@ ร้านกาแฟชมจันทร์
เพียงแค่นึกถึงใบหน้าพะอืดพะอมของจิรายุช่วงเช้าที่ผ่านมา เกวลินกลับหัวเราะดังลั่นร้านกาแฟที่มีเพื่อนสาวอย่างชมจันทร์เป็นเจ้าของ พ่วงตำแหน่งคุณหมอคนสวยประจำโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
“ขำอะไร ขนาดนั้นยะ?” คีตาลูกสาวสื่อยักษ์ใหญ่เอ่ยถามเกวลินด้วยความสงสัย ยิ่งเห็นใบหน้าที่ดูสะใจ ยิ่งทำให้อยากทราบเรื่องไม่น้อย
“ทั้งสะใจ ทั้งขำ”
“เรื่อง/เรื่อง” คีตาและชมจันทร์เอ่ยถามขึ้นพร้อมกัน เพียงแค่เห็นว่าเกวลินยังคงเฉไฉไม่ยอมปริปากเล่า
“สะใจที่ได้แกล้ง ไอ้ว่าที่สามี”
“แกเจอคุณจิรายุแล้วเหรอ?” หมอชมจันทร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย อีกอย่างเกวลินพึ่งบินกลับมาจากต่างประเทศไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ
“เจอแล้ว” เกวลินตอบกลับอย่างมีจริต เพราะเธอตั้งใจไปเจอจิรายุด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่ชายหนุ่มคนนั้นจะได้เห็นเธอง่าย ๆ แน่นอน
“เจอได้ยังไง? หรือพร้อมแต่งแล้ว” คีตาเท้าคางตั้งคำถามและรอคำตอบในคราเดียว
“แต่งกับผีน่ะสิ ฉันก็แค่เข้าไปสมัครเป็นผู้ช่วยเลขา”
“เพื่อ/เพื่อ”
“อ้าว! ฉันจะได้หาข้ออ้าง หาข้อเสีย หาหลักฐานที่นายจิรายุอะไรนั่นทำนิสัยเลวไง”
“เรื่องผู้หญิงเหรอ” คีตาพูดขึ้น เพราะนี่คงเป็นเรื่องเดียวที่เกวลินรับรู้เกี่ยวกับว่าที่สามีมาโดยตลอด บวกกับเกวลินไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ จึงตั้งแง่เอาไว้เยอะจนไม่ยอมแต่งงานกับจิรายุ ชายหนุ่มที่เพอร์เฟกต์
“ถูกต้องค่ะ” เรื่องผู้หญิง เรื่องข่าวที่เธอได้รับรู้มา เป็นสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้ เพราะเธอไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ ขืนแต่งไปมีหวังคนที่เสียใจไปตลอดชีวิตคงหนีไม่พ้นเธอ
“ฉันว่าแปลกนะเธอ มีข่าวกับผู้หญิงหลายคน แต่กลับไม่มีใครเป็นตัวจริงสักคน” คีตาคิด วิเคราะห์กับข่าวที่เธอได้ยินมาเช่นเดียวกับเกวลิน อีกอย่างเธอทำงานเกี่ยวกับสื่อก็มีเอะใจบ้าง แต่ก็ไม่มีเวลาตามข่าวว่าข่าวนั้น จริงหรือเท็จกันแน่
“คนเจ้าชู้ไง อีกอย่างไอ้ประธานบ้านั่น คงติดสัญญาแต่งงานกับฉันอยู่ไง ก็เลยไม่อยากเปิดเผย” เรื่องนี้หากให้วิเคราะห์ก็คงออกมาดั่งเช่นนี้ ไม่มีอะไรให้คิดเยอะสักเท่าไรนัก
“อาจจะเป็นไปได้ ผู้ชายเจ้าชู้มักไม่เลือกใครเป็นตัวหลักอยู่แล้ว”
“แกจะซีเรียสไปทำไม แค่แต่งงาน” คีตาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนสนิทของตัวเองกำลังทำ ผู้ชายเพอร์เฟกต์อย่างจิรายุ ผู้หญิงที่ไหนก็อยากแต่งงานด้วยทั้งนั้น คงเว้นเอาไว้เพียงแค่เพื่อนเธอเท่านั้น
“ก็ฉันไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเมียหลวง ที่นั่งโง่ ปล่อยให้สามีไปคั่วกับผู้หญิงคนอื่นไปทั่วไง”
“แกจะจัดการยังไง” หมอชมจันทร์เอ่ยถามขึ้น เพราะเธอมึนงงกับความคิดพิเรนทร์ของเกวลินไม่น้อย
“คิดไม่ออก ช่วงนี้คงไหลตามน้ำไปก่อน” ณ เวลานี้ เธอยังคิดไม่ออก ดีที่สุดคงปล่อยตามน้ำไปก่อน ส่วนวิธีจัดการคงต้องคิดหาทางทีหลัง
“แกกลับไทยแบบนี้ ครอบครัวรู้รึเปล่า” หมอชมจันทร์เอ่ยถามด้วยความแคลงใจ และหากเดาไม่ผิดเกวลินคงแอบกลับมาแน่นอน
“แน่นอนว่ายัง” เกวลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับรอยยิ้มกว้างปนทะเล้น เพราะเรื่องนี้เธอยังไม่พร้อมบอกครอบครัว หรือปรึกษาแต่อย่างใด
“อ้าว แล้วตอนนี้แกพักอยู่ที่ไหน” คีตาเอ่ยถามเกวลินด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากเกวลินบินไปเรียนต่างประเทศนานหลายปี แถมยังพึ่งกลับมาและแน่นอนว่าเพื่อนที่ไทยของเกวลินที่สนิทด้วยมีเพียงเธอและหมอชมจันทร์เท่านั้น
“ฉันซื้อคอนโดฯ ขนาดกลางอยู่เรียบร้อยแล้ว”
“วางแผนเอาไว้นานแล้วเหรอ”
“ไม่เลย พึ่งมาคิดได้ตอนที่คุณปู่โทรเร่งให้กลับไทยนี่แหละ” เธอคงไม่มีความคิดเช่นนี้ หากคุณปู่ไม่โทรมาเร่งให้กลับไทย เพื่อมาแต่งงานตามคำสัญญา
“มีอะไรให้พวกฉันช่วย ก็บอกแล้วกัน” เวลานี้คงทำได้เพียงอยู่สแตนด์บายรอให้ความช่วยเหลือแก่เกวลินเท่านั้น
“แกก็ช่วยประโคมข่าว เรื่องผู้หญิงเยอะ ๆ เลย” แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเธอมีอิทธิพลในแวดวงข่าวไม่น้อย หากเป็นไปได้เธอก็อยากให้เล่นข่าว เรื่องผู้หญิงของจิรายุให้มากที่สุด เธอจะได้มีข้ออ้างประวิงเวลา
@ บริษัทอิทธิวิวัฒนากุล กรุ๊ป
“คุณขันติ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เกวลินเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง เอ่ยทักทายขันติที่เดินสวนออกมาพอดี ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงสดใสในเช้าของวัน
“อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้พร้อมทำงานจริงจังแล้วใช่มั้ยครับ” ขันติตอบกลับด้วยรอยยิ้มสุภาพ เอ่ยถามเกวลินด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พร้อมค่ะ” เกวลินตอบรับด้วยน้ำเสียงและแววตาหนักแน่น เท่าที่เธอสังเกต งานผู้ช่วยเลขาคงไม่หนักสักเท่าไรนัก
“ผมเตรียมเอกสาร ข้อมูลเกี่ยวกับระบบงานและส่วนงานรับผิดชอบวางบนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วครับ คุณเกวลองศึกษาดูนะครับ”
เกวลินหันไปมองโต๊ะทำงานของตัวเองที่เคยว่างเปล่า แต่เวลานี้กลับมีกองเอกสารเกือบเท่าภูเขาวางอยู่
“กองนั้น ทั้งหมดเลยเหรอคะ” แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง กองเอกสารเสมือนเธอเข้ามาศึกษางานในตำแหน่งผู้บริหาร มากกว่าผู้ช่วยเลขาเสียอีก
“ครับ เป็นคำสั่งของท่านประธาน ให้คุณเกวศึกษางานอย่างจริงจัง” ขันติเองก็ไม่เข้าใจเจ้านายหนุ่มเช่นกัน ยิ่งได้ยินคำสั่งให้นำเอกสารเกี่ยวกับระบบบริษัทที่สำคัญ ให้ผู้ช่วยเลขาศึกษายิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่
เนื่องจากเอกสารสำคัญที่เจ้านายมักให้เก็บเอาไว้อย่างดี และเป็นความลับระดับสูงของบริษัท คงมีเพียงคนที่ไว้ใจได้และคนในครอบครัวเท่านั้นที่สามารถดูได้
“ค่ะ”
“คุณเกวสงสัยตรงไหน ถามผมได้เสมอครับ”
“โอเคค่ะ” เกวลินลอบถอนหายใจพรืดยาว ตกลงทำตามคำสั่ง พยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“ผมเอาใจช่วยนะครับ ขอตัวไปดูงานแผนกอื่นสักครู่นะครับ” เมื่อเห็นเกวลินตอบรับคำสั่ง ขันติจึงขอตัวไปตรวจงานแผนกอื่นดั่งเช่นทุกวัน เพื่ออัปเดตงานให้เจ้านายทราบ
“เชิญค่ะ” เกวลินยิ้มเจื่อน ผายมือเชิญขันติไปทำหน้าที่ของตัวเอง ก่อนที่เธอจะเดินไปยังโต๊ะทำงานที่มีกองเอกสารวางอยู่ สูดลมหายใจลึกเข้าปอด จับแฟ้มเอกสารนั้น เปิดอ่านและทำความเข้าใจท่าทางขะมักเขม้น
ปล่อยให้สติหลุดลอยไปพร้อมกับตัวหนังสือ ไม่รับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้าง จดจ่อสมาธิทั้งหมดเอาไว้ตรงหน้า แม้แต่เสียงฝีเท้าคนเดินเข้าใกล้ก็ไม่อาจเรียกความสนใจจากเธอได้
นัยน์ตาคมของประธานหนุ่มจ้องมองเสี้ยวหน้าของผู้ช่วยเลขา ที่กำลังตั้งใจนั่งอ่านเอกสารบนโต๊ะ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปม แก้มนวลผ่องเสมือนกำลังใช้ความคิด
ใบหน้าสะสวยที่น่ามอง กลับทำให้จิรายุไม่อาจละสายตาจากผู้ช่วยเลขาตัวเองได้ ทุกอย่างดั่งถูกต้องมนตร์สะกดจนต้องรีบเรียกสติตัวเองให้กลับคืนมา
“อ่านไป ถึงไหนแล้ว” มือหนาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะทำงาน เอ่ยถามผู้ช่วยเลขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“สวัสดีค่ะ ท่านประธาน” เกวลินลุกลี้ลุกลนยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน โค้งศีรษะเล็กน้อยเอ่ยทักทายประธานหนุ่ม
“ผมถาม” จิรายุย้ำคำถามเดิม คำถามที่เขายังไม่ได้คำตอบจากผู้ช่วยเลขา
“พึ่งเริ่มเองค่ะ ท่านประธานจะรับกาแฟมั้ยคะ”
“จะกินได้เหรอ” จิรายุตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาคมหรี่ตาจับผิดผู้ช่วยเลขาที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“โธ่! ท่าน คนอย่างท่าน กินกาแฟแค่นี้ไม่ตายหรอกค่ะ” นิสัยปากเร็ว ลืมคิดทบทวนประโยคคำพูดของตัวเองพลั้งเผลอพูดออกไป จนต้องรีบปิดปากตัวเองให้สนิท
“เกวลิน” จิรายุกัดฟันกรอดเอ่ยเรียกชื่อผู้ช่วยเลขา ที่ดูเหมือนเธอนั้นกำลังหลอกด่าเขาก็ไม่ปาน
“คือเกว หมายถึง รอบนี้กาแฟอร่อยแน่นอนค่ะ ดื่มแล้วไม่ตาย แต่ตาสว่างแทน” เกวลินรีบโบกมือปฏิเสธคำพูดของตัวเองพัลวัน และรีบอธิบายรูปประโยคให้ดูเบาลง
“เหอะ! ครับ” ทำได้เพียงตอบรับผู้ช่วยเลขาเพียงประโยคสั้น ๆ ก่อนที่ประธานหนุ่มจะเดินเข้าไปในห้องทำงานทันที