@ บริษัทอิทธิวิวัฒนากุล
ตึกสูงตระหง่านยอดสูงเสียดฟ้า บ่งบอกถึงความมั่งคั่งของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และอาหารเครื่องดื่มชั้นนำในประเทศ ที่มีพนักงานเดินขวักไขว่ด้วยความเร่งรีบตามวิถีพนักงานออฟฟิศ
“เกวลิน เธอมาทำอะไรที่นี่” เสียงหวานพึมพำกับตัวเอง ร่างบางยังคงยืนอยู่หน้าบริษัทไม่ขยับตัวไปไหน ทบทวนและหาคำตอบกับตัวเอง ณ ตอนนี้เธอเสมือนนางฟ้าตกสวรรค์ก็ไม่ปาน
จากเมืองหนาวกลับต้องมาอยู่ที่ประเทศไทย ประเทศที่ร้อนระอุไปทุกหย่อมหญ้า จนพลันให้รู้สึกหงุดหงิดใจจนเผลอเตะเข้ากับกระป๋องโค้กที่วางอยู่ตรงหน้า เพื่อระบายอารมณ์ขุ่นมัวในใจ
“โอ๊ย! เชี่ยอะไรวะ” เสียงร้องอุทานด้วยความเจ็บปนตกใจของผู้ชายสวมสูทดูภูมิฐานคนหนึ่ง กำลังจะเดินเข้าไปในบริษัทดังขึ้น พลันหันหลังกลับมาดูทิศทางกระป๋องที่กระแทกเข้าศีรษะอย่างแรง
“เวรแล้ว” เกวลินสบถขึ้น ขาเรียวรีบวิ่งไปหลบอยู่มุมหนึ่งของตึกโดยอัตโนมัติ หวังพรางตัวไม่ให้ถูกจับได้ ณ เวลานี้เธอยังไม่พร้อมมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครทั้งสิ้น
“ท่านประธาน เป็นยังไงบ้างครับ” ขันติเลขาคนสนิทรีบเข้าไปดูอาการของเจ้านาย พลันพยายามกลั้นขำเอาไว้ไม่ให้หลุดต่อหน้าประธานหนุ่ม
“เจ็บสิครับ ถามได้” จิรายุ หรือ ยุ ประธานหนุ่มแห่งบริษัทอิทธิวิวัฒนากุล กรุ๊ป หนุ่มหล่อ ร่ำรวย มักเอาแต่ใจและขี้หงุดหงิด เพียงแค่ไม่ได้ดั่งใจ ตอบกลับเลขาคนสนิทด้วยคำพูดสุภาพ ต่างจากสีหน้าและน้ำเสียงอาฆาตโดยสิ้นเชิง
“คะ ครับ ให้ผมพาไปโรงพยาบาลดีมั้ยครับ” สายตาน่ากลัวของประธานหนุ่ม เสมือนมัจจุราชที่กำลังจ้องคาดโทษอยู่ จนพลอยทำให้ขันติตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักปนลนลาน
“ไม่ต้อง ไปตรวจดูกล้องวงจรปิดแทน” สิ่งที่จิรายุอยากทราบมากที่สุดในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นมือดีที่ปากระป๋องโค้กใส่ศีรษะเขา
“เออ คือว่า” ใบหน้าเลิ่กลั่ก น้ำเสียงและสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ พยายามอธิบายกับเจ้านายหนุ่ม พลันเผลอลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ว่า” จิรายุถามกลับเพียงประโยคสั้น นัยน์ตาคมยังคงจับจ้องไปโดยรอบบริเวณ หวังเจอตัวต้นเหตุ แต่ โดยรอบบริเวณกลับว่างเปล่าจนน่าหงุดหงิดใจ
“กล้องวงจรปิดตรงนี้ พึ่งเสียครับ” ขันติสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ตอบกลับเจ้านายหนุ่มโพล่งเดียวจบ ก้มหน้ารอรับชะตากรรมของตัวเอง
“ดี ให้มันได้อย่างนี้สิ” จิรายุกัดฟันกรอด เวลานี้ประธานหนุ่มไม่รู้ว่าควรหงุดหงิดหรือโมโหเรื่องไหนก่อนดี
“ผมจะรีบติดต่อ ให้ฝ่ายจัดซื้อจัดการให้ครับ”
“อย่าให้มีครั้งที่สอง” น้ำเสียงเรียบเฉยแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก เอ่ยเตือนเลขาหนุ่ม และเดินเข้าไปในบริษัท
“ครับท่านประธาน” ขันติทำได้เพียงตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ โค้งศีรษะให้กับประธานหนุ่มเล็กน้อย พ่นลมหายใจพรืดยาวด้วยความโล่งอก
“นิสัยแย่มาก คนแบบนี้เหรอ? ที่คุณปู่อยากให้ฉันแต่งงานด้วย” การกระทำของประธานหนุ่มอยู่ในสายตาของเกวลินทั้งหมด จนอดตำหนิประธานหนุ่มไม่ได้ แถมยังสะใจไม่น้อยที่สามารถจัดการผู้ชายคนนั้นได้
“แย่แล้ว สายแล้ว” สายตาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง อุทานขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเธอมีนัดสัมภาษณ์ ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาประธานบริษัท ที่เธอต้องได้รับตำแหน่งนี้ เพื่อผลประโยชน์บางอย่างในอนาคต
หน้าห้องประธานบริษัทที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายนั่งเรียงรายอยู่หน้าห้อง ถูกเลขาส่วนตัวของประธานเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ทีละคน และที่หน้าเอะใจคงหนีไม่พ้นสีหน้าและท่าทางของผู้สมัครงานแต่ละคนที่ดูไม่จืดเดินออกมา
บ้างก็เดินคอตก บ้างก็ถอนหายใจพรืดยาว บ้างก็แสดงใบหน้าสิ้นหวัง จนพลันให้เกวลินแปลกใจไม่น้อย จนกระทั่งถึงคิวสัมภาษณ์ของเธอ
“เชิญ คุณเกวลินครับ” เลขาหนุ่มเดินเข้ามาเชิญเธอด้วยท่าทางสุภาพ ต่างจากเจ้านายหนุ่มที่เธอเห็นการกระทำโดยสิ้นเชิง
“ค่ะ” เกวลินยันตัวลุกจากเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าปอด ตั้งสติและเดินตามเลขาหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานของประธานบริษัท
ภายในห้องทำงานที่กว้างขวาง อุณหภูมิในห้องเย็นเฉียบจนเกวลินรู้สึกขนลุก เธอมองไปยังโต๊ะทำงานที่มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดสูท นั่งอ่านเอกสารบางอย่างท่าทางสุขุม เผลอมองอยู่นานสองนาน จนรับรู้ได้ถึงแรงสะกิดต้นแขนที่มาจากเลขาหนุ่ม
“เชิญ” ประธานหนุ่มเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารประวัติส่วนตัวของเกวลิน ผายมือเชิญเธอนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอง
“สวัสดีค่ะ ฉันเกวลิน จบการศึกษา” เกวลินพยายามแนะนำตัว ประวัติการศึกษาและนามสกุลจอมปลอมที่ถูกเธอสร้างขึ้นมา แต่! กลับต้องชะงัก เมื่อได้ยินคำถามของประธานหนุ่ม
“มีแฟนหรือมีสามีรึยัง” น้ำเสียงเรียบเฉย นัยน์ตาจ้องมองใบหน้าสะสวยของเกวลิน เสมือนรอคำตอบจากเธอ
“คะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน มึนงง กับคำถามสัมภาษณ์งานของประธานหนุ่มไม่น้อย เพราะเธอไม่เคยเจอบทสัมภาษณ์แบบนี้มาก่อน
“ผมจะไม่ทวนคำพูด ตอบครับ” จิรายุยังคงย้ำคำเดิม เพราะเขาไม่ชอบพูดซ้ำให้มากความ จนคำพูดของเขาไม่ศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย
“ไม่มีแฟน ไม่มีสามี มีแต่ว่าที่สามีค่ะ” เกวลินตอบตามความเป็นจริง ณ เวลานี้คงมีเพียงว่าที่สามีเท่านั้น
“พรุ่งนี้เช้า มาเริ่มงานได้” น้ำเสียงและใบหน้าเรียบเฉยเอ่ยสั่งหญิงสาวตรงหน้า ทุกอย่างเสมือนจริงจนเกวลินอุทานขึ้นด้วยความมึนงง
“คะ”
“หมดธุระแล้ว เชิญ” ประธานหนุ่มเชิญเกวลินออกจากห้องทำงานทันที หลังจากหมดธุระและเรื่องที่จะสัมภาษณ์เธอ โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ ให้หญิงสาวพอจะเข้าใจเลยสักนิด
“หา! เดี๋ยว” บทสัมภาษณ์ที่เธอตระเตรียมมาอย่างดีถูกพับเก็บเอาไว้ ถูกความสงสัยเข้าเล่นงานจนอยากได้คำอธิบายมากกว่านี้ แต่กลับถูกเลขาคนสนิทสะกิดบอกเธอเอาไว้ก่อน
“มีอะไรสงสัย ถามผมได้ครับ”
“อ๋อค่ะ งั้นขอตัวค่ะท่านประธาน” เกวลินโค้งศีรษะเล็กน้อย พร้อมกับเดินตามขันติเลขาหนุ่มเดินออกจากห้องทำงานของประธานหนุ่มเงียบ ๆ
“คุณเลขา บทสัมภาษณ์ทำไมเป็นแบบนี้คะ” เพียงแค่พ้นบานประตูใหญ่ เกวลินจึงรีบเอ่ยถามขันติด้วยความสงสัยที่มีเต็มเปี่ยม
“ท่านไม่ชอบ สาวโสดครับ” ขันติตอบความเป็นจริงให้เกวลินได้รับทราบ เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนบุคคลที่ท่านประธานสัมภาษณ์คำถามนี้ มักบอกว่าตัวเองโสดเป็นส่วนใหญ่
“โรคจิต ชอบยุ่งกับคนมีเจ้าของเหรอเนี่ย” เกวลินพึมพำกับตัวเองเบา ๆ มือเล็ก กำชายกระโปรงแน่น กัดฟันกรอดเพียงแค่ได้รับรู้เหตุผลจากขันติ