สามปีต่อมา...
ร้านข้าวราดแกงเล็กๆ ที่เคยเริ่มต้นด้วยทุนเพียงน้อยนิด บัดนี้เป็นร้านใหญ่โตที่มีลูกค้ามากมายมาติดใจ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนสูง จะสามารถพาร้านมาได้ไกลขนาดนี้ ต้องขอบคุณเฟสบุ๊คที่ทำให้หญิงสาวได้โพสต์โฆษณาออกไป และด้วยฝีมือของน้าสา ทำให้หลายๆ คนกลับมารับประทานซ้ำ เพราะติดใจรสชาติอาหาร
และแน่นอนว่าตอนนี้พุดพิชญามีกำลังใจตัวน้อยๆ นั่นก็คือเด็กหญิงพุดน้ำบุศย์ ซึ่งบัดนี้อยู่ในวัยสามขวบกว่าแล้ว เด็กน้อยกำลังจะเข้าเรียนในไม่กี่วันนี้ ผู้เป็นมารดาอย่างพุดพิชญานั้นตื้นตันเป็นอย่างมาก ในขณะที่น้าสาก็รักเด็กน้อยไม่ต่างจากหลานในอุทร
ตอนนี้ทั้งสองคนไม่ต้องเหนื่อยเหมือนตอนเริ่มต้น ที่ล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน เพราะพุดพิชญาจ้างพนักงานมากกว่าห้าคน ทำให้ตอนนี้น้าสามีหน้าที่แค่ปรุงอาหาร และเวลาส่วนใหญ่ก็เลี้ยงน้องบุศย์ ซึ่งกำลังอยู่ในวัยที่ไม่อาจละสายตาจากเด็กน้อยได้
“คุณยายสาขา น้องบุศย์อยากกินขนมค่ะ” เด็กน้อยบอกผู้เป็นยายด้วยรอยยิ้ม ซึ่งท่าทางที่เห็นนั่นก็คือออดอ้อนเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เด็กน้อยต้องการ
“เดี๋ยวยายขอจัดจานแป๊ปนึงนะคะ แล้วเราไปซื้อขนมกัน” เด็กน้อยยิ้มแป้นทันทีเมื่อผู้เป็นยายยอมตามใจตนเอง
“แบบนี้ตลอดนะสาวน้อย รู้ว่าอ้อนใครแล้วได้ก็อ้อนตลอดเลย” พุดพิชญาเดินเข้ามาพอดี เธอก็เลยมองสิ่งที่บุตรสาวทำด้วยรอยยิ้ม ทำแบบนี้ใครไม่หลงก็บ้าแล้ว
“ปล่อยแกเถอะพุด หนูบุศย์แกคงอยากกินขนมจริงๆ นั่นแหล่ะ แกโตมาในร้านข้าวแกง แทบไม่ได้ไปเล่นข้างนอกเหมือนเด็กคนอื่น เพราะแม่กับยายมัวแต่ขายของ พอวันนี้เรามีโอกาสทำให้แกมีความสุขก็ทำไปเถอะ” น้าสาเอ่ยออกมาตามจริง
“ก็รู้แหล่ะว่าเรื่องจริงค่ะ งั้นก็พาแกไปเถอะ เดี๋ยวพุดจะทำต่อให้เอง” พุดพิชญากล่าวก่อนจะเดินไปหยิบจานที่น้าสาจัดอยู่มาทำต่อ
“งั้นไปค่ะน้องบุศย์ เราไปซื้อขนมกัน” น้าสาเอ่ยกับหลานสาว ก่อนจะเดินจูงมือเด็กน้อยผ่านร้านที่กำลังเต็มไปด้วยลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
“ยายสาคะ น้องบุศย์อยากไปเซเว่น” เด็กน้อยบอกหลังจากที่ทั้งคู่เดินออกมาสักพัก แล้วกำลังจะถึงร้านของชำเล็กๆ ที่มีขนมขายอยู่
“ได้สิคะ งั้นเราก็ต้องเดินต่อไปอีกไกลนิดนึง น้องบุศย์เดินไหวมั้ยคะ” น้าสาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เด็กสมัยนี้เกิดมาไม่นานก็รู้จักเซเว่นแล้ว ถ้านางไม่พาไปก็คงไม่จบอย่างแน่นอน