
“เจ้าของโรงพยาบาล กับ คุณหมอสาวสวย ดูเคมีเข้ากันดีนะ” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าของเกวลิน หากเธอมองไม่ผิด ดูเหมือนหมอชมจันทร์คนนี้จะมีอภิสิทธิ์มากกว่าหมอท่านอื่นไปไหน ๆ
“เพ้อเจ้อ ไม่มีทางแน่นอน” หมอชมจันทร์ปฏิเสธพัลวัน ก่อนที่เธอจะรีบเดินเข้าไปในโรงอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาจับผิดของเกวลิน