ภายในห้องทำงานที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนสาดเข้ามาด้านในชวนให้รู้สึกอบอุ่น ต่างจากมือไม้ของขันติที่เย็นเฉียบ เพียงแค่ได้ยินคำเชิญจากท่านประธานหนุ่มให้ตามเข้ามาในห้องทำงาน
เมื่อขันติก้าวขาเข้ามา กลับเห็นแผ่นหลังแกร่งของประธานหนุ่มที่กำลังยืนหันหลังใช้มือล้วงกระเป๋ากางเกง ทอดมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกตัวอาคารท่าทางสุขุม
“เจ้านาย มีอะไรให้ผม ทำรึเปล่าครับ” ขันติเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มทันที เสมือนพร้อมทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย
แต่!
คำพูดของเจ้านาย คือคำถามที่ชวนให้ขันติขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม มึนงง กับประโยคที่ได้ยินไม่น้อย
“ช่วงนี้ ฉันรู้สึกว่านายดูอารมณ์ดี เป็นพิเศษนะ” น้ำเสียงเรียบเฉยที่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก เอ่ยถามเลขาหนุ่ม โดยที่นัยน์ตาคมยังคงจับจ้องไปยังวิวทิวทัศน์ด้านหน้า
“คะ ครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก สอนงานผู้ช่วยเลขาด้วย”
“ครับ”
“ออกไปได้ ขอกาแฟให้ผมด้วย” มือหนาโบกสะบัดไล่ให้เลขาหนุ่มออกไป หลังจากที่เขานั้นหมดประโยคจะพูดด้วย
“คะ ครับ” ขันติตอบกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเลิ่กลั่ก นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเจ้านายเป็นเช่นนี้ เรียกหาโดยไร้เหตุผลจนน่าประหลาดใจ
“โดนท่านประธานดุมาเหรอคะ” เพียงแค่ขันติเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยอาการครุ่นคิด และด้วยความอยากรู้เกวลินจึงรีบเอ่ยถามขึ้นทันที หากขันติโดนดุจริง ผู้ชายคนนี้คงไร้เหตุผลสิ้นดี
“ไม่ครับ ไม่เลย ท่านแค่ขอกาแฟ” ขันติส่ายศีรษะพัลวัน เจ้านายของเขาจะไม่ดุใครโดยไร้เหตุผล แม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาเวลานิ่งเฉยจะดูดุจนน่ากลัวก็ตาม
“กาแฟ?” เกวลินทวนคำพูดของขันติด้วยใบหน้ามึนงงไม่ต่างกัน เพราะจากน้ำเสียงที่เธอได้ยินเสมือนท่านประธานกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง
ขันติยกมือถือขึ้นมาอ่านข้อความบางอย่างที่ถูกส่งเข้ามา ก่อนที่เลขาหนุ่มจะเอ่ยถามผู้ช่วยเลขาอย่างเกวลินด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
“คุณเกวชงกาแฟ เป็นมั้ยครับ”
“ไม่เคยชงค่ะ แต่ก็คงไม่ยาก” เกวลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะดูเหมือนขันติจะรีบไปไหนสักที่
“กาแฟสองช้อน น้ำตาลครึ่งช้อนครับ”
“อ๋อ ได้ค่ะ”
“ฝากด้วยนะครับ ผมลืมไป ต้องลงไปชั้นล่าง ไปดูเอกสารแผนกจัดซื้อให้ท่านประธาน” ขันติโค้งศีรษะเป็นเชิงขอบคุณเกวลิน อย่างน้อยในตอนนี้ในเวลาเร่งรีบของเขายังคงมีเกวลินช่วยงานได้บ้าง
“หายห่วงได้เลยค่ะ” เกวลินตกปากรับคำด้วยใบหน้ามั่นอกมั่นใจ เด็กจบนอกอย่างเธอ แม้ว่าจะไม่เคยชงกาแฟ แต่ก็คงไม่ยากสักเท่าไรนักหรอก
“น้ำตาลอยู่ไหนนะ?” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ ดวงตากลมโตกวาดสายตาหาผงสีขาวละเอียดจนสะดุดเข้ากับผงสีขาวละเอียดที่วางอยู่ข้างกันสองกระปุก แตกต่างกันเพียงแค่สีของ ฝาปิดเท่านั้น
“แค่นี้ก็เรียบร้อย” เกวลินคนกาแฟให้เข้ากัน จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของกาแฟที่ตีเข้าจมูกเธอ
ตามมาด้วยใบหน้าสวยที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจในตัวเอง และไม่ลืมที่จะรีบเดินไปยังห้องทำงานของท่านประธานด้วยความเร่งรีบ
“เชิญ!” เสียงเข้มดังผ่านประตูบานใหญ่ อนุญาตให้คนที่เคาะประตูเข้ามาภายในห้องทำงานได้ เพียงเท่านั้น ร่างอรชรเดินย่างกายเข้าไปในห้องทำงาน มือเล็กถือถาดกาแฟเอาไว้แน่นจนไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะประธานหนุ่ม
“กาแฟค่ะ”
“ชงเอง” จิรายุเอ่ยถามผู้ช่วยเลขา ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยคำถามพร้อมกับเหลือบมองแก้วกาแฟที่วางอยู่ตรงหน้า
“ใช่ค่ะ แต่ท่านประธานไม่ต้องกลัวนะคะ คุณขันติบอกสูตรเอาไว้แล้ว” เมื่อเห็นใบหน้าแสดงสีหน้าไม่ไว้ใจของจิรายุ เกวลินจึงรีบพูดขึ้น ย้ำ ให้ชายหนุ่มมั่นใจอีกครา
“อือ กลับไปทำงานได้แล้ว” เนื่องจากเขาต้องการใช้สมาธิกับเอกสารสำคัญที่อยู่ตรงหน้าจึงรีบพยักหน้ารับ พลันเอ่ยปากบอกผู้ช่วยสาวให้ออกไปจากห้องทำงานของตัวเอง
เกวลินเดินออกจากห้องทำงานด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่เพียงแค่บานประตูห้อง ท่านประธานปิดสนิท
รอยยิ้มร้ายพร้อมกับเสียงหัวเราะของเกวลินจึงดังขึ้น ใบหน้าสวยเปี่ยมไปด้วยความสะใจพร้อมกับพึมพำกับบานประตูเบา ๆ
“กาแฟแก้วนั้น แค่ทักทายค่ะ คุณว่าที่สามี อ้อ อีกไม่นานคงเป็นแค่อดีต” เกวลินเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองท่าทางอารมณ์ดี เปิดแฟ้มเอกสารศึกษางานท่าทางมีความสุข
ต่างจากบุคคลที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน!
พรวด! แค็ก แค็ก เพียงแค่จิรายุยกกาแฟขึ้นดื่ม กาแฟที่อยู่ในปากกลับพุ่งออกมากระจัดกระจายเต็มโต๊ะทำงาน สำลักหน้าดำหน้าแดง จนแทบอยากจับผู้ช่วยเลขาเข้ามาดีดหูให้หลาบจำ
“อะไรวะเนี่ย?” ทำได้เพียงพึมพำออกมา เพียงแค่ลิ้นได้สัมผัสกับรสชาติอันแปลกประหลาดและเค็มเสมือนน้ำทะเล
“เรียกเกวลิน เข้ามาพบผมที่ห้อง” เมื่อนึกถึงหน้าเจ้าของกาแฟถ้วยนี้ จิรายุจึงรีบกดต่อสายออกไปด้านนอก ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนคนฟังอย่างขันติรับรู้ได้ถึงแรงอาฆาตของเจ้านาย
“ครับ” ขันติตอบรับด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะเขาไม่อยากให้เจ้านายรับน้องใหม่โหดเกินไป จึงอาสาเดินเข้าไปในห้องทำงานเป็นเพื่อนเกวลินที่ยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่กำลังจะเจอต่อจากนี้
“ฉันเรียกนายเหรอ?” ประธานหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับขันติที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เกวลิน รอรับคำสั่งจากเจ้านายเสมือนรุ่นพี่ที่กำลังสอนงานรุ่นน้อง
“เปล่าครับ แต่เกวเป็นผู้ช่วยผมครับเจ้านาย”
“เกว” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เพียงแค่ได้ยินเลขาหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อเล่นของผู้ช่วยสาว ในขณะที่เธอพึ่งเข้ามาทำงานไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ
“ชื่อเล่นของเกวลินครับ”
“สนิทกันแล้ว? หรือเคยรู้จักกันมาก่อน” จิรายุมักไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของพนักงานสักเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้ประธานหนุ่มเผลอเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้ จนสร้างความแปลกใจให้กับขันติไม่น้อย
“ไม่เคยครับ แต่เราทำงานร่วมกัน เป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันครับ”
“นายบอกเธอ ชงกาแฟเหรอ” ในเมื่อตัวต้นเหตุอยู่ตรงนี้ จิรายุจึงถือโอกาสเล่นงานเลขาคนสนิทไปด้วย ข้อหาปกป้องพนักงานสาวคนนั้นเกินงาม
“ครับ พอดีผมรีบไปดูเอกสารของแผนกจัดซื้อครับ เลยฝากให้เกวทำแทน”
“คุณเกวลิน คุณลองดื่มกาแฟแก้วนี้ดีมั้ย” น้ำเสียงเย็นยะเยือก นัยน์ตาคมหันไปให้ความสนใจกับผู้ช่วยสาวเสมือนต้องการคำตอบจากเธอ และคำตอบที่ได้กลับทำให้จิรายุเปลี่ยนเป้าหมายทันที
“ไม่ดีกว่าค่ะท่าน พอดีดิฉันไม่ชอบดื่มกาแฟ” เกวลินแสดงสีหน้าเรียบเฉย พยายามกลั้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเอาไว้ ยิ่งได้เห็นหน้าของท่านประธานที่ดูเหมือนโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งทำให้เธอชอบใจไม่น้อย
“คุณใช้น้ำทะเล ชงให้ผมเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ” เกวลินรีบยกมือปฏิเสธพัลวัน เสแสร้งทำเป็นตาใสซื่อตอบกลับประธานหนุ่มที่กำลังหรี่ตาคมจับผิดเธออยู่
“งั้นขันติ นายลองชิม” จิรายุชี้ไปยังแก้วกาแฟ หวังให้มีคนรับชะตากรรมร่วมกับเขา และก็ได้ผล เมื่อขันติยกกาแฟขึ้นดื่มอึกใหญ่
ฮึบ! อึก เพียงแค่ได้รับรสชาติของกาแฟแก้วนั้น ใบหน้าพะอืดพะอมเสมือนกำลังจะอ้วกออกมา กลับถูกสายตาคมของท่านประธานจ้องมองอยู่ ทำให้ขันติต้องรีบกลืนกาแฟลงคออึกใหญ่
“อร่อยใช่มั้ยคะ?” เกวลินเอ่ยถามขันติด้วยน้ำเสียงมีหวัง หวังว่าเลขาคนนี้จะยังมีชีวิตรอดอยู่ เนื่องจากเม็ดเกลือมหาศาลที่เธอใส่ลงไปไม่ต่างอะไรจากน้ำทะเลด้วยซ้ำ
“ห่วยมาก/ห่วยมาก” จิรายุและขันติตอบกลับคำถามของเกวลินพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“แรงมาก! ท่านประธานคะ งั้นรอบหน้า เกวขอแก้ตัวค่ะ”
“ถ้าแค้นกันมาก่อน ผมคงคิดว่าคุณจงใจกลั่นแกล้ง” นัยน์ตาคมหรี่ตาจับผิดผู้ช่วยเลขาอย่างมีเลศนัย เพราะเขารู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อย ซึ่งก็หาสาเหตุไม่ได้เช่นกัน