บทที่ 3 อยู่ไม่ได้แล้ว

1628 คำ
“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือฉันเป็นห่วงว่าคุณหนูซูจิ้งหนานจะแพ้ฝุ่นน่ะค่ะ คุณเคยบอกว่าร่างกายของเธออ่อนแอตั้งแต่เล็กไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอยากจะเข้าไปจริง ๆ เดี๋ยวฉันเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดก่อนดีกว่านะคะ” ไป๋หรูอิงวิ่งเข้าไปขวางสองพ่อลูก ก่อนจะหันไปทางซูเหยียนหลิงให้คิดหาทางออกเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าลูกสาวของเธอจะไม่ค่อยเข้าใจนัก จึงได้พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา “คุณพ่อคะ...ถ้าซูจิ้งหนานไม่อยากให้หนูได้ชุดใหม่ก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่ไม่เห็นต้องเข้าไปเอาชุดเก่า ๆ ไร้ค่าแบบนั้นเลยมันไม่เหมาะกับคุณหนูตระกูลซูเลยสักนิด” ไป๋หรูอิงเบิกตากว้างทันที ที่ลูกสาวดันหลุดคำว่า ‘ชุดเก่าไร้ค่า’ เพราะของทุกสิ่งของตระกูลหลิวมันมีค่ามากสำหรับซูเหวินเฉียง และยังไม่ทันที่เธอได้เอ่ยแก้ต่างให้กับลูกสาว สายตาวาวไหวด้วยเพลิงโทสะตวัดไปทางซูเหยียนหลิงทันที “ลูกว่าอะไรไร้ค่านะ หลิงหลิง” เสียงเคร่งเครียดกล่าวออกมานั่นทำให้ซูเหยียนหลิง ยิ่งไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไรผิด ในเมื่อเธอพูดให้ซูจิ้งหนานเป็นคนผิดแท้ ๆ ไม่ใช่หรือไง ซึ่งปกติคุณพ่อจะโอ๋เธอที่ชอบพูดถึงตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วทำไมวันนี้ถึง... “คะ...คุณ...อย่าดุหลิงหลิงเลยนะคะ แกยังเด็ก” คำว่าแกยังเด็ก ซูจิ้งหนานฟังแล้วระคายหูเหลือเกิน อายุก็สิบเจ็ดสิบแปดแล้ว จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมเธออีกต่างหาก นี่ไม่เรียกว่าเด็กหรอกนะ เรียกว่าปากไม่มีหูรูดต่างหาก แต่ยายหลิงหลิงอะไรนี่คงไม่รู้สินะ คำว่าไร้ค่า ห้ามเอ่ยกับสิ่งของตระกูลหลิว และหมายรวมถึงแม่ของเธอด้วย ซูเหวินเฉียงรู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ไม่เช่นนั้นคงไม่กัดฟันเลี้ยงซูจิ้งหนานเอาไว้ ทั้งที่สร้างเรื่องทะเลาะกับแม่เลี้ยงไม่เว้นวันแบบนี้หรอก แต่ว่า...น้ำตาไม่ได้มีแค่สองแม่ลูกนั้นหรอก...เธอเองก็มีเหมือนกัน ฮึก! ซูจิ้งหนานทำสีหน้าเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำทั้งร่ำไห้ออกมาทันที พร้อมกับความคิดว่า อดีตนางร้ายไม่เคยใช้มารยาเลย น่าหงุดหงิดชะมัด “ทำไมเหรอคะคุณพ่อ พอแม่ไม่อยู่สิ่งของเหล่านี้ของแม่ก็ไร้ค่าเหรอคะ คุณพ่อคงลืมแล้วสินะคะ...ฮื้อ...” ซูจิ้งหนานใช้ช่วงที่สองแม่ลูกนี้กำลังหลั่งน้ำตาเล่นบทดรามา เธอก็ดรามากลับด้วยการวิ่งไปที่ห้องของแม่ แล้วผลักประตูแรง ๆ ปัง! แน่นอนว่าไม่ใช้มือผลัก แต่เป็นเท้าของเธอต่างหาก ที่ผลักมันสุดแรงแล้วซูเหวินเฉียงเองก็เลือกจะวิ่งตามมาปลอบใจเธอ ไม่ใช่เพราะรักเธอหรอกนะ แต่เพราะพันธะสัญญาต่างหากที่ทำให้ความเป็นพ่อลูกของเจ้าของร่างกับซูเหวิน เฉียงยังไม่ขาดจากกัน “หนานหนานลูกรัก...ลูกอย่าพูดอย่างนั้นสิ” เสียงก้าวเท้ายาว ๆ ตามลูกสาวเข้าไปในห้อง แต่ทว่าซูจิ้งหนานที่ถึงก่อนและยืนหันหลังพร้อมกับแสยะยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว กับภาพเบื้องหน้าที่เห็น เพียงแค่รอให้คุณพ่อมาเห็นกับตาตัวเองเท่านั้น ไป๋หรูอิงผงะ ไม่คิดว่าซูจิ้งหนานจะพังประตูเข้าไป เธอเอากุญแจคล้องไว้ อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาได้นิดหน่อยเพื่อจัดการที่เหลือให้เรียบร้อย แต่เธอคะเนผิดพลาด เมื่อซูจิ้ง หนานเข้าไปยังห้องนั้น และรั้งเอาสามีที่หลงรักเธอหัวปักหัวปำเข้าไปด้วย “ดะ...เดี๋ยวค่ะคุณ” ไป๋หรูอิงขยับเท้าผลักหลิงหลิงไปอีกฝั่งเพื่อไม่ให้ขวาง ทำให้ร่างของซูเหยียนหลิงไป กระแทกกับขอบราวบันได ปัก! “ว้าย...มะ...แม่” ซูเหยียนหลิงจะร้องก็ร้องไม่ออก มันจุกไปทั้งท้องเพราะว่าแรงผลักของแม่ที่ตื่นตระหนกนั้นมันรุนแรงเหลือเกิน ร่างของซูเหยียนหลิงทรุดลงกับบันได มองตามร่างของแม่ที่ขึ้นไปตามพ่อและน้องสาวของเธอที่วิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเข้าไปในห้องของอดีตภรรยาของพ่อ ‘สร้างแต่เรื่อง’ ซูเหยียนหลิงเจ็บใจนัก ที่แม่ทำกับเธอแบบนี้ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้มาก ทั้งเรียกร้องความสงสารจากใครไม่ได้ด้วย ตอนนี้ทำได้แค่...พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แต่จากตรงนี้ก็สามารถได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นในห้องนั้นได้ กรี๊ด....! เพียะ! เสียงกรีดร้องของซูจิ้งหนาน พร้อมกับเสียงตบลงไปทำให้ซูเหยียนหลิงเหยียดยิ้ม อย่างน้อย ๆ ซูจิ้งหนานก็ทำให้พ่อบันดาลโทสะและลงไม้ลงกับเธออีกครั้ง แม่เอาอยู่จริง ๆ เธอเชื่อเลย เดี๋ยวเธอยังไม่ต้องลุกดีกว่า นั่งรอตรงนี้พ่อจะได้สงสารอุ้มเธอขึ้นแล้วก็เกลียดซูจิ้งหนานมากขึ้นอีก ยิ่งเติมเชื้อเพลิงโกรธให้กับพ่อ ย่อมดีกับเธอ อีกหน่อยซูจิ้งหนานสร้างเรื่องมากขึ้น และขายหน้าเรื่อย ๆ สุดท้ายพ่อคงไม่เก็บยัยปากเสียนั่นไว้ และเธอก็จะได้เป็นลูกสาวตระกูลซูเพียงผู้เดียว และไม่ต้องเปรียบเทียบกับใครอีก แต่ดูเหมือนสิ่งที่ซูเหยียนหลิงคาดการณ์มาทั้งหมด ก็ถึงเวลาแล้วสินะ เมื่อได้ยินเสียงวิ่งกระแทกเท้าลงมาจากห้อง และไม่ใช่ใครอื่น เป็นซูจิ้งหนาน ฮึ! ถือว่าไม่ได้เจ็บตัวเปล่า เมื่อเสียงนั้นขยับมาใกล้ทุกที ทุกทีจนเมื่อถึงบันไดขั้นที่ซูเหยียนหลิงนั่งอยู่ มีร่างของซูจิ้ง หนานที่วิ่งลงมาพร้อมกับมือปาดน้ำตา เธอส่งสายตาเห็นใจไปให้ แต่ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือ รอยยิ้มเหี้ยมคล้ายกับว่าซูจิ้งหนานมีแผนร้าย ฮะ! เป็นไปได้ยังไง ปกติซูจิ้งหนานจะโมโหแล้วลงไม้ลงมือกับเธอ และพ่อต้องลงมาห้ามพร้อมกับทำร้ายซูจิ้งหนานเพิ่มขึ้นอีก หลายครั้งซูจิ้งหนานโดนตบจนหน้าปูดบวม ปากแตก บางทีก็มีรอยเขียวช้ำที่ขาและแขน แต่ทว่าครั้งนี้นอกจากรอยยิ้มใสซื่อของเธอไม่ทำให้ซูจิ้งหนานโกรธแล้ว ยังยิ้มอย่างมีเลศนัยกลับมาอีกด้วย อะไรกัน! กริ้ง...กริ้ง...กริ้ง...กริ้ง...! เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุดที่บ้านตระกูลหลิว ทำให้แม่บ้านรีบร้อนออกจากห้องครัวมารับอย่างรวดเร็ว “สวัสดีค่ะ บ้านสกุลหลิวค่ะ” (ป้าเฉียนใช่ไหมคะ...หนานหนานเองนะคะ...ฮึก...ให้คุณยายมารับหนานหนานไปอยู่ด้วยได้ไหมคะ...หนานหนานอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว) เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของซูจิ้งหนาน หลานสาวคนเดียวของคุณนายหลิว ทำให้ไม่รอช้าอีกต่อไป “คุณหนูใจเย็น ๆ นะคะ ป้าจะรีบบอกคุณนายเดี๋ยวนี้ค่ะ” ซูจิ้งหนานวางสายเสร็จแล้วก็รีบขังตัวเองอยู่ในห้องพร้อมกับเก็บของไปด้วย ซูจิ้งหนานร่างเดิมไม่เคยชอบบ้านคุณยายที่ชานเมือง เพราะว่านอกจากไม่เจริญทัดเทียมบ้านในตัวเมืองเซี่ยงไฮแล้ว ยังห่างไกลจากบุรุษที่เธอหมายปองอย่างซ่งเยี่ยนซิน และเธอไม่อยากให้ซูเหยียนหลิงที่ชอบซ่งเยี่ยนซินได้เขาไป ดังนั้นแม้ว่าคุณยายจะร้องขอให้กลับไปอยู่ด้วยแค่ไหน เธอกลับยืนกรานหนักแน่นเพียงเพราะผู้ชายคนเดียว แต่ว่าซูจิ้งหนานคนนี้ไม่ใช่คนเดิมในนิยายอีกแล้ว ซูจิ้งหนานคนนี้คือนางร้ายคนใหม่ที่ใช้สมองนำปาก ดังนั้นย่อมต้องไม่จบแบบเดิมแน่นอน ซูเหวินเฉียงอยู่ในห้องเก่าของภรรยาชั่วครู่ ก่อนจะสั่งสอนไป๋หรูอิงเสร็จและเดินออกมา เมื่อเห็นว่าซูเหยียนหลิงยังนั่งพับเพียบอยู่ตรงนี้เขาก็ตวาดลั่น “มานั่งทำไมตรงนี้ ยังไม่รีบเข้าห้องไปสำนึกอีก” คำว่าสำนึก! ทำให้ซูเหยียนหลิงสับสน เธอต้องสำนึกเรื่องอะไรกัน แล้วทำไมคุณพ่อต้องทำท่าทางโกรธเธอขนาดนั้น เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย “คุณพ่อคะ” ซูเหยียนหลิงบีบน้ำตาออกมา แต่ทว่าร่างใหญ่กลับก้าวฉับ ๆ ออกไปแล้วเคาะประตูห้องของซูจิ้ง หนาน ก๊อก ก๊อก ก๊อก! “หนานหนาน...เปิดประตูให้พ่อหน่อยลูก เรื่องนี้พ่อมีคำอธิบายแน่ ๆ” ซูจิ้งหนานได้ยินแล้วก็ถอนหายใจ แต่เธอมีสิ่งที่เรียกว่ามิติที่เพิ่งปรากฏเมื่อเธอหยิบหนังสือของซูจิ้งหนานคนเก่าใส่กระเป๋า...มันไม่ใช่หนังสือเรียน แต่เป็นหนังสือ เก่า ๆ เล่มหนึ่งไม่แน่ว่าคืออะไร แต่เมื่อเปิดออกมาแสงสว่างกลับเจิดจ้าเหลือเกิน ห้วงมิติเหรอ? เธอถามตัวเอง แต่แล้วเสียงด้านนอกก็ยังไม่หยุด ทำให้รบกวนสมาธิของเธอเหลือเกิน จึงทำได้แค่ยัดลงประเป๋า “พ่อคะ...ครั้งนี้หนูทำใจไม่ได้จริง ๆ ค่ะ หากไม่พบคุณยายหนูจะไม่ออกไปเด็ดขาด” เธอพูดไปแล้วก็เก็บของไปด้วย เมื่อจะหยิบใส่กระเป๋า หนังสือปกแข็งก็เปิดออก พร้อมกับดูดสิ่งของเหล่านั้นเข้าไป ทำให้เธอตกตะลึง “นะ...นี่...นี่มันคืออะไรกัน” เธอไม่มีเวลาคิดมากจึงจัดการหยิบ ๆ ของทุกอย่างยัดลงกระเป๋า แต่เมื่อยัดลงไปกลับดูดเข้าไปในหนังสือจนหมด เธอก็เปิดหนังสือ ล้วงมือเข้าไปก็พบว่าหยิบออกมาได้เหมือนกัน นี่...หรือเปล่าตัวช่วยของเธอในโลกใบนี้...น่าสนุกจริง ๆ เลย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม