เข้าไปพบผมที่ห้อง

1386 คำ
@ คลับหรูใจกลางเมือง เพียงแค่เห็นการปรากฏตัวของจิรายุ ประธานหนุ่มที่มักยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาส่วนตัว กลับเดินเข้ามาในคลับท่าทางเบื่อหน่ายเต็มประดา จนราเชนเอ่ยแซวด้วยประโยคกระแนะกระแหนขึ้น “วันนี้ลมอะไรหอบ ท่านประธานสุดหล่อมาเยือนที่ผับผมได้ครับ ดูสิ มีแต่สาวสวยหันมามอง” ราเชนยกยิ้มมุมปากดั่งคนเจ้าเล่ห์ สายตากวาดมองไปโดยรอบบริเวณที่มีสายตานับสิบของผู้หญิงมองตามจิรายุไม่ละสายตา “มาไม่ได้” จิรายุเลิกหางคิ้วถามกลับราเชนเจ้าของคลับชื่อดังใจกลางกรุง พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของตัวเอง “ได้ครับท่าน เพียงแค่กระผมสงสัย” ปกติต้องนัดเวลาจิรายุก่อนเสมอ หรือหากมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยหรือปรึกษาหารือ พวกเขาจะเป็นฝ่ายเดินทางไปหาท่านประธานหนุ่มเอง “จะสงสัยอะไรหนักหนา ทำตัวแบบไอ้อรรถสิ นั่งโง่ ๆ เงียบ ๆ ดีจะตาย” ประธานหนุ่มบุ้ยปากไปทางอรรถพล เจ้าของโรงพยาบาล ที่กำลังนั่งดื่มเงียบ ๆ พลันแสดงใบหน้าฉุกคิดบางเรื่องอยู่ “ไอ้เวร” เมื่อถูกพาดพิง อรรถพลจึงรีบสวนกลับเพื่อนรักของตัวเองพัลวัน ใบหน้าแสดงสีหน้าเบื่อปากปีจอของจิรายุและราเชนก็ไม่ปาน “นั่งสิวะ? มึงจะยืนโชว์ความหล่ออีกนานมั้ย” เมื่อเห็นว่าจิรายุยังคงยืนอยู่ ไม่มีท่าทีจะนั่ง เสมือนต้องการเรียกสายตาจากสาวสวย ราเชนจึงผายมือเชิญประธานหนุ่มให้นั่งลง พลันรินเหล้า สีอำพันใส่แก้วเลื่อนไปหยุดอยู่ตรงหน้า จิรายุยกแก้วเหล้าสีอำพันยกขึ้นดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว รสขมของแอลกอฮอล์บาดลึกลงลำคอหนา ใบหน้าหล่อแสดงสีหน้าเหยเกครู่หนึ่ง ก่อนที่มือหนาจะกระแทกแก้วว่างเปล่าลงบนโต๊ะ “แหวนสวยดีนะ” แหวนทองคำขาวบนนิ้วนางข้างซ้ายของจิรายุเด่นหรา จนอรรถพลอดแซวไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ยังคงไร้คำตอบจากประธานหนุ่ม “ว่าแต่ ว่าที่เมียมึง บินกลับมาไทยรึยัง” ราเชนเอ่ยถามจิรายุอย่างมีนัย เพียงแค่นึกถึงเรื่องราวที่ยังคาราคาซังของประธานหนุ่ม “ยัง” จิรายุตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ตั้งแต่คุยกับคุณปู่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ยังไม่เห็นปฏิกิริยาหรือคำสั่งเพิ่มเติมเลยสักนิด รู้เพียงแค่ว่า ว่าที่เจ้าสาวของเขายังเรียนต่อโทอยู่ต่างประเทศเท่านั้น แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เห็นกลับมา นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อยสำหรับประธานหนุ่ม “แบบนี้ ฝั่งโน้นก็ผิดสัญญาสิวะ” “ฝั่งนั้นไม่ได้ถอนสัญญาสักหน่อย” ชายหนุ่มก็อยากให้ฝั่งนั้น เป็นฝ่ายถอนคำสัญญาก่อน แต่! คงเป็นไปไม่ได้ คงไม่มีใครยอมเสียเงินโดยใช่เหตุแน่นอน “ใครจะโง่ถอนวะ? ค่าปรับมหาศาลขนาดนั้น” ราเชนพูดโพล่งขึ้น แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา หากเรื่องนี้เป็นเรื่องของเขา แน่นอนว่า ไม่มีทางที่เขาจะยอมจ่ายเงินเยอะขนาดนั้นแน่นอน “มึงยอมแต่งกับผู้หญิงคนนั้นเหรอวะ? ผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตา” อรรถพลพูดเสริมขึ้น แต่ครั้งนี้เขาไม่แปลกใจสักนิดที่จิรายุยังคงนิ่งเฉย ไม่หาวิธีรับมือหรือแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น “ก็แค่แต่งงาน” ประธานหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก็แค่แต่งงาน กับผู้หญิงคนหนึ่ง คงไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่างเขาคือผู้ชายไร้พันธะ ไม่ได้มีคนในใจ หรือคนที่แอบชอบแต่อย่างใด “มึงไม่เผื่อใจเหรอ? วันไหนมึงเจอผู้หญิงที่ใช่ คนที่มึงอยากแต่งงานด้วยจริง ๆ จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง” “ไม่มีวันนั้น แต่ถ้ามีจริง ก็แค่หย่า” หากวันไหนเขาเจอคนที่ใช่ แน่นอนว่า การหย่า คือวิธีที่ดีที่สุดอยู่แล้ว “คนอย่างมันเหรอ? จะเจอผู้หญิงที่ถูกใจ กูเห็นหลายปีที่ผ่านมาไอ้ยุไม่เคยถูกใจใครเลย” เมื่อได้ยินคำพูดของราเชนอรรถพลพูดเสริมขึ้น คำพูดที่ยากจะเป็นไปได้ ตลอดระยะเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยเห็นจิรายุจะสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษเลย “แต่มีข่าวกับผู้หญิงบ่อยเกินไปนะ ทั้งดารา นางแบบ ไฮโซ ครบ” ราเชนยกยิ้มมุมปากดั่งคนเจ้าเล่ห์ เพราะเขามักจะได้เห็นข่าวสารเรื่องผู้หญิงของจิรายุผ่านทางอินเทอร์เน็ตและหน้าจอทีวีอยู่เสมอ “ไร้สาระ” จิรายุส่ายศีรษะเบา ๆ เอือมระอากับคำพูดของเพื่อนรักทั้งสอง ก่อนที่เขาจะยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกอีกครั้ง พลันสมองนึกถึงใบหน้าสวยกำลังมึนงงของผู้ช่วยเลขาคนใหม่ จนต้องรีบสลัดความคิดให้หลุดไป “เจ้านาย เดินระวังหน่อยครับ” ขันติเดินหิ้วปีกเจ้านาย มายังรถยนต์ที่จอดเอาไว้ท่าทางทุลักทุเล อาการมึนเมาของประธานหนุ่มดั่งเช่นนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนัก จนทำให้ขันติอดสงสัยไม่น้อย เนื่องจากปกติเจ้านายหนุ่มมักจะระวังตัวและดื่มพอเป็นพิธีเท่านั้น “นายเองเหรอ” เสียงทุ้มยานคาง เงยหน้าขึ้นเอ่ยถามเลขาหนุ่มด้วยใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงลำคอหนา “ก็ใช่ไงครับ” ขันติตอบกลับด้วยน้ำเสียงชัดเจน ก่อนที่เขาจะยัดตัวประธานหนุ่มเข้าไปนั่งในรถยนต์และรีบขับรถออกจากคลับอย่างรวดเร็ว @ บริษัท อิทธิวิวัฒนากุล ร่างบางในชุดทำงานเรียบร้อย เดินย่างก้าวออกจากลิฟต์มายังชั้นผู้บริหาร มุ่งตรงมาหน้าห้องท่านประธานที่มีเลขาขันตินั่งอยู่ก่อนแล้ว จนเกวลินได้ยินเสียงเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรจากขันติ “สวัสดีครับ คุณเกวลิน” “สวัสดีค่ะ คุณขันติ มาทำงานเช้าจังเลยนะคะ” เกวลินตอบรับขันติด้วยน้ำเสียงสุภาพ ใบหน้าสวยเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มสดใส “ผมต้องมาก่อน เจ้านายเป็นประจำครับ” เป็นเช่นนี้ทุกวันจนติดเป็นนิสัย เขาต้องมาทำงานก่อนที่เจ้านายจะมาถึงบริษัทเสมอ “ว่าแต่ โต๊ะทำงาน ของเกวอยู่ตรงไหนคะ” เกวลินเอ่ยถามถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง หวังให้ขันติแนะนำ และคำตอบที่ได้ทำให้เกวลินยิ้มรับอีกครั้ง “ข้างผมเลยครับ ตรงนี้” ขันติใช้มือตบลงบนโต๊ะทำงานข้าง ๆ ตัวเอง อย่างเป็นมิตร เพราะหลังจากนี้หน้าที่สอนงานผู้ช่วยเลขาคงหนีไม่พ้นเขาเอง “ขอบคุณค่ะ” “ยินดีครับ” ความเฟรนด์ลีของขันติ ช่วยลดอาการเกร็งของเกวลินได้ไม่น้อย หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตัวเอง พร้อมกับดวงตากลมโตที่สำรวจความใหญ่โตและหรูหราของบริษัทว่าที่สามีในอนาคตไปพลาง ๆ จนขันติยกแฟ้มเอกสารงานที่เธอควรศึกษาวางกองโตอยู่ตรงหน้าของเธอ “ขนาดนี้เลยเหรอคะ” เพียงแค่เห็นแฟ้มเอกสารหนากองโต เกวลินเผลอหลุดอุทานขึ้นด้วยความตกใจ เรียกเสียงหัวเราะจากขันติได้ไม่น้อย “แค่นี้ยังน้อยไปนะครับ ทำงานกับเจ้านายใจต้องสู้ ร่างกายต้องพร้อมครับ” “มาทำงาน หรือ มารบกันแน่คะ” เกวลินหยอกล้อกลับอย่างเป็นกันเอง เสมือนขันติเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งไม่ปาน “ทั้งสองครับ” ขันติตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น งานหนักแต่ค่าตอบแทนที่ได้สูงมากและอีกอย่าง แม้ว่าเจ้านายจะปากร้ายก็มักจะมีความใจดีแอบแฝงจนไม่อยากลาออกไปไหน “คุณขันติ พูดเหมือนเจ้านายตัวเองเอาแต่ใจอย่างไรอย่างนั้น” “พูดก็พูดเถอะครับ เอาแต่ใจพันเปอร์เซ็นต์” ขันติโน้มใบหน้าไปกระซิบกระซาบข้างหูของเกวลินให้ได้ยินกันแค่สองคน เป็นอันต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเข้มปนดุดันของประธานหนุ่มดังขึ้นจนเขาต้องรีบผละตัวออกห่างจากเกวลินโดยอัตโนมัติ “ทำอะไรกัน! ขันติไปพบผมที่ห้อง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม