บทที่ 2 นางร้ายเริ่มเอาคืน

1638 คำ
ซูจิ้งหนานทบทวนคำพูดของตัวเองให้ดี และสะกดกลั้นเอาไว้ไม่ให้เดินตามรอยเดิมของบทนางร้ายในนิยาย พร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอด แต่เมื่อเท้าเหยียบย่างไปบนพื้นในห้อง เรียวคิ้วพลัดขมวดแน่นอีกครั้ง ฝุ่นงั้นเหรอ! บ้านของเธอเป็นเจ้าของโรงสีที่บริหารโดยรัฐ และไม่ใช่ตระกูลต่ำต้อย แม้ไม่ใช่ผู้นำในด้านต่าง ๆ แต่ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ที่ไม่มีแม่บ้านคอยดูแลทำความสะอาด จำได้ว่าตอนตื่นเหมือนได้กลิ่นฉุนของน้ำยาทำความสะอาด แต่ทว่าเหตุใดในห้องของเธอถึง...สกปรกอย่างนี้ เมื่อคิดดังนั้นร่างนี้ก็พลันมีอารมณ์ขึ้นทันควัน ราวกับต้องการหาเรื่องใครสักคน และเธอที่รับรู้ความรู้สึกนั้นก็เข้าใจโดยทันทีว่า ที่ใครเห็นว่านางร้ายอย่างซูจิ้งหนานร้ายกาจนั้น ไม่จริงสักนิด เธอแค่เจ้าระเบียบและสั่งสอนให้ทุกคนทำงานตามหน้าที่ต่างหาก แต่สิ่งที่เธอแสดงออกมานั้นคือการโวยวายและป้ายความผิดไปให้กับแม่เลี้ยงอย่างไป๋หรูอิง สตรีบ้านนอกที่อยากปีนเตียงพ่อของเธอเพื่อขึ้นมาอยู่ในบ้านตระกูลซู เพื่อหน้าตาสินะ! แน่นอนว่าเรื่องการจัดการในบ้าน เดิมเป็นแม่ของเธอดูแล แต่เมื่อผู้หญิงคนนี้เข้ามากลับทำให้บ้านเละเทะไปหมด แล้วแบบนี้บ้านจะยังเป็นบ้านอยู่ได้อย่างไร แต่ถ้าเธอโวยวายก็เท่ากับกลับเส้นเรื่องเดิม แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่มีชั้นเชิงน่ะสิ ช่างปะไร...พ่อยกหน้าที่ตัดสินใจให้ไป๋หรูอิงแล้วนี่...เธอจะไม่ยุ่งหรอกนะ แต่เธอแค่จะทำให้ทุกคนค่อย ๆ เห็นความจริง เหมือนชี้ให้เห็นหนามของกุหลาบว่ามันแหลมคมแค่ไหน หากไม่ระวังก็จะถูกตำมือเอาได้ ซูจิ้งหนานเอาชุดคลุมชั้นนอกอีกชั้นสวม แล้วเดินลงมาด้วยท่าทางหาวหวอด ๆ ก่อนจะเห็นสีหน้าของพ่อที่กำลังเดือดดาลเต็มที “นี่ลูกเพิ่งตื่นหรือ...สายแล้วพ่อมีนัดตอนบ่ายที่ตระกูลอวิ๋นอีกนะ” ซูเหวินเฉียงตะคอกลูกสาวที่นับวันจะทำให้เขาปวดหัวขึ้น หากไม่ได้สัญญากับแม่ยายเอาไว้ ซูจิ้งหนานคงได้ย้ายไปอยู่บ้านนอกเพื่อดัดนิสัยไปแล้ว “ค่ะ...หนูเพิ่งตื่น วันนี้ไม่มีอะไรไม่ใช่เหรอ หนูอ่านหนังสือเตรียมสอบยันเช้า ก็ได้ยินเสียงโวยวายของพ่อเลยลงมาดูนี่ล่ะคะ” ซูจิ้งหนานมองหน้าบิดาดวงตากระจ่างใส คล้ายกับหูดับไม่ได้ยินเสียงคำรามก่อนหน้า ซูเหยียนหลิงกับไป๋หรูอิงมองหน้ากันคล้ายกับแปลกใจที่เห็นซูจิ้งหนานเดินลงมาทำท่าใจเย็น ไม่อาละวาดเหมือนเก่า “แล้วไป๋หรูอิงบอกลูกแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อวานที่โต๊ะกินข้าว...” แต่พูดไม่ทันจบ ไป๋หรูอิงก็ขัดขึ้น “เอ่อ...เป็นความผิดฉันเองค่ะ ที่เมื่อเช้าไม่ได้เตือนอีกครั้ง ทำให้คุณหนู....” ไป๋หรูอิงรีบรับผิดแทนทันที แต่ทว่านั่นไม่ได้เรียกรอยยิ้มดีใจให้กับซูจิ้งหนานหรอกนะ กลับกันเธอยิ่งแสยะยิ้มมองไปยังไป๋หรูอิง และแม่เลี้ยงก็หลับตาปี๋เตรียมรับคำด่าจากฉันล่ะสิ ฝันไปเถอะ! เมื่อวานเพราะเธอไม่อยากร่วมโต๊ะอาหารด้วย จึงไม่กินข้าวเย็น ตามในบทนิยาย และเป็นไป๋หรูอิงที่มาแจ้งเจ้าของร่างเก่า แต่เวลาคลาดเคลื่อนกันจนเกิดเรื่อง “ก็คุณน้าบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าคุณพ่อจะพาไปห้าง อวิ๋นไท่ตอนบ่ายโมง ฉันก็คิดว่าอ่านหนังสือเสร็จยังมีเวลาพักอีกนิดหน่อย ก็เลยไม่ได้รีบ” ซูจิ้งหนานมองไปที่ไป๋หรูอิงด้วยคล้ายจะบอกว่า เธอนั่นแหละที่นัดฉันผิด แต่ทว่า... “ฮึก...ฉัน...ฮึก...ฉัน” ไป๋หรูอิงบีบน้ำตาออกมา ทำให้ซูเหวินเฉียงกำหมัด และซูจิ้งหนานเห็นดังนั้นก็มองไปยังแม่ของนางเอก ที่ตีบท ดรามาแตกเหลือเกิน ‘เอารางวัลไปเลยค่ะคุณน้า’ เธออยากพูดคำนี้มาก แต่ทว่าเมื่อพ่อของเธอกำลังจะอ้าปาก เธอก็รีบขัดเสียก่อน “ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อไปกับซูเหยียนหลิงก็แล้วกันค่ะ ฉันมีนัดกับคุณยายเรื่องไปไหว้หลุมศพคุณแม่” เธออ้างคุณยายออกไป เพื่อจะทำให้ซูเหวินเฉียงไม่มีข้ออ้างใดในการด่าทอเธอ เพราะว่าตระกูลคุณยายของเธอก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเช่นกัน ดังนั้นยังต้องเกรงใจอีกหลายส่วน ซูเหวินเฉียงขมวดคิ้วมุ่น เห็นลูกสาวจะไปพบแม่ยายยิ่งทำให้ตนเองร้อนรน เพราะเขาสัญญาว่าจะรักและดูแลลูกสาวของหลิวอี้ให้ดี ด้วยก่อนตายได้มีจดหมายหนึ่งฉบับ ที่ทำให้เขาผิดต่อภรรยา “เอ่อ...ลูก...ไปวันหลังดีไหม วันนี้พ่อยังมีธุระต่อ” “ไม่เป็นไรค่ะ พ่อก็พาแม่นั่นไปเถอะ” ซูจิ้งหนานพยายามใช้สรรพนานที่เบาลงมาแล้ว คำว่า ‘แม่นั่น’ เบากว่านังนั่นเยอะ ร่างเดิมไม่เพียงไม่ยอมรับซูเหยียนหลิงเป็นพี่สาว เพราะวันเดือนปีเกิดของเธอและซูเหยียนหลิงห่างกันแค่สิบห้าวัน นั่นทำให้รับรู้ว่าตลอดเวลาที่พ่อแต่งงานกับแม่ พ่อแอบไปคบกับผู้หญิงคนนี้รวมทั้งมีลูกกับพ่อของเธอ เพราะว่าข้ออ้างที่บอกว่าแม่ของเธอไม่แข็งแรง กลัวจะมีทายาทสืบสกุลไม่ได้ แต่นั่นเธอรู้ดีว่า พ่อแค่มักมากมีเมียเยอะ เหมือนบ้านอื่นที่มีเมียรอง เมียสาม เพียงแต่สัญญากับคุณยายของเธอเอาไว้ก่อนจะแต่งงานกับแม่ ทั้งลงสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ฮึ! พอได้แม่เธอไปทั้งตัวและหัวใจ ความร้ายกาจของผู้ชายคนนี้ก็เริ่มขึ้น มันก็เหมือนโลกที่ผ่านมาของเธอ ที่เธอมีแฟนเป็นคนเห็นแก่ตัว แม่ของซูจิ้งหนานก็น่าสงสารพอ ๆ กับเธอนั่นแหละ ไป๋หรูอิงกับซูเหยียนหลิงมองหน้ากัน หากซูจิ้งหนานไม่ไป เท่ากับว่าวันนี้พวกเธอแทบจะไม่ได้สิ่งของอื่นกลับมา เพราะหากซื้อให้ซูจิ้งหนานแล้วไม่ซื้อให้เธอสองคน ซู เหวินเฉียงก็รู้สึกผิด เพราะรักลูกไม่เท่ากัน และนั่นเป็นสิ่งที่พวกเธอไม่ต้องการ เพราะว่าซูจิ้ง หนานชอบซื้อของแพง ๆ “แต่อีกสามวันจะเป็นงานเลี้ยงแล้วนะ หนูมีชุดแล้วหรือลูก” ไป๋หรูอิงเดินเข้ามาจับมือลูกเลี้ยงแล้วตบเบา ๆ ที่หลังมือ พร้อมกับสีหน้าที่ห่วงใยเต็มที แต่ทว่าซูจิ้งหนานคนเดียวกระมัง ที่รู้สึกว่าการกระทำนี้ปลอมที่สุดตั้งแต่เกิดมา เดิมหากเป็นนางร้ายคนเก่า ต้องกระชากมือออกแล้วทำท่าขยะแขยง ตามด้วยตบไป๋หรูอิงจนหน้าหัน ก่อนจะชี้หน้าด่า ‘อย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องฉัน’ เธอยกมุมปากเบา ๆ ก่อนจะนึกภาพตามในบทนิยายที่อ่านมา แล้วก็ส่ายหน้าในใจก่อนจะปั้นยิ้มต่อ “ไม่เป็นไรค่ะ ชุดของคุณแม่ของฉันสมัยยังสาวมีเยอะแยะค่ะ เดี๋ยวฉันใส่ชุดของคุณแม่ก็ได้” รอยยิ้มหวานที่ซูจิ้งหนานส่งให้กับไป๋หรูอิงเป็นรอยยิ้มการค้า เพราะว่าเธอรู้ว่าเสื้อผ้าของแม่ถูกผู้หญิงคนนี้จัดการเตรียมจะเอาไปขายทิ้ง และนั่นทำให้เธอหาเหตุเพื่อจะหลบไปบ้านคุณยายได้ ฮึ! คำว่าชุดเก่าของคุณแม่...ทำให้ไป๋หรูอิงผงะ...ไม่คิดว่าคนที่แสนเย่อหยิ่งจะสนใจของแบบนั้นด้วย ทำให้เธอกำมือแน่น “เอ่อ...เก่าแบบนั้นจะไม่เชิดหน้าชูตานะคะ ฉันว่าซื้อใหม่ดีกว่า” เริ่มแล้วสินะ...ส่อพิรุธแบบนี้ กำลังจะจัดการข้าวของของแม่อย่างนั้นสินะ ฝันไปเถอะ เจ้าของร่างรักแม่มากแค่ไหน เธอจะรักให้มากกว่าเดิมสิบเท่า รวมทั้งเอาคืนพวกเธอให้สาสม “ไม่หรอกค่ะ ทั้งหมดเป็นของคุณยายทำให้กับมือของตัวเอง ฉันว่ามันมีคุณค่า อีกอย่างรายการของคุณแม่ทำบัญชีเอาไว้ คุณยายจัดการไว้ก่อนตาย ฉันคิดว่ามันไม่หายไปไหน เพราะคุณพ่อกำชับอย่างดี” เธอยิ้มหวานให้ไป๋หรูอิง ก่อนจะหันไปถามคุณพ่ออีกคำ “ใช่ไหมคะคุณพ่อ” “ใช่...ของทุกอย่างของแม่ยังอยู่ที่เดิม” ซูเหวินเฉียงกล่าวหนักแน่น และนั่นทำให้เธอยิ้มให้กับคุณพ่อ ก่อนจะเดินไปจับมือคุณพ่อเอาไว้แน่น “ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อ...ไปดูชุดกับหนูครู่หนึ่งนะคะ ไม่นานหรอกคะ” ซูจิ้งหนานเข้ามาออดอ้อนเหมือนเป็นลูกสาวที่น่ารักเหมือนเก่า ทำให้ซูเหวินเฉียงยิ้มละมุนละไม นึกถึงสมัยก่อนแล้วเอื้อมมือมาลูบผมเบา ๆ “ไปสิ” “ดะ...เดี๋ยวค่ะ...ห้องนั้นมีแต่ฝุ่นอย่าเข้าไปดีกว่านะคะ ฉันผิดเองที่ไม่จัดการให้ดี” ไป๋หรูอิงรีบห้ามสองพ่อลูก ก่อนที่หายนะจะมาเยือน แต่ทว่ากลับไม่เป็นผล เมื่อซูเหวิน เฉียงยิ้มให้เธอ “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้แพ้ฝุ่น คุณดูแลจัดการงานบ้านเหนื่อยแล้ว ผมไม่โทษคุณหรอก” คำพูดที่แสนจะใจดีของพ่อทำให้เธอชอบอกชอบใจเสียจริง แต่หารู้ไม่ว่ามันจะกลายเป็นมีดกลับแทงกลางอกคนรักของพ่อ แค่คิดฉันก็รู้สึกสนุกแล้วสิ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม